โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

ก้อง ห้วยไร่ เล่าหมดเปลือก รับคบซ้อน โกหก เห็นแก่ตัว กลัวดังลด ปิดเรื่องลูกเมีย

Khaosod

อัพเดต 21 เม.ย. 2562 เวลา 15.46 น. • เผยแพร่ 21 เม.ย. 2562 เวลา 15.46 น.
ก้องห้วยไร่

ก้อง ห้วยไร่ เล่าหมดเปลือก รับคบซ้อน โกหก เห็นแก่ตัว กลัวดังลด ปิดเรื่องลูกเมีย

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ลานตลาดนัด เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธินนักร้องลูกทุ่งหนุ่ม ก้อง ห้วยไร่ ให้สัมภาษณ์ในงานรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง“ออนซอนเด” เปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ปมดราม่าซุกลูก ชี้แจงเหตุผลที่ต้องปกปิดเรื่องมีลูกแล้วถึง 3 คน สองคนแรกน้องปิ๊ง กับ น้องปลื้ม ซึ่งเกิดกับภรรยาคนแรกที่เลิกรากันไปนานหลายปีแล้ว รวมถึง น้องไข่เจียว ลูกชายวัยขวบกว่า ที่เกิดกับ เบล ภรรยาคนปัจจุบัน พร้อมทั้งยอมรับว่าตนคบซ้อนระหว่างนักร้องสาว เอ๋ พัชรพร อดีตคู่หมั้น กับ เบล ขนิษฐา ภรรยาคนปัจจุบัน

เรื่องที่เปิดตัวครอบครัวกลายเป็นดราม่า?
“มันเป็นความผิดของตัวเราเอง เพราะผมก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ เจตนาคือเห็นแก่ตัวมาก กลัวว่าความนิยมที่เราเคยได้รับ มันจะหายไปหรือเปล่า มันเป็นความคิดของเด็กบ้านนอก แล้วมีโอกาสได้มาอยู่ตรงนี้ มันก็เลยคิดไปต่างๆนานาให้ตัวเองรอด

แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องที่ทำลายความรู้สึกพี่น้องแฟนเพลง ผมต้องขอโทษ (ยกมือไหว้) ทุกๆคนนะครับ แล้วก็มีพี่สื่อที่เขาพยายามถามผมตลอดว่ามีภรรยาหรือยัง มีลูกจริงไหม ผมก็โกหกเขามาตลอด เพราะเจตนาเหมือนเดิม เพราะคิดว่าฉันจะปกปิด มันเป็นความเห็นแก่ตัว ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ ขอโทษด้วย “

เรื่องราวที่เราปกปิดมานานเท่าไหร่แล้ว?
“ถ้าผมจะเล่าต่อ ให้มันจบความสงสัยไปเลย ก็ตั้งแต่มีข่าวว่าผมกับคุณเอ๋คบหากันก่อนจะมีชื่อเสียง แล้วผมก็ได้ไปคบกับคุณเบล ขณะที่ผมคบกับคุณเอ๋อยู่ ซึ่งเรื่องนี้ ชาวเน็ตก็พยายามถามคบซ้อนไหม ผมคบซ้อนครับ ผมก็ต้องขอโทษเอ๋ด้วยนะครับ ผมทำร้ายจิตใจเอ๋ ทำให้เอ๋ต้องผิดหวังเสียใจ แต่ก็พูดด้วยความจริงว่า ผมขอโทษ ผมเลือกที่จะรักเบล แล้วผมก็กลับกลายเป็นพร้อมที่จะแต่งงานกับเบล “

ตอนนั้นเบลรู้ไหมว่าเราคบกับเอ๋?
“คือตอนนั้นเบลยังไม่รู้ หลังจากเริ่มคุยได้สักพัก เพราะผมไม่เคยเปิดตัวเอ๋เลย แล้วหลายคนก็ถามเข้ามาว่าผมโกหกใช่ไหม ที่บอกว่าโดนเมียทิ้งแล้วแต่งเพลง ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน ซึ่งจริงๆมันเกิดจากภรรยาที่ผมมีบุตรด้วยกันสองคน แล้วก็หย่าร้างกัน อันนี้คือไม่มีอะไรนะครับ จนผมมาทำงานที่นิติพลคลินิก แล้วก็ได้รักกันกับผู้หญิงที่ทำงานที่นั่น แล้วก็ตั้งความหวังว่าจะสร้างชีวิตครอบครัว

