โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

ขึ้นแท่น "ตัวแม่" ใครว่าดี! "คิ้ม" มีมุมหนักใจ

ไทยรัฐออนไลน์ - บันเทิง

อัพเดต 16 พ.ย. 2562 เวลา 12.12 น. • เผยแพร่ 16 พ.ย. 2562 เวลา 23.30 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

สอนคนเหมือนแม่ ชีวิตสุขง่าย ลุยงานใหม่ทุกวัน

ยืนหยัดเป็น “โค้ชตัวแม่” หนึ่งเดียวในเวที “เดอะ วอยซ์ ไทยแลนด์ 2019” ต้องยกให้ “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” นักร้องดีว่า ผู้เป็นทั้งโค้ชในรายการและเป็นโค้ชในชีวิตจริงให้แก่ลูกทีม ซีซันนี้เดินมาเข้มข้นมากว่าครึ่งทาง ออกอากาศทุกวันจันทร์ เวลา 20.15 น. ทางพีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 ค้นหา “เสียงจริง ตัวจริง” แบบครบรสดุเด็ดเผ็ดมันส์หยดติ๋ง มีทั้งโค้ชกดปุ่มบล็อกกันเพื่อแย่งลูกทีม และมีปุ่ม Save (เซฟ) เพื่อรักษาลูกทีมไว้ นานๆทีจะได้พักมุมแข่งขันมาพูดคุยมุมมอง ตัวแม่คิ้ม เริ่มจาก…

มุมมองมิตรภาพของโค้ชจากการร่วมงานกันมาหลายปีกับทั้งโค้ชโจอี้ บอย, โค้ชป๊อบ-ปองกูล และโค้ชก้อง-สหรัถ?

“ความที่พวกเราไม่ใช่ฝรั่งแต่เป็นสิ่งที่คนไทยเป็น คือมีความถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน คนไทยก็จะถือเรื่องความอาวุโสมาก่อน เกรงใจคนที่มีอายุมากกว่า ซึ่งเราจะเป็นคนที่ได้สิ่งนั้นไปเต็มๆเพราะว่าแก่กว่าเพื่อน (หัวเราะ) พี่โชคดีที่ว่าพี่เป็นผู้หญิงคนเดียวและเป็นผู้ใหญ่ที่สุด ความน่าประทับใจคือพวกเค้ามีความเป็นผู้ชายมาก ไม่จุกจิก ง่ายๆอย่างโค้ชโจ้ และโค้ชก้อง สองคนนี้ร่วมงานมาตั้งแต่เรายังไม่รู้จักรายการนี้ดีเลยว่าเราจะเลือกอะไรกันดีว่าจะไปทางไหน ทุกคนหันมามองหน้ากันเวลาที่เราตัดสินใจเลือก ส่วนป๊อบ เราก็รอป๊อบมาตั้งแต่ซีซันที่หนึ่งจบเพราะพอจบซีซันแรกรู้ทันทีเลยว่ารายการนี้เป็นยังไง คิดในใจเลยว่าถ้ามีอีกคนนึงเพิ่มหรือมีเก้าอี้เพิ่มอีกตัวหนึ่งได้ก็อยากจะให้คนนั้นเป็นป๊อบ ซึ่งพอป๊อบมาก็เข้ากับพวกเราได้จริงๆเลยเป็นซีซันที่สนุกมาก บางครั้งดูว่าถึงเราจะตีกันจริงๆ แต่เบื้องหลังมันมีความถ้อยทีถ้อยอาศัยในทุกๆคน”

ส่วนตัวคิดว่าอะไรคือจุดแข็งของรายการเดอะ วอยซ์ที่ทำให้อยู่ได้ยาวนาน 8 ปี?

“คิดว่าจุดแข็งของรายการนี้จะมีอยู่ 3 ส่วน ส่วนแรกคือโค้ชที่มีแนวเป็นของตัวเอง เรารู้ว่าเราต้องการอะไร รู้ว่าแย่งกันสนุกแค่ไหน ส่วนที่สองคือตัวเด็กที่จะมีอะไรใหม่ๆ นักร้องเก่งๆยังมีอยู่เยอะมาก ถือว่านี่คือพัฒนาการของคนไทยที่เค้าซุ่มตัวอยู่ มีความท้าทายหูของเราเสมอจนทำให้เราต้องคอยศึกษาให้ทันกับสิ่งใหม่ๆตามจับแนวทางของพวกเขาให้ทัน อีกส่วนหนึ่งก็คือวิธีการเล่าเรื่องของทีมงานให้มันมีความน่าสนใจ การตัดต่อ มีคนถามว่าเรามีสคริปต์มั้ย บอกเลยว่าไม่มีการพูดคุยในรายการหรือจะทำอะไรก็ตาม ทุกคนอยู่ดีๆก็จะพูดจะทำขึ้นเอง ในปีนี้นอกเหนือจากที่แต่ละคนมีความแปลกกันแล้ว โค้ชก้องก็มีการเปิดตัวเองออกมาในแง่ของความขี้เล่นที่มีมากขึ้น พอทุกคนคุ้นชินสบายใจกับรายการ สิ่งนั้นจะออกมาเองรายการสนุกขึ้นเพราะด้วยสิ่งเหล่านี้ผสมกันเป็นปัจจัยหลายๆอย่าง”

