โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

"งบ 63" ไม่วิบัติ ศรีธนญชัยฯโอ่ มีช่องให้เล็ดลอดเพียบ

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 24 ม.ค. 2563 เวลา 17.57 น. • เผยแพร่ 24 ม.ค. 2563 เวลา 22.01 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

พท.ไม่ให้ใช้ม.143 ‘ชวน’ ส่งศาลรธน. 

ให้ไปจบที่ศาล รธน.“ชวน” ส่งคำร้องตีความร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 แล้ว ย้ำถ้าตัวไม่อยู่ฝากคนอื่นกดแทน มีปัญหาแน่ “วิษณุ” สมฉายา “ศรีธนญชัยรอดช่อง” งัด รธน.มาตรา 143 อ้างหวังผ่าทางตัน ฟุ้งมีช่องทางเล็ดลอดเพียบ งบฯ 63 ไม่มีทางวิบัติ ไหลลื่นไม่เหมือน ก.ม.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ถึงตกเป็นโมฆะรัฐบาลก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร

“ไพบูลย์” หน้าตาเฉย ส.ส.จอมเสียบแค่ส่วนน้อย “เทพไท” ยกเสียงปริ่มน้ำต้นเหตุ “สาธิต” หนุน “นิพิฏฐ์” ถึง รบ.ต้องล้มก็ต้องยอมรับ อนค.จี้ รบ.ลาออกถ้างบฯ โมฆะ “สมพงษ์” ซัดทำแบบนี้ ศก.พัง เตือนอย่าคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า “โภคิน” ดักทาง “วิษณุ” อย่าด้านยก รธน.143 มาอ้าง “ภูมิธรรม” ตอกพูดให้น้อยๆหน่อย ป.ป.ช.ทำไขสือยังไม่สอบ พท.-อนค.สับแหลก “ชิม ช้อป ใช้” ให้ต่างชาติเที่ยว ปิดไปอีกตำนานการเมือง “ปู่ชัย” สิ้นใจสงบ “ชวน-วิษณุ” ร่วมอาลัย

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร มอบหมายเจ้าหน้าที่รัฐสภา นำคำร้องของ ส.ส.จำนวน 174 คน ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หลังเกิดกรณีฉาว ส.ส.เสียบบัตรแทนกันแล้ว

“ศรีธนญชัยรอดช่อง” ออกฤทธิ์

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 24 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกันระหว่างลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า ต้อง รอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสภาผู้แทนราษฎร และรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยต้องรอผลตรวจสอบของสภาฯก่อน บัตรประจำตัว ส.ส.จะใช้ 2 กรณี ได้แก่ แสดงตน และลงมติ ปัญหาคือมีการแสดงตนและกดลงมติหรือไม่ เมื่อถามว่า บางฝ่ายพยายามหยิบยกเจตนาว่าเจ้าตัวอยู่ในห้องประชุม แต่มีการฝากบัตรกับเพื่อนเนื่องจากช่องลงมติไม่พอ นายวิษณุตอบว่า เจตนาไม่ใช่เรื่องใหญ่ สุดท้ายให้ออกมาเป็นข้อเท็จจริงว่าเสียบบัตรคาไว้หรือไม่ หรือมอบหมายให้ใครกดหรือไม่ หรือมอบหมายคนอื่นแล้วรู้หรือไม่ว่าใครกด อาจได้คำตอบไม่ครบหมด ได้เท่าไรก็เท่านั้น

ลั่นร่าง พ.ร.บ.งบฯ ไม่มีทางวิบัติ

เมื่อถามว่า มีการหารือกับนายกฯ ถึงทางออกแล้วหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ทางออกมันมีอยู่ แต่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน จะได้รู้ว่าผิดตรงไหนจะได้แก้ไข วันนี้ความกังวลคือการล่าช้า แต่ถ้ากังวลว่าจะเกิดความเสียหายร้ายแรงนั้น มันไม่เกิด “มีคนพูดว่าจะวิบัติ ขอย้ำว่าไม่วิบัติ อย่างไรก็ทำได้ ข้าราชการได้เงินเดือน เพราะสำนักงบประมาณเตรียมวิธีแก้ปัญหาไว้แล้ว พอดีพอร้ายเผลอๆโครงการต่างๆอาจมีช่องทางไปได้ แต่โครงการลงทุนใหม่อาจจะยาก ขอให้รู้ก่อนว่าความผิดบกพร่องเกิดตรงไหน จะแก้อย่างไร ส่วนการออก พ.ร.ก.เงินกู้ไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด นั่นเป็นทางสุดท้าย”

ไหลลื่นไม่เหมือน ก.ม.กู้เงิน 2 ลล.

