จากกรณี ชาวเน็ตสงสัยตั้งคำถาม ทำไมตำรวจดำเนินคดีแค่ 3 ข้อหา 'หนุ่มKSR' หัวร้อนใช้มีดแทงหน้าอก โชเฟอร์แท็กซี่วัย 53 ปี แต่ยังโชคดีที่คมมีดไม่เข้าเพราะติดแบงก์ 20 บาทปึกใหญ่ในกระเป๋าเสื้อ ซึ่งพฤติการณ์น่าจะเข้าข่ายความผิดฐาน "พยายามฆ่า" ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความชื่อดัง ได้ให้ความเห็นในแง่มุมของกฎหมายว่า ตามหลักกฎหมายนั้นการจะแจ้งข้อหาพยายามฆ่ามีหลัเกณฑ์ 4 อย่างด้วยกัน (ตามป.อาญามาตรา 59) คือ 1.ความร้ายแรงของอาวุธ ซึ่งกรณีนี้คือมีด ซึ่งหากเปรียบกับปืนแล้วปืนย่อมมีความร้ายแรงกว่า ซึ่งหากปืนเล็งไปยังหน้าอกอันนี้พยายามฆ่า แต่ถ้าเป็นมีดอาจจะยังไม่ใช่ เพราะถ้ามีดเล็ก หรือแทงไปยังบริเวณจุดไม่สำคัญ ตรงนี้อาจไม่ใช่พยายามฆ่า 2.อวัยวะที่ถูกกระทำ บริเวณหน้าอก หากเป็นอาวุธปืนถือว่าเป็นอวัยวะสำคัญ 3.ลักษณะบาดแผลที่ได้รับลึกหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ไม่มีบาดแผล
4.ดูจากพฤติการณ์อื่นประกอบ ซึ่งในการกระทำผิดทางอาญา พฤติการณ์ในการกระทำผิดถือว่าสำคัญมาก จะสามารถวินิจฉัยได้ว่าเจตนาของคนแทงนั้น ต้องการฆ่าหรือต้องการทำร้าย อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2546 ซึ่งเมื่อดูจากคลิปแล้วมันยังไม่ชัดเจนว่าถึงขนาดพยายามฆ่า เพราะหากจะพยายามฆ่าเมื่อล้มลงไปก็ต้องเข้าไปแทงซ้ำจนตายได้ เพราะฉะนั้นการที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแค่ทำร้ายร่างกายนั้นถูกต้องแล้ว
" ลักษณะของพยายามฆ่านั้น คือต้องเข้าไปแทงซ้ำ แทงเข้าไปอีกเจตนาเพื่อให้เป้าหมายถึงแก่ความตาย ล้มเสร็จต้องแทงซ้ำ ซึ่งในคลิปไม่มีการเข้าไปแทงซ้ำ เพราะฉะนั้น ที่ไม่แจ้งข้อหาพยายามฆ่านั้นชอบด้วยกฎหมายแล้วครับ แต่หากผู้เสียหายเห็นว่าข้อหามันเบาไป ก็สามารถแจ้งตำรวจและอัยการให้สอบเพิ่มก็ได้ หรือหากตำรวจและอัยการไม่ทำตามเรา เราก็ไปฟ้องศาลเองก็ได้ แต่เมื่อผมดูจากคลิปแล้วมันน่าจะเป็นเพียงทำร้ายร่างกายเท่านั้น ดูจากพฤติการณ์ และลักษณะการแทงไม่ได้หวังถึงขนาดให้ตาย ลักษณะเหมือนบันดาลโทสะ ขับปาดไปมาแล้วแท็กซี่ชนรถล้ม ทำให้โมโหและหัวร้อน ขอฝากไปยังคนหัวร้อนทั้งหลายว่าให้ใจเย็น ๆ หน่อยนะครับอาจติดคุกติดตารางได้ " ทนายเดชา กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจาก นายกิติพงษ์ มากจงดี โชเฟอร์แท็กซี่ อายุ 53 ปี ไม่พอใจที่ถูก นายสิทธิชัย อุไร อายุ 27 ปี ช่างต่อเติมตกแต่งภายใน ขี่จยย.ปาดหน้าจึงบบแตรใส่แต่ภายหลังเกิดการเฉี่ยวชนกันขึ้นทำให้นายสิทธิชัย ไม่พอใจเข้ามาทำร้ายร่างกาย นายกิติพงษ์ ด้วยการใช้อาวุธมีดแทงที่หน้าอกแต่เป็นเพราะไม่มีกล้องวงจรปิดบริเวณเกิดเหตุ จึงมองไม่เห็นภาพที่เกิดการแทง มีแต่เพียงภาพจากกล้องติดรถยนต์ที่ปรากฏวินาทีที่นายกิติพงษ์ถูกชกล้มลงกับพื้น ขณะที่นายสิทธิชัยผู้ก่อเหตุไม่ได้เข้าไปซ้ำ แต่ยังคงถือมีดเดินไปมานั่นเอง.
**ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชาวเน็ตงง'หนุ่มKSR'รอด'พยายามฆ่า' เห็นจะๆใช้มีดแทง!