ได้ยินว่าโค้ชคิ้มสอนเด็กเข้มข้นมาก?

“ไม่ได้เข้มข้นอะไรเลยแต่ไม่อยากพูดอ้อมมีอารัมภบท ทุกวันนี้เด็กไปเร็วมาก เราพูดตรงๆสร้างภูมิให้เด็ก สอนให้เด็กรู้จักเทคนิคว่าเวลาเราไปนั่งอยู่กับอะไรที่อยู่ในความเพ้อฝัน เราต้องมีอะไรที่สู้กับคนเก่งๆไปพิสูจน์ตัวเอง มันมีทางที่คนเก่งไปกับมีทางที่คนฉลาดไป บางทีคนเก่งไปก็เอาตัวไม่รอดแต่คนที่เอาตัวรอดได้คือคนฉลาด นี่แหละคือสิ่งที่สอนเด็ก” ความรู้สึกในวันนี้ที่แฟนๆ ยกให้เป็นทั้งโค้ชตัวแม่ และตัวแม่ในฐานะนักร้อง? “เราไม่รู้สึกดีใจ พี่รู้สึกหนักใจมากกว่า มันคือการที่เหมือนเราเป็นแม่ เราไม่ได้เป็นครูเพราะถ้าเป็นครูก็จะสอนเด็กให้เป็นอีกอย่างนึง แต่เราเป็นเหมือนแม่ ที่เป็นทั้งครู เป็นทั้งตำรวจ เป็นทั้งผู้ร้าย เป็นทุกอย่างให้เด็ก เมื่อเราขัดแย้งกับเด็ก เค้าก็จะคิดว่าเราเป็นศัตรู เมื่อเราคอยจับผิดเค้าจะรู้สึกว่าเราเป็นตำรวจแต่สุดท้ายเมื่อเราเอ็นดูเค้า เราเข้าใจสิ่งต่างๆ เห็นอกเห็นใจ เมตตาสงสาร เด็กก็จะรู้สึกว่าเราเป็นแม่ สิ่งๆนี้เราคิดว่ามันเป็นประสบการณ์และธรรมชาติในตัวเรามากกว่า”

ฝากถึงคนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นนักร้อง?

“เราต้องอย่าแค่คิดค่ะ ต้องทำ ความสำเร็จมันคือช่วงเวลาที่โอกาสกับความพร้อมมาเจอกัน คุณต้องฝึกตัวเองจากที่บ้านให้พร้อมเสมอ แล้วเมื่อโอกาสของเดอะ วอยซ์หรือที่อื่นๆบนโลกใบนี้เปิด คุณกระโดดเข้าหามันเมื่อมันผสมรวมกันมันจะกลายเป็นความสำเร็จ ความฝันมันเป็นสิ่งที่สวยงามก็ต่อเมื่อเราเป็นคนที่เห็นมัน มันสวยงามต่อเมื่อเราลงมือทำ แล้วก็ขอให้ลืมตาฝัน อย่าหลับตาฝัน เพราะถ้าเราหลับตา เราจะไม่ยอมรับความจริงเลยหากเกิดอะไรขึ้น” ทุกวันนี้มีความสุขจากสิ่งไหนบ้าง? “เราชอบที่จะทำงาน ชอบที่ตัวเองกำลังทำรายการเดอะวอยซ์อยู่ตอนนี้ งานของเรามันจะต้องพัฒนาไปข้างหน้ามันจะต้องไม่ซ้ำซาก ต้องเป็นอะไรที่เราคาดเดาไม่ถึงแต่เราต้องแก้ปัญหาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี มันคือความสุขกับการที่เราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง แต่เราพร้อมที่จะกระโดดเข้าหา พร้อมที่จะแก้ไข พร้อมที่จะทำนี่คือสิ่งที่ดีแล้ว แล้วมันก็มีความสุขง่ายๆ ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันรู้ว่าฉันยังไหว แต่ถ้ามันไม่ดี วันพรุ่งนี้ก็ยังมีวันของวันพรุ่งนี้อีกต่อไป”.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0