เมื่อถามว่า รัฐบาลมีทางออกอยู่แล้วใช่หรือไม่ แต่ไม่มั่นใจถึงประสานวิปรัฐบาลส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ นายวิษณุตอบว่า ไม่ใช่ไม่มั่นใจ มั่นใจแต่ไม่บอก และศาลรัฐธรรมนูญรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน กรณีนี้ต่างกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อคราวพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2556 และการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ปี 2557 ที่เสียไปเพราะกระบวนการไม่ถูกต้องทั้ง 2 กรณีเป็นการเสียบบัตรแทนกันโดยคนคนเดียวกัน การพิจารณากฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ไม่มีกำหนดเวลา เมื่อเสียคือเสียไป แต่ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 143 เขียนไว้ชัดว่าหากพิจารณาไม่เสร็จใน 105 วัน ให้ถือว่าสภาฯเห็นชอบ เพราะเขากลัวสภาฯ แช่ไว้ เป็นความต่างอยู่ แต่หากศาลบอกว่าไม่ต่างก็แล้วแต่ศาล เพียงแต่ที่ยื่นเพื่อชี้ประเด็นให้เห็นว่าไม่เหมือนกัน

รัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบอะไร

นายวิษณุกล่าวว่า หากมาตรา 143 สามารถใช้ได้กับเรื่องนี้ มันจะกลับไปสู่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่เสนอในวาระที่ 1 ทุกอย่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาตัดๆไป จะกลับไปสู่ร่างแรก เพราะเจตนาของมาตรานี้ต้องการให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ไม่ได้คิดว่าจะเกิดกระบวนการทำผิด หรือคณะกรรมาธิการทำล่าช้า เมื่อถามว่าเพราะมีมาตรา 143 ใช่หรือไม่ จึงระบุว่าไม่ถึงขั้นวิบัติ นายวิษณุตอบว่า ไม่ใช่ทางออกสุดท้าย แต่เป็นทางออกหนึ่ง มีถึง 6-7 ทางออก เมื่อถามย้ำว่าถ้าศาลวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.งบฯเป็นโมฆะ จะมีผลกับรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า สมมติว่าโมฆะหมดเลย ก็หาทางออกอื่น มีหลายทาง มันใหญ่กว่าช่องเยอะ ไม่ต้องรอดเดินสง่าผ่าเผย รัฐบาลต้องรับผิดชอบอย่างไร งบประมาณก็ได้ออก ไม่มีใครเดือดร้อน ข้าราชการยังได้เงินเดือน หรือโครงการไหนดำเนินการไม่ได้ เพียงแต่มันช้า ไม่มีปัญหา ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่คาดหมายว่าจะวิบัติ

โอด ส.ส.จอมเสียบแค่ส่วนน้อย

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า สาระสำคัญคำร้องของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ส.ฝ่ายค้านที่ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยทั้ง 2 ฉบับ เป็นเรื่องของการออกเสียงที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีข้อความใดระบุว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญมาตรา 148 จึงมั่นใจว่าไม่ทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ต้องตกไป เชื่อว่าไม่มีผลกระทบกับประเทศ ที่ผ่านมาเมื่อปี 2557 เคยยื่นให้มีการตรวจสอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้งบประมาณต้องตกไป ครั้งนั้นศาลใช้เวลาเพียง 10 วัน จึงเชื่อว่าคราวนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน มั่นใจมากว่าจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างแน่นอน ส่วนกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน เป็นเพียงคนส่วนน้อย ต้องให้ความเป็นธรรมกับเสียงส่วนใหญ่ที่มุ่งมั่นทำหน้าที่ การกดบัตรแทนกันแม้จะไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่ได้มีเสียงเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงมติได้ หากจะวินิจฉัยให้ต้องตกไปก็ถือว่าไม่เป็นธรรมกับ ส.ส.ส่วนใหญ่ ส่วนคนที่เสียบบัตรต้องว่าไปตามกฎหมาย