เรื่องราวมันเกิดขึ้นเร็วมาก มันเป็นช่วงวัยรุ่นคึกคะนอง ก็คิดว่าตัวเองเจ๋ง อีกอย่างผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าอนาคตข้างหน้าผมจะเป็น ก้อง ห้วยไร่ ตอนนั้นคะนองมาก ก็สนุกสนาน เจ้าชู้ พอมีแฟนหลังจากจดทะเบียนหย่ากับภรรยาคนแรก ก็มีแฟนใหม่ พอมีแฟนใหม่เสร็จปั๊บ เขาก็บอกเลิก กลับกลายเป็นความเจ็บปวดที่เราเคยทำกับภรรยาเก่า แล้วก็มาโดนกับตัวเราเองก็เลยเขียนเพลงขึ้นมา เรื่องนี้ผมก็ปิดบังก็ต้องขอโทษอีกนะครับ สาวนิติพลคือคนที่ทำให้ผมแต่งเพลง ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน บางคนเอาไปโยงว่าคุณเป็นคนทิ้งเอ๋มาคบกับเบล แล้วทำไมคุณถึงโกหกแฟนเพลง ว่าคุณแต่งเพลงเพราะอกหัก นี่ก็คือที่มาที่ไป “

พอเบลรู้เรื่องเลิกเอ๋เพราะมาคบเบลเขาว่าไงบ้าง?
“มันรักกันไปแล้ว ผมกับเบลยอมรับผิดทุกอย่าง ขอโทษเอ๋ด้วยที่ไม่ได้คุยกันตั้งแต่วันที่ตัดสินใจเลิก เพราะว่าผมกับเอ๋ได้หมั้นกัน โดยเป็นพิธีของอีสาน ก็คือผูกข้อต่อแขนยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน “

เห็นเขาออกมาชี้แจงประเด็นสินทรัพย์?
“ผมว่ามันเป็นการเชื่อมโยงที่ไม่ใช่ตัวเราพูด แล้วเขารู้สึกว่าเขาถูกทำร้าย ถ้าผมเป็นเขาผมก็จะออกมาพูดว่าทุกคนออกมาด้วยความเจ็บปวด เอ๋ออกไปด้วยความเจ็บปวด แล้วทำไมจะต้องไปตอกย้ำเขาอีก ซึ่งที่เอ๋พูดเป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ “

ได้คุยได้เคลียร์กับเอ๋บ้างไหม?
“ยังไม่ได้คุยกับเอ๋ตั้งแต่วันที่ตัดสินใจแยกทางกัน ด้วยความที่เป็นคู่หมั้นแล้วแยกทางกัน ผมเป็นคนผิดสัญญาหมั้น เพราะผมเป็นคนเลิก เงินที่หมั้นหมาย ผมก็ให้เอ๋ไป โดยที่ไม่ได้ทวงคืน ซึ่งมันก็เป็นส่วนตรงนั้นไป แต่ส่วนที่เอ๋ออกมาพูดก็คือรายได้จากการทำงานของผม ซึ่งผมก็บอกว่าเอางี้นะเอ๋นะ ถึงไม่สามารถจะใช้คำว่าร่วมทุกข์ร่วมสุข

เพราะตอนนั้นผมเป็นเน็ตไอดอลแล้ว มีคนรู้จักจากการดีดกีตาร์ลงเฟซบุ๊ก จากเพลง ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน จนพี่กบเอามาทำเป็นเพลงแล้ว แต่เราก็อยู่ในฐานะคู่หมั้นกัน เงินที่เราหาได้ทุกบาททุกสตางค์ เราแบ่งกันคนละครึ่งได้ไหม ตัวผมเอง ผมก็ต้องใช้ชีวิตต่อ ผมก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ผมต้องให้เงินเดือนพ่อแม่ พี่สาวและหลานๆ ที่ผมเคยพูดไปครับ ก็เลยขอเอ๋มา ซึ่งเป็นเงิน 1.8 ล้านบาท ก็แบ่งกันได้คนละ 9 แสน ณ ตอนนั้นครับ”

