นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ และรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวันที่ 17 ม.ค.62 ได้มอบนโยบายให้คณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. พิจารณาแนวทางลดผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าโดยสารรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนนั้น ล่าสุดได้รับการยืนยันจากคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางที่ได้ประชุมวาระพิเศษ วันที่ 18 ม.ค. 62 มีข้อสรุปว่าได้สั่งชะลอการขึ้นค่าโดยสารทุกประเภท อาทิ รถเมล์ ขสมก. ที่มีทั้งหมด 2,815 คัน แบ่งเป็นรถเมล์เก่า 2515 คัน รถเมล์ใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (เอ็นจีวี) หรือรถเมล์ใฟหม่ 300 คัน รวมทั้งรถเอกชนร่วมบริการ ขสมก. ที่มี 3,000 คัน แต่ให้บริการจริงประมาณ 1,300 คัน ซึ่ง 50% ผู้ประกอบการล้มเลิกกิจการไปหมดแล้ว และรถทัวร์ ที่จะปรับขึ้นค่าโดยสารในวันที่ 21 ม.ค.62 ต้องชะลอออกไปก่อน
นายประยูร กล่าวต่อว่า เนื่องจากตอนนี้มีนโยบายแก้ปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน จึงต้องการให้ประชาชนที่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล รถปิคอัพ ในกรุงเทพฯ ที่ใช้น้ำมันดีเซลที่มีประมาณ 2.5 ล้านคัน หันมาเลือกใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น อาทิ รถไฟฟ้า และรถเมล์ คาดว่า 1-2 เดือน ปัญหาค่าฝุ่นละอองจะกลับสู่ภาวะปกติหรือลดลง จากนั้นจะกลับมาพิจารณาช่วงการปรับขึ้นที่เหมาสมอีกครั้งต่อไป เพราะรถบริการร่วมเอกชนถ้าชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารนานเกินไปคงไม่ได้ ขณะเดียวกันเพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ด้วย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการรถเมล์ ขสมก. 1.3 ล้านคนต่อวัน ส่วนรถร่วม มีผู้ใช้บริการ 1 ล้านกว่า คนต่อวัน รวมประมาณ 2 ล้านกว่าคน อย่างไรก็ตามในวันที่ 18 ม.ค. นี้ ขสมก. จะเร่งติดประกาศการชะลอขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้บนรถเมล์ทุกคัน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และไม่เกิดความสับสนในการใช้บริการด้วย