“เทพไท” ชี้เสียงปริ่มน้ำต้นเหตุ

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรื่องอื้อฉาวของการเสียบบัตรแทนกัน น่าจะมาจาก 2 เหตุผล คือ 1.จำนวนช่องเสียบบัตรไม่เพียงพอกับจำนวน ส.ส. แต่ไม่ใช่ปัญหาที่ ส.ส.จะนำมาอ้างในการกดบัตรแทนกัน 2.เกิดจากการที่รัฐบาลมีเสียงสนับสนุนปริ่มน้ำ สุ่มเสี่ยงจะแพ้มติ หรืออาจเกิดเหตุสภาฯล่ม สมาชิกไม่ครบองค์ประชุม ถ้าพรรคฝ่ายค้านไม่ให้ความร่วมมือเข้าร่วมประชุม หรืองดการแสดงตน นี่เป็นเกมการเมืองทดสอบความพร้อมฝ่ายรัฐบาล ทำให้วิปรัฐบาลต้องกำชับให้มีการลงคะแนนโดยพร้อมเพรียงกัน และมีการคาดโทษกับผู้ขาดประชุม ทำให้ ส.ส.บางคนที่ติดภารกิจฝากบัตรเพื่อนมาใช้สิทธิ์แทน ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาส่วนบุคคล อยู่ที่ความรับผิดชอบ และจิตสำนึกแต่ละบุคคล ถ้า ส.ส.ทุกคนเคร่งครัดต่อระเบียบวินัย และภาระหน้าที่ ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ปัญหาต่างๆจะไม่เกิดขึ้น

ปชป.อุ้ม “นิพิฏฐ์” ไล่ฟันคนทำผิด

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นาย นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคฯ ออกมาเปิดโปง ส.ส.รัฐบาลเสียบบัตรแทนกันนั้น ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่ารัฐบาลจะล้ม เพราะความขัดแย้งภายในรัฐบาลเอง คิดว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ด้วยความชอบธรรม ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ต้องพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง สถานะรัฐบาลนอกจากปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ต้องขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของประชาชน และความชอบธรรม หาก รัฐบาลต้องล้มเพราะกรณีดังกล่าว ก็ต้องยอมรับอยู่แล้ว เราต้องยอมรับผลของกฎหมาย การอยู่ได้ของรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่ศาลตัดสินอย่างเดียว แต่อยู่ที่การตัดสินของประชาชนและสถานการณ์ ไม่ควรไปต่อว่านายนิพิฏฐ์ สิ่งที่ต้องคิดกันต่อคือผู้ที่ไม่ลงคะแนนนั้นเป็นความผิด ทั้งนี้ ผู้ใหญ่ในพรรคยังไม่ได้พูดคุยกับนายนิพิฏฐ์ เมื่อถามอีกว่าเกรงจะมีปัญหาแคลงใจกับภูมิใจไทยหรือไม่ นายสาธิตตอบว่า ส่วนตัวคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ให้เข้าใจได้ แต่คนอื่นตนไม่รู้

อนค.จี้ รบ.ลาออกถ้างบฯโมฆะ

ด้านนายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ผลกระทบจากการเสียบบัตรแทนกันเป็นไปได้ 3 แนวทาง คือ 1.ร่าง พ.ร.บ.งบฯ เป็นโมฆะ เพราะเป็นส่วนในสาระสำคัญต้องตราขึ้นมาใหม่ 2.รัฐบาลไม่สามารถออก พ.ร.ก.มาบังคับใช้ก่อนได้ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 141 กำหนดให้งบประมาณรายจ่ายต้องทำเป็น พ.ร.บ.เท่านั้น และ 3.ไม่สามารถใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 143 ได้ เพราะมิใช่กรณีที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาไม่เสร็จภายในระยะเวลา 105 วัน แต่พิจารณาเสร็จแล้วกลับมาโมฆะในภายหลัง เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่าร่าง พ.ร.บ.งบฯเป็นโมฆะ ตามหลักนิติประเพณีรัฐบาลต้องรับผิดชอบอย่างไร นายชำนาญตอบว่า ตามนิติประเพณีคือ ลาออกหรือยุบสภาฯ แต่ในเมื่อผู้ที่เสียบบัตรแทนกันเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ควรจะลาออก สัปดาห์หน้าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถยุบสภาฯหนีได้ คงเหลือทางเดียวคือลาออกเท่านั้น

“สมพงษ์” ซัดทำแบบนี้ ศก.พัง

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า การกดบัตรแทนกันของ ส.ส.รัฐบาล ส่งผลกระทบสำคัญ ทั้งความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ต่อบรรทัดฐานของการตีความกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นการลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณที่มีความสำคัญยิ่ง ดังนั้นเมื่อมีปัญหาที่ถูกตั้งคำถามถึงความชอบในการตรา พ.ร.บ.ฉบับนี้ อันจะส่งผลให้เกิดความล่าช้า อาจส่งผลเสียหายสร้างความชะงักงันต่อเศรษฐกิจ ทุกฝ่ายกำลังเฝ้าจับตามองหากมีการบิดเบือน หรือการตีความที่ต่างออกไปจากความเชื่อที่สังคมมีอยู่ น่าจะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม ทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องต้องยึดมั่นในกฎหมาย และตามบรรทัดฐานที่ถูกต้อง ป้องกันไม่ให้เกิดความเคลือบแคลง และบั่นทอนต่อความเชื่อมั่นต่อระบบรัฐสภาไทย ต่อระบบกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม

อย่าคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

นายสมพงษ์กล่าวต่อว่า ที่ควรระวังคือ ทุกฝ่ายต้องไม่คิดแก้ไขปัญหาเพียงเฉพาะหน้า เพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯผ่านไปได้ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายรุนแรงในอนาคต หวังว่าผู้ที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ที่เสียบบัตรแทนเพื่อน ส.ส.ที่ฝากบัตรให้เพื่อนเสียบแทน หัวหน้าพรรคที่มีสมาชิกกระทำผิด ประธานสภาฯ นายกฯ คณะรัฐมนตรี ตลอดจนองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง ต้องตระหนักถึงภาระความรับผิดชอบที่สำคัญนี้ ไม่ปล่อยให้ปัญหานี้จบลงด้วยการสร้างความเคลือบแคลงใจ เหมือนหลายครั้งที่ผ่าน

ดักทางห้ามยก รธน.143 มาอ้าง

นายโภคิน พลกุล อดีตประธานสภาฯ กล่าวว่า ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร ส่วนตัวเห็นว่าหากเป็นกรณีกระบวนการตรากฎหมายไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว ร่าง พ.ร.บ.ต้องตกไปทั้งฉบับ และศาลรัฐธรรมนูญเคยมีแนวคำวินิจฉัยเมื่อปี 2557 มาแล้ว เป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องหาทางออก ส่วนตัวคิดว่าไม่สามารถนำรัฐธรรมนูญมาตรา 143 มาปรับใช้ได้ เพราะเป็นเรื่องที่กำหนดให้สภาฯพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯให้เสร็จภายใน 105 วัน แต่กรณีนี้เป็นกระบวนการตราที่มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เป็นคนละกรณีกัน เมื่อถามว่ารัฐบาลสามารถตรา พ.ร.ก.เพื่อบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯได้หรือไม่ นายโภคินตอบว่า รัฐธรรมนูญบัญญัติเป็นการเฉพาะว่าการจ่ายเงินแผ่นดิน และการจัดทำงบประมาณ ต้องทำเป็น พ.ร.บ.เท่านั้น จึงเห็นว่าการตรา พ.ร.ก.ในกรณีนี้ย่อมไม่สามารถกระทำได้ เพราะจะเป็นการขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ

ตอก “วิษณุ” พูดให้น้อยๆหน่อย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวสังคมกำลังจับตามอง เพราะกระทบกระบวนการเสนองบประมาณของรัฐบาล การกระทำของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่กดบัตรแทนกัน ถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมายพรรคการเมือง และข้อบังคับการประชุมสภาฯ หากทำให้ผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐานที่เคยมี หรือทำให้สังคมเห็นว่าดำเนินการหลายมาตรฐาน อาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ระบบรัฐสภาฯ และกระบวนการยุติธรรม ทำลายบรรทัดฐานทางการเมือง ทุกฝ่ายต้องทำให้เกิดความชัดเจนตรงไปตรงมา เมื่อถามว่านายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ยกรัฐธรรมนูญมาตรา 143 ขึ้นมาเป็นทางออก นายภูมิธรรมตอบว่า นายวิษณุควรแสดงความเห็นให้น้อยลงจะเกิดประโยชน์กับประเทศมากกว่า ความเห็นทางกฎหมายในระยะหลังเป็นการแสดงทัศนะส่วนตัวมากเกินไป ควรปล่อยให้องค์กรที่มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาด “นายวิษณุยิ่งพูดมากเท่าไหร่สังคมอาจไม่สบายกับท่านมากขึ้นเท่านั้น บางเรื่องท่านไม่ควรทำหน้าที่เกินเลยไปชี้นำองค์กรที่มีหน้าที่ชี้ขาด”