ตอนนี้ได้เคลียร์ใจกันกับเอ๋บ้างไหม?
“ยังไม่เคลียร์ใจ เพราะกลัวว่าเขาจะไปรับข้อมูลว่าเราอยากทำร้ายเขา เราทำร้ายเขาไปมากแล้ว คือการยิ่งพูดถึงเขา ก็ทำร้ายเขาไปอีก ก็ได้แต่ฝากสื่อมวลชนไป เพื่อความสบายใจของผมด้วย และก็ของภรรยาของผมคือน้องเบล เราไม่คุยกันเรื่องเก่าๆดีกว่า เราก็ขอปิดการติดต่อทุกช่องทางของผมกับเอ๋ ก็เลยไม่ได้คุยกันโดยตรง ก็ให้มันจบไปครับ”

แต่มันก็จบไม่สวยเท่าไหร่?
“จบไม่สวย เพราะว่าผมเป็นคนที่คบซ้อนครับ ผมเป็นคนคบซ้อนแล้วก็ทำให้เขาต้องเสียใจ ซึ่งตอนนั้นเหมือนผมเคยบอกกับสื่อว่า ผมแอบชอบเบลมานานมาก ความรักของผมกับเอ๋ เกิดขึ้นเร็วมาก แล้วก็ตัดสินใจหมั้นกันเลย โดยไม่รู้ว่าตกลงเราหมั้นกันจริงไหม ซึ่งสุดท้ายแล้วเอ๋ก็เป็นคนดี แต่ผมไม่เลือกเขา ทั้งที่หมั้นกันแล้ว มันก็ทำให้เขาต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ทุกสิ่งทุกอย่างมันกระทบตัวผมร้อยเปอร์เซ็นต์ มันเกิดขึ้นแล้วผมต้องรับมันให้ได้”

เบลเขารู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้ไหม?
“ความรู้สึกผู้หญิงเหมือนกันครับ ผมถามเขาว่า เอาตรงๆเลยนะเบล ถ้าได้พูดกับเอ๋ โดยที่ไม่ต้องผ่านใคร ถ้ามีโอกาสจริงๆ ก็อยากให้เขาได้คุยกัน แล้วก็ให้เบลขอโทษเอ๋ ผมกับน้องไข่เจียวก็อยากไปขอโทษเอ๋ ว่าถ้าไม่เลิกกันวันนั้น ถ้าไม่มีเรื่องราวร้ายๆกันวันนั้น วันนี้ฉันมีครอบครัวที่อบอุ่น

แต่ผมก็ต้องขอโทษความรู้สึกของแฟนเพลง ของเอ๋ ญาติของเอ๋ แล้วก็ทุกคนที่เข้าใจความรู้สึกที่ผมโพสต์รูปลูกเมียบ่อยๆ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ มันอาจจะเป็นความสุขของผม แต่ผมก็ลืมมองไปว่า ความสุขของผมมันอาจจะไปทำร้ายจิตใจคนอื่นด้วยครับ”

“แล้วอีกเรื่องหนึ่ง ก็อยากจะบอกผ่านสื่อ ก็คือเรื่องของลูกอีก 2 คน ก็มีคนเข้ามาถามว่าทำไมรักลูกไม่เท่ากันเหรอ ทำไมไม่โพสต์รูปลูกทั้ง 2 คนแรก ที่ 10 ขวบ กับ 11 ขวบ ไล่เลี่ยกัน เขากำลังอยู่ในวัยที่เพื่อนๆกำลังล้อ วันนั้นที่ผมเปิดตัวน้องไข่เจียว เขาก็ไม่ได้ตามข่าว แล้วเขาไปโรงเรียน เพื่อนก็ทักว่าปิ๊งโกหก เพราะว่าผมได้เลิกลากับภรรยาเก่าตั้งแต่ลูก 6 ขวบ ซึ่งผ่านมา 4-5 ปีแล้ว ไม่แน่ใจ แต่ก็หลายปีครับ”

กลัวลูกมีปมมั้ย?
“คุยกับเขาตลอดแล้วเขาก็มาหากัน ปิ๊ง ปลื้ม ไข่เจียวจะมาหากันแล้วก็จะวิดิโอคอล”

