เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ปฏิเสธทาบรัศมี แมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์เก่า ด้วยสไตล์อันเร้าใจ หลังรักษาช่องว่าง 5 แต้ม ยึดจ่าฝูง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 2019-20
ทีมจากย่านเมอร์ซีย์ไซด์ เก็บชัย 15 เกมติดต่อกัน เฉพาะลีกสูงสุด หลังเอาชนะ เชลซี แบบหวุดหวิด 2-1 วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน ด้วยประตูของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ โรแบร์โต เฟอร์มิโน
ก่อนคิกออฟราว 24 ชั่วโมง "เรือใบสีฟ้า" สร้างสถิติเกม พรีเมียร์ ลีก ของสโมสร ถล่ม วัตฟอร์ด ยับเยิน 8-0 ทำให้การขับเคี่ยวอย่างดุเดือด ระหว่างทั้ง 2 ทีม ยังดำเนินต่อไป
ทว่า 3 คะแนนเต็มของ "เดอะ เรดส์" ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ใช่ว่าจะราบรื่น เนื่องจากต้องช่วยกันรักษาสกอร์ นับตั้งแต่ถูก เอ็น'โกโล ก็องเต มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศส ยิงตีตื้นช่วง 19 นาทีสุดท้าย
บิ๊กบอสชาวเยอรมัน คอมเมนต์เกี่ยวกับชัยชนะของ ซิตี "ผมเห็น 8 ประตู และลูกยิงชนเสาหรือคาน 3 ครั้ง ผมต้องดูเทปแบบเต็มๆ จึงจะเข้าใจ หากมันเกิดขึ้นกับทีมไหนก็ได้ ดังเช่นเราก็เคยเจอมาก่อนสักไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนเราแพ้ 0-5"
"ผมเคยบอกแล้วว่า พวกเขา (แมนฯ ซิตี) คือ ทีมที่ดีสุดของโลก ผมไม่ต้องการกดดัน เป๊ป กวาร์ดิโอลา ฟุตบอลแบบนี้มีไม่กี่ทีมที่ทำได้ แต่เราเล่นตามแบบตัวเอง พยายามเอาชนะคู่แข่ง บทสรุปมันไม่ได้ตัดสินกันด้วยเทคนิก แต่เป็นคะแนน"
"ผมยังไม่เห็นว่านี่เป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 ทีม ตอนนี้เราไม่ควรนึกถึง นี่เพิ่งจะจบแมตช์ที่ 6 เราจะมาพูดเรื่องแชมป์ทั้งที่ยังเหลืออีก 32 เกม ผมคิดว่ามันเร็วเกินไปหน่อย" อดีตเทรนเนอร์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทิ้งท้าย
ด้าน แฟรงค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" ซึ่งยังไม่เคยชนะ 4 เกมเหย้า รวมทุกรายการ กล่าว "เราไม่สมควรแพ้ เราแสดงถึงสปิริต และนั่นคือสาเหตุที่แฟนๆ ปรบมือให้เรา หากเรายังทำได้แบบนี้ต่อไป ผมคิดว่า อีกไม่นานเราก็จะทำได้"