“ชวน” ย้ำอีกมีปัญหาแน่นอน

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เตรียมลงนามและส่งเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่มี ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ กรณีฝากให้คนอื่นเสียบบัตรลงคะแนนแทนแต่ตัวไม่อยู่ในห้องประชุม เป็นกรณีที่มีปัญหาแน่นอน แต่กรณีตัวอยู่ในที่ประชุมแล้วให้บุคคลอื่นเสียบบัตรลงคะแนนแทน ต้องดูที่เจตนาและต้องตักเตือน แม้สถานที่จะไม่เอื้ออำนวยแต่ก็อยากให้หลีกเลี่ยงการเสียบบัตรแทนกัน คาดว่าปัญหาจะน้อยลงเมื่อมีการใช้ห้องประชุมสุริยัน เพราะมีจำนวนที่นั่งและเครื่องลงมติเพียงพอกับจำนวนสมาชิก ส่วนแนวทางการใช้อัตลักษณ์สแกนม่านตา หรือลายนิ้วมือแทนการใช้บัตรแสดงตน ต้องดูความเหมาะสมว่าเป็นการใช้งบประมาณสิ้นเปลืองเกินจำเป็นหรือไม่ จริงๆเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของแต่ละคน

ส่งให้ศาล รธน.ตีความแล้ว

ต่อมาช่วงบ่ายที่ศาลรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่รัฐสภา นำคำร้องของ ส.ส. 174 คน ที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ลงนามมายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้พิจารณาว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังมีการระบุว่ามี ส.ส.เสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบฯ ทั้งนี้ คาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะนำคำร้องดังกล่าวเข้าพิจารณาในที่ประชุมภายในสัปดาห์หน้า เนื่องจากถือเป็นเรื่องสำคัญ

ป.ป.ช.ทำนิ่งไม่สอบ ส.ส.นักเสียบ

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีมีข้อกล่าวหา 4 ส.ส. มีพฤติการณ์เสียบบัตรแทนกันระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 ว่ายังไม่ได้มีการร้องเรียนเข้ามาที่ ป.ป.ช. ต้องรอให้ร้องเรียนเข้ามาก่อนจึงจะไต่สวนได้ เมื่อถามว่าจะยกเหตุอันควรสงสัยเข้าไปไต่สวนเองหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลตอบว่า ตามอำนาจหน้าที่ ป.ป.ช.สามารถทำได้ แต่ประเด็นนี้ปรากฏข้อเท็จจริงเบื้องต้นผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น ป.ป.ช.เฝ้าติดตามอยู่ ต้องรอข้อเท็จจริงปรากฏให้ครบถ้วนก่อน เมื่อถามว่าหากเทียบกับกรณีนายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ที่ ป.ป.ช.เคยชี้มูลความผิดในกรณีเดียวกันไปก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.วัชรพลตอบว่า การเสียบบัตรแทนกันระหว่างกรณีนายนริศรกับเรื่องนี้ ไม่อาจเทียบกันได้ แม้เหตุการณ์คล้ายกัน แต่ข้อเท็จจริงอาจต่างกัน ต้องรอผลสรุปเบื้องต้นเสียก่อน จึงจะดำเนินการอะไรต่อไปได้

พท.รอเคาะโดนซักฟอกกี่คน

อีกเรื่อง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า วันที่ 27 ม.ค. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะเชิญ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน และตน ประชุมสรุปรายละเอียดการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคเพื่อไทย เพื่อนำข้อมูลไปพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันที่ 28 ม.ค. เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะอภิปรายรัฐมนตรีกี่คน ก่อนนำข้อมูลมารายงานผู้นำฝ่ายค้านอีกครั้ง โดยขณะนี้ในส่วนของพรรคเพื่อไทยยังคงมีรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายจำนวน 5 คนเท่าเดิมอยู่ ส่วนอีก 2 คน ที่ตนเคยพูดก่อนหน้านี้ก็รอความชัดเจนจากพรรคร่วมฝ่ายค้านก่อน

ปชป.โวย กกต.ไม่สางทุจริต ลต.

ที่สำนักงาน กกต. นายอันวาร์ สา และ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือเพื่อให้ กกต.ติดตามเร่งรัดตัดสินกรณีการทุจริตเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 พัทลุง ที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง ได้ยื่นร้องเรียนจะครบ 1 ปีแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า นายอันวาร์กล่าวว่า หากเรื่องนี้เกิน 1 ปีจะไม่สามารถดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้งได้ ถึงเวลาที่ กกต.ต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อตอบว่าที่ผ่านมา กกต.ทำอะไรอยู่ ไม่เช่นนั้นจะมีความผิดเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เพราะเราเหมือนถูกแซงคิว ทั้งนายอันวาร์ และคณะใส่เสื้อสีน้ำเงิน สกรีนข้อความด้านหน้าว่า โกงการเลือกตั้งภาคใต้ทำอะไรอยู่ และข้อความ ทุจริตเลือกตั้งเพิกเฉยไม่ได้ อยู่ด้านหลัง และจะแจกเสื้อให้กับ กกต.ทุกคนเพื่อตอกย้ำว่า กกต.ที่มีทั้งงบฯ และบุคลากรไปทำอะไรอยู่กับการทุจริตที่เกิดขึ้น

