ศาลเปิดผลสอบคดีผู้ต้องขังหลบหนีที่พัทยา และยิง 3 ศพศาลจันทบุรี
กรณีที่เกิดเหตุผู้ต้องขังหลบหนีที่ศาลจังหวัดพัทยา รวมถึงเหตุยิงกันของคู่ความคดีในศาลจังหวัดจันทบุรี นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่าจะมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ศาลและให้ถือปฏิบัติเคร่งครัด โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ด้านอาคารสถานที่และการจัดสถานที่คุมขัง โดยจะปรับปรุงพื้นที่ห้องควบคุมตัว เป็นการใช้ลูกกรงกั้น 2 ชั้น มีระยะห่างประมาณ 10-15 เมตรระหว่างผู้ต้องขังกับญาติ และให้ใช้อุปกรณ์สื่อสารที่ศาลเตรียมไว้พูดคุยกัน และให้ตรวจสอบอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ส่วนอัตรากำลังเจ้าพนักงานตำรวจศาลจะเร่งจัดสรรให้ครบจำนวน 309 คน ตามโครงการ อย่างไรก็ตามในแต่ละพื้นที่จะมีตำรวจประจำพื้นที่ และราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่วมการรักษาความปลอดภัย
กรณีของศาลจังหวัดจันทบุรี ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ซึ่งในรายงานเบื้องต้นระบุว่าปัญหาเกิดจากอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ กระบวนการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นของตำรวจศาลจะทราบผลภายในวันนี้
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตจเรตำรวจเกษียณราชการ ใช้อาวุธปืนยิงนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ และนายวิจัย สุขรมย์ ทนายความฝ่ายโจทก์ เสียชีวิต นางสุภาพร ปรมีศณาภรณ์ ภรรยานายบัญชา และนายวิชัย อุดมธนภัทร ทนายความ ได้รับบาดเจ็บ ส่วน พล.ต.ต.ธารินทร์ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา รวมมีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 2 ราย โดยมีสาเหตุมาจากปมขัดแย้งคดีฟ้องที่ดินที่ยืดเยื้อกันมานานกว่า 10 ปี จากนั้นตำรวจจับกุมนายธนากร ธีรวโรดม เสมียนทนายโจทก์ ผู้ใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลยิง พล.ต.ต.ธารินทร์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยว่า นายธนากรแย่งปืน ร.ต.อ.ขจร บรรจง ตำรวจประจำศาลจังหวัดจันทบุรี ไปยิง พล.ต.ต.ธารินทร์ แต่คำให้การนี้ขัดแย้งกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีการนำมาเผยแพร่
พ.ต.อ.คมน์ศรน์ มาบำรุง สภ.เมืองจันทบุรี เปิดเผยว่ายังไม่มีการสอบสวน ร.ต.อ.ขจร ปฏิบัติงานตำรวจศาล เป็นเจ้าของอาวุธปืน ที่นายธนากรนำไปใช้ยิง พล.ต.ต.ธารินทร์ จนเสียชีวิต เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยร.ต.อ.ขจรนั้นมีอาการเครียดและอิดโรย ซึ่งเป็นผลมาจากโรคประจำตัว ไม่พร้อมที่จะให้การ
ดีเอสไอยื่นถอนประกัน ‘ชัยวัฒน์’ ยุ่งเหยิงพยาน
กรณีที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้ต้องหาคดีร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวฆ่าและอำพรางการเสียชีวิตของนายพอละจี รักจงเจริญ ให้สัมภาษณ์ว่ามีการจัดฉากให้ร้ายนั้น พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอทำคดีนี้ตามที่มีพยานหลักฐานปรากฏ และมีหลักฐานเพียงพอจึงขอศาลออกหมายจับ
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ นายชัยวัฒน์ ขอชี้แจงคดีเป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติม โดยจะส่งเอกสารในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาว่าจะอนุญาต หรือไม่ เนื่องจากนายชัยวัฒน์ ปฏิเสธที่จะให้การในชั้นสอบสวน ทั้งหลังจากที่ได้รับการประกันตัว ยังไปออกรายการทีวีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เกี่ยวกับคดี ทางอธิบดีดีเอสไอ จึงให้พนักงานสอบสวน ถอดเทปคำให้สัมภาษณ์และพิจารณาว่าเข้าข่ายการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานทางคดี เป็นอุปสรรคในการสอบสวนตามกฎหมาย ป.วิ อาญา มาตรา 108/ 1 (2) (5) จึงจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อพิจารณาให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว นายชัยวัฒน์
ดีเอสไอรับคดีแชร์แม่มณี ออกหมายเรียกดีเจแมน-ใบเตยคดีแชร์ฟอเร็กซ์
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เปิดเผยว่า ดีเอสไอทยอยรับสำนวนคดีแชร์แม่มณีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วมากกว่า 200 สำนวน ขั้นตอนหลังจากนี้ จะระดมพนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานผู้เสียหาย จากนั้นจะจำแนกรายที่เป็นแม่ข่ายออกมาดำเนินคดีฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เพื่อหยุดยั้งวงจรความเสียหายของแชร์ลูกโซ่
ส่วนการสอบสวนคดีแชร์ฟอเร็กซ์ ทรีดี พบการนำเงินไปลงทุนเทรดหุ้นในต่างประเทศจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ใช่เงินที่ได้จากการระดมทุนนับพันล้านบาท และธนาคารแห่งประเทศไทย ตลอดจนกระทรวงการคลังไม่เคยออกใบอนุญาตแก่บุคคลหรือนิติบุคคลที่ไม่ใช่ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ในการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทางอินเทอร์เน็ต ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ไม่อนุญาตให้โอนเงินไปต่างประเทศเพื่อชำระธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่างประเทศ หรือฟอเร็กซ์ ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ส่งหมายเรียกถึงนายพัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา หรือดีเจแมน และ น.ส.สุธีวัน ทวีสิน หรือใบเตย ให้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ข้อมูลในฐานะพยาน เพื่อสอบถามความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของธุรกิจ
สภาหอการค้าเรียกร้องเลิกคุมเวลาขายแอลกอฮอล์
เมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับการท่องเที่ยว และมอบให้นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ทำหน้าที่ประสานประเด็นที่หยิบยกขึ้นมาหารือทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือข้อเสนอให้ทบทวนกฎหมายห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในสถานประกอบการ ที่กำหนดไว้เวลา 14.00-17.00 น. เพราะไม่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งให้ทบทวนการปิดสถานประกอบการก่อนเที่ยงคืนและหลังเที่ยงคืน ตลอดจนให้ทบทวนภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มจากร้อยละ 2 เป็นร้อยละ 20
….