ลูกๆ เข้าใจ?
“เข้าใจครับ แต่สิ่งที่ผมไม่เอารูปลูกมาโพสต์เพราะว่าความไม่สบายใจของลูกผม เขารู้สึกไม่โอเคที่เวลาโดนเพื่อนล้อว่าถ้าพ่อก้องเป็นพ่อมึงจริงๆ ทำไมไม่มาหาปิ๊งกับปลื้มบ้าง เพราะผมได้เลิกรากันไปแล้ว ให้เกียรติภรรยาเดิมที่จดทะเบียนสมรสกันครั้งแรกนะครับ

เพราะวันที่จดทะเบียนสมรสมันต้องมีการเซ็นว่าใครเป็นคนดูแลบุตร เขาเป็นคนดูแลลูกตั้งแต่เล็กจนโต แต่พอวันนึงที่ออกสื่อปุ๊ปแล้วผมไปโพสต์อวดลูก 2 คนทั้งที่ผมไม่ได้เลี้ยงเขา เขาก็ไม่มีความสุข ซึ่งตอนนี้ที่เป็นข่าววันนั้น ผมกับปิ๊งปลื้มยังไม่ได้คุยกันเลย เขาบล็อคข้อความผม เขาไม่ได้โกรธผมนะ เขาบอกกลัวแม่ด่า

จริงๆ ได้มีการส่งเสียเลี้ยงดูหรือเปล่า?
“ก่อนที่จะเป็นก้อง ห้วยไร่ ไม่ได้มีการส่งเสียเลี้ยงดู เพราะผมก็ยังเอาตัวเองไม่รอด เลิกรากันไปผมก็ไปทำงานก่อสร้าง ไปแจกใบปลิวที่คลินิก ก็ยังไม่มีการส่งเสีย จนเริ่มเป็นก้อง ห้วยไร่ แล้วมีงานคอนเสิร์ตที่เรณูนคร ซึ่งมันใกล้กับบ้านเขา ผมเลยคุยกับผู้จัดการว่า ผมอยากไป ผู้จัดการก็ถามว่าถ้าไปพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเขารับก้องได้ไหม เพราะก้องทิ้งเขามา 5-6 ปีแล้วอ่ะ

ผมขอเสี่ยง ก็เลยไป ลูกกอดผมร้องไห้ ซึ่งตอนนั้นได้บันทึกเพลงแล้วนะครับ แต่ว่ายังไม่ได้มีเงินอะไรมากมาย ผมก็ส่งให้เดือนละ 1 หมื่นบาท โดยที่พ่อตาเดิมท่านเป็นคนดีมากก็เปิดบัญชีให้ลูกผมอายุ 18 ปีก่อนค่อยเบิกได้ ลูกไปโรงเรียนอยากได้รองเท้าฟุตบอล อยากได้อุปกรณ์การเรียน โทรศัพท์มือถือ ให้เขาตั้งใจเรียน ถ้าเกิดว่าสอบได้ที่ 1 ก็จะซื้อให้

ทุกวันนี้ก็ยังส่งเสียลูก?
“ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิมทุกเดือนครับ ก็มีช่วงนี้ที่บอกลูกว่าพ่อซื้อรถตู้ใหม่ ใช้เงินเยอะมาก ขอสัก 2-3 เดือนนะ ก่อนเปิดเทอม ไม่เป็นตัวเงิน แล้วเดี๋ยวจะพาลูกไปเที่ยว แล้วเดือนนี้ก็พาไปซื้อกระเป๋า รองเท้าวิ่ง แม่เขาชอบวิ่ง เป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติ”

ภรรยาเก่ากับลูกๆ เข้าใจมั้ย?
“ถามว่าเข้าใจไหม ตั้งแต่เลิกรากันไม่ได้คุยกันเลย เขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเขาสามารถเลี้ยงลูกๆ ได้ ฉันเลี้ยงขนาดนี้แล้วไม่ต้องมาเลี้ยงหรอก แต่ว่าก็ไปขอเขา ขอทำหน้าที่หน่อย ตอนนี้มีรายได้แล้ว”

กับภรรยาคนนี้จบกันด้วยดี ทุกวันนี้ก็ปกติ?
“ปกติครับ เพราะไปเซ็นหย่าถ้าทะเลาะกันเจ้าทะเบียนเขาไม่ให้เซ็น ถ้าพูดไปก็ให้เป็นสตอรี่ที่นี่นะครับ ผมกับภรรยาเก่าเป็นนักกีฬา เราไปแอบมีอะไรกันแล้วตั้งท้อง”