“ณฐพร” ตื๊อ กกต.ยื่นยุบ อนค.ซ้ำ

ต่อมานายณฐพร โตประยูร ผู้ร้องคดีล้มล้างการปกครองของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ยื่นหนังสือเพิ่มเติมต่อ กกต. หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยกคำร้องกรณีดังกล่าวเพื่อให้ กกต.พิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่อีกครั้ง นายณฐพรกล่าวว่า คำวินิจฉัยตอนหนึ่งระบุว่า หากมีการกระทำอันเป็นความผิดในกฎหมายอื่น ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆที่ต้องไปพิจารณาดำเนินการ ซึ่งความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 (2) ตนไม่มีอำนาจยื่นคำร้อง เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. จึงจำเป็นต้องมายื่นร้องพร้อมหลักฐานมาส่งมอบให้ กกต.ได้พิจารณาดำเนินการฐานเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ แค่มีแนวคิดก็ถือว่าเป็นปฏิปักษ์แล้ว

พท.สับรัฐบาลจ้างต่างชาติเที่ยว

อีกเรื่อง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลมีแนวคิดจะพิจารณามาตรการ “ชิม ช้อป ใช้ อินเตอร์” หรือการแจกคูปองเงินให้ชาวต่างชาติเที่ยว ใช้กระตุ้นการท่องเที่ยว ชดเชยค่าบาทแข็งว่า ไม่น่าเชื่อว่าแนวคิดการแจกเงินจะลามไปให้ต่างชาติเที่ยว เป็นการเอาภาษีคนไทยไปแจกเงินจ้างต่างชาติมาเที่ยวไทย ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเลย แจกหมดก็หมดไปเลิกเที่ยวทุกอย่างก็เหมือนเดิม แต่ที่หายไปคือเงินภาษีประชาชน เรื่องบาทแข็งต้องแก้ที่อัตราแลกเปลี่ยนปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน หากจะใช้มาตรการด้านราคาจริงต้องเอางบฯใส่มือคนไทย สนับสนุนผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยให้สามารถบริการในราคาที่ถูกลง ดึงดูดการท่องเที่ยวอีกทอดหนึ่ง ไม่ใช่เอาเงินไปจ้างนักท่องเที่ยว อยากให้รัฐบาลคิดเยอะๆไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ก่อนจะทำมาตรการต่างๆ ควรมุ่งทำในสิ่งที่มันสร้างรายได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เอาเงินไปซื้อ เอาไปแจก ต่อลมหายใจไปเรื่อยๆ อย่าติดนิสัยการแจกในประเทศไปไกลถึงการแจกให้ต่างชาติ

อนค.ซัดแจกเงินไร้ผลลัพธ์ยั่งยืน

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ผอ.ด้านนโยบายพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยขณะนี้เริ่มกลับมาขยายตัวต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่ายังไม่หมดอายุ ใช้งบฯไปกว่า 12,000 ล้านบาทแล้ว ส่วนที่ยังชะลอตัวคือค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ถ้าจะแจกเงินดึงดูดนักท่องเที่ยว จะทราบได้อย่างไรว่าจะจูงใจให้คนเปลี่ยนใจมาเที่ยวเมืองไทย เงินที่แจกจะทำให้ใช้จ่ายเพิ่มเติมไปจากที่วางแผนเอาไว้ ถึงจะจูงใจนักท่องเที่ยวต่างชาติได้จริง รัฐบาลต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่ แล้วเงินภาษีจำนวนมหาศาลนี้ไปทำให้การท่องเที่ยวเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไร รัฐบาลควรถอดบทเรียนจากชิม ช้อป ใช้ ที่ผ่านมาว่าผลลัพธ์กระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ไหน แม้กระทั่งวันตรุษจีนเทศกาลจับจ่ายของคนไทยเชื้อสายจีน แต่มีผลสำรวจออกมาว่าปริมาณการใช้จ่ายลดลงทุกปี นี่หรือผลจากการแก้ปัญหาด้วยการแจกเงิน

ปชป.ไม่หวั่นเลือดไหลไม่หยุด

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีอดีตผู้สมัคร ส.ส.ทยอยลาออกจากสมาชิกพรรคว่า พรรคเคารพการตัดสินใจของแต่ละบุคคล สิ่งสำคัญที่สุดคือการเดินหน้าทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนและประเทศต่อไป หัวหน้าพรรคให้ทุกคนในพรรคได้มีบทบาทที่หลากหลาย ทั้งในสภาฯ กระทรวงที่มีพรรคมีรัฐมนตรี เป็นธรรมดาทำงานย่อมไม่มีอะไรถูกใจทั้งหมด ขณะนี้ทุกคนในพรรคจะเป็นกำลังคนละไม้ละมือเพื่อร่วมกันทำงานฟันฝ่าทุกอุปสรรค สนับสนุนหัวหน้าพรรค สิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่านั้นคือพรรคที่ทุกคนต้องยึดมั่น บุคลากรปรับเปลี่ยนตามวาระเวลา แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังคงอยู่ต่อไป

ป.ป.ช.ชี้เครดิตโปร่งใสไทยร่วง

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวเปิดโครงการหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) รุ่นที่ 11 ตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค. องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (TI) ประกาศค่าคะแนนดัชนีรับรู้การทุจริต (CPI) ปี 2562 มี 2 ใน 3 จาก 180 ประเทศ ได้คะแนนต่ำกว่า 50 คะแนน โดยทั่วโลกคะแนนเฉลี่ย 43 คะแนน ประเทศได้คะแนนสูงสุดคือ เดนมาร์ก นิวซีแลนด์ 87 คะแนนเท่ากัน ส่วนไทยได้ 36 คะแนน อยู่ลำดับที่ 101 จาก 180 ประเทศ เมื่อถามว่าสาเหตุที่ทำให้ค่า CPI ลดลงมาจากปัจจัยทางการเมืองหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล ตอบว่า เป็นหนึ่งในหลายปัจจัย ตอนนี้ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นโดยเฉพาะการเผยแพร่ข้อมูลในโซเชียลมีเดียดีมาก ช่วยกดดันตีแผ่พวกทุจริตสร้างความเป็นธรรมให้กับสังคมในปี 2563 ป.ป.ช.ตั้งเป้าจะทำคดีให้เสร็จไม่น้อยกว่า 2,200 คดี จากเดิมตั้งเป้าไม่น้อยกว่า 500 คดีต่อปี เชื่อว่าคดีค้างเก่าจะหมดไปในปี 2564 เหลือแต่คดีใหม่ๆ

เผยหลักนิติธรรม-ปชต.วูบ

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวว่า คะแนนดัชนีรับรู้การทุจริต (CPI) ที่ใช้ประเมินความโปร่งใสมาจาก 9 แหล่งข้อมูล คะแนนปี 2562 ไทยมี 3 แหล่งข้อมูลที่ได้คะแนนมากกว่าปี 2561 ได้แก่ 1.แหล่งข้อมูลด้านความสามารถการแข่งขันได้ 45 คะแนน อันเป็นผลจากการรับรู้ถึงความจริงจังของภาครัฐในการปราบปรามทุจริต 2.แหล่งข้อมูลจากนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจได้ 38 คะแนน 3.แหล่งข้อมูลที่เป็นมุมมองของนักธุรกิจต่างประเทศที่สะท้อนอุปสรรคในไทยได้ 43 คะแนน ที่สะท้อนถึงปัจจัยที่เป็นอุปสรรคการดำเนินธุรกิจในไทยลดลง ส่วนแหล่งข้อมูลที่ไทยได้คะแนนลดลงมี 2 แหล่ง ได้แก่ 1.แหล่งข้อมูลจากการประเมินความโปร่งใสเรื่องหลักนิติธรรมได้ 38 คะแนน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญมองว่า กลุ่มข้าราชการยังใช้ทรัพย์สินราชการเพื่อ ผลประโยชน์ส่วนตน และมีแนวโน้มใช้ทรัพย์สินราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตนมากขึ้น 2.แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับความหลากหลายของประชาธิปไตย การถ่วงดุลของฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ตลอดจนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ได้ 20 คะแนน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญมองว่าแม้ผ่านการเลือกตั้งใหม่แล้ว แต่พฤติการณ์เจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ การเบียดบังเงินงบประมาณยังคงมีอยู่อีก 4 แหล่งข้อมูลไทยได้คะแนนเท่าปีที่แล้ว

“ปู่ชัย” ถึงแก่อนิจกรรมในวัย 92 ปี

วันเดียวกันเวลา 08.01 น. นายชัย ชิดชอบ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร บิดานายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้ถึงแก่อนิจกรรมลงอย่างสงบด้วยวัย 92 ปี ที่บ้านพักภายในโรงโม่หินศิลาชัย ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ หลังเข้ารักษาตัวที่ รพ.บุรีรัมย์ มาตั้งแต่เดือน พ.ค. 62 และถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า ก่อนที่ครอบครัวจะนำกลับไปที่บ้าน จ.บุรีรัมย์ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 ม.ค. กระทั่งเสียชีวิตลงอย่างสงบ บรรยากาศที่บ้านพักในโรงโม่หินศิลาชัย ผู้ที่ทราบข่าวทั้งข้าราชการนักการเมือง และประชาชน ทยอยเดินทางมาร่วมไว้อาลัยและแสดงความเสียใจกับครอบครัวชิดชอบต่อเนื่อง มีกำลังตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร

ผ่านตำแหน่งทางการเมืองเพียบ

สำหรับประวัติทางการเมืองโดยสังเขป นายชัย ชิดชอบ เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ อดีตประธานรัฐสภา และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็น ส.ส.มาหลายสมัย และ ส.ว.บุรีรัมย์ 1 สมัย เริ่มงานการเมืองจากการเมืองท้องถิ่นเป็นกำนัน ต.อิสาณ ทำธุรกิจโรงโม่หินศิลาชัย เริ่มงานการเมืองตั้งแต่ปี 2500 ลงสมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ต่อมาลงเลือกตั้งเป็น ส.ส.ครั้งแรกในปี 2512 ชีวิตส่วนตัวเกิดวันที่ 5 เม.ย.2472 ที่บ้านเพี้ยราม ต.เพี้ยราม อ.เมืองสุรินทร์ เป็นบุตรของนายเมียศกับนางเรียด ชิดชอบ จบมัธยมปลายจากโรงเรียนสุรวิทยาคาร จ.สุรินทร์ สมรสกับนางละออง ชิดชอบ มีบุตร 6 คน เป็นชาย 5 คน และหญิง 1 คน

“เนวิน” ของดหรีดทำบุญให้ รพ.

ขณะที่เฟซบุ๊ก “ลุงเนวิน” ของนายเนวิน ชิดชอบ โพสต์ข้อความว่า ครอบครัวชิดชอบขอเรียนเพื่อทราบว่า นายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2563 ที่บ้านพักจังหวัดบุรีรัมย์ ครอบครัวชิดชอบจะแจ้งกำหนดการพิธีสวดอภิธรรมให้ทราบต่อไป และขอความกรุณางดหรีดเคารพศพ หากท่านมีความประสงค์จะร่วมทำบุญ ขอความกรุณาบริจาคให้แก่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยธนาคารกรุงไทย สาขาบุรีรัมย์ เลขที่บัญชี 308-0-70047-3 ชื่อบัญชีเงินบริจาคของโรงพยาบาลบุรีรัมย์

“ชวน” อาลัยตำนานคนการเมือง

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการอนิจกรรมของนายชัย ชิดชอบ ว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวชิดชอบด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง เพราะนายชัยถือเป็นนักการเมืองอาวุโส เป็น ส.ส.มาตั้งแต่ปี 2512 พร้อมกับตนแต่ก่อนหน้านั้นในปี 2500 นายชัยเคยสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมานายชัยเป็น ส.ส.บ้าง หยุดบ้าง และเคยเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ปัจจุบันด้วยวัยถือว่าเป็นนักการเมืองที่อาวุโสที่สุด กำลังดูกำหนด การเพื่อนำคณะไปร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพของนายชัยเช่นกัน

“วิษณุ” ชี้สูญเสียบุคลากรสำคัญ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวร่วมแสดงความเสียใจต่อการจากไปของนายชัย ชิดชอบ ว่า ถือเป็นการสูญเสียบุคลากรสำคัญทางการเมือง นายชัยถือเป็นผู้อาวุโส และเป็นผู้ริเริ่มให้ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ เสียดายที่ท่านไม่ได้เห็นตอนเสร็จสิ้น ขณะที่คณะรัฐมนตรีไปประชุมสัญจรที่จังหวัดบุรีรัมย์ ตนก็ได้ไปเยี่ยมท่าน ท่านยังมอบพระให้ด้วยเป็นนักการเมืองที่อยู่ยงคงกระพันชาตรี เป็นคนเก่งไม่ใช่แค่บทบาททางการเมือง เคยเห็นบทบาทตอนเป็นประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า สมัยท่านเป็นประธานสภาฯ ต้องคุยกับนักวิชาการเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนและหน่วยกิต ถือว่าเก่งมาก พูดถึงเนื้อหาทางวิชาการอย่างชัดเจน ถือว่าท่านสันทัด

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0