พูดเพราะอยากสบายใจ?
“สบายใจผมด้วยเพราะจะได้รู้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร มึงไม่รักเขาหรอ พอเขามีลูกถึงไปทิ้งเขา พอท้องวัยรุ่นก็จะเอาลูกไปทำแท้ง เขาก็ไม่สามารถบอกครอบครัวเขาได้ เรียนปริญญาโทอยู่ แล้วก็เป็นนักกีฬาทีมชาติด้วย ผมก็เลยเอางี้ ปกปิดพ่อแม่คุณนะว่าติดซ้อม ในขณะที่ท้องโตใกล้คลอด ผมรับลูกของผมมาเลี้ยงคนเดียวปีครึ่งครับ ภรรยาเก่าไม่ได้มาเลี้ยงช่วยนะครับ

ตอนนั้นก้องอายุเท่าไหร่?
“ตอนนั้นอายุ 21-22 กำลังคะนองเลยครับ ซึ่งเพื่อนๆที่เรียนอยู่รามคำแหงจะรู้ว่าผมจะอุ้มลูกไปเรียนหนังสือด้วย อุ้มลูกไปดีดกีต้าร์ร้องเพลงด้วย อย่างลูกคนที่สองเกิดจากการมาหากัน แล้วก็ท้องอีกครับ เขาก็ไม่ไหวแล้ว ถ้าท้องอย่างนี้อีกจะปิดก็ปิดไม่อยู่แล้วแหละเพราะว่าตอนนี้เขาเป็นอาจารย์มหาลัยแล้ว เขาไม่สามารถหลบได้

พอท้องอีก ผมก็เลยขอเบอร์พ่อของภรรยาเก่า โทรไปบอกกับพ่อ ผมทำลูกพ่อท้อง ลูกคนหนึ่งอายุขวบกว่า และอีกคนในท้องอีก 4 เดือน พ่อเขาตกใจเพราะอนาคตลูกเขากำลังไปได้ดี พ่อเขาก็บอกเอาอย่างนี้แล้วกัน กลับบ้าน น้องปิ๊งลูกคนแรกกินอะไรตั้งปีกว่า โดยที่ครอบครัวฝั่งนั้นไม่รู้เรื่องเลย ผมก็เลี้ยงตามอัตภาพของผมนี่แหละ เขาก็บอกให้มาทำให้ถูกต้อง มาแต่งงานกัน ก็เลยแต่งงาน จดทะเบียนสมรสกัน อยู่ด้วยกันได้ไม่กี่เดือนก็เลิกรากันไปด้วยความที่เขาต้องไปทำงานแล้วผมอยู่บ้านอย่างเดียวเลี้ยงลูก ตัดสินใจเลิกกันเพราะลูกโตแล้วและครอบครัวเขาโอเคครับ”

ช่วงเวลาที่เป็น ก้อง ห้วยไร่ เลือกจะปกปิดเรื่องราวในอดีต รู้สึกอึดอัดใจมั้ย?
“อึดอัดครับ ไม่อยากโกหกเลยทุกเรื่อง ขอเท้าความครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาในเส้นทางนักร้อง ถูกกล่าวหาว่าไปโกงเงินเขา ถูกกล่าวหาว่าไปเป็นผัวอยู่ต่างประเทศ ถูกกล่าวหาว่าไปเอาโทรศัพท์มือถือ ถูกทำร้ายแต่พยายามคิดว่าถ้าเราไปสู้แล้วเรากลับไปอยู่จุดเดิมล่ะ กลับไปแล้วคนเกลียดเรา ต้องกลับไปแจกใบปลิวเหมือนเดิมมันไม่ไหว ก็นิ่งดีกว่า ทั้งที่อยากจะพูดแทบตาย”

วันนั้นอะไรที่ทำให้ตัดสินใจโพสต์ยอมรับ?
“ตัดสินใจโพสต์เพราะว่าถ้อยคำที่เขาใช้โพสต์มันรุนแรงมาก เขาด่าแม่ผมว่าเป็นโสเภณี ชาวเน็ตด้วยและตัวของเขาด้วยเพื่อต้องการอยากให้ผมไปตอบโต้อะไรบ้าง”

เขาคนนั้นคือใคร?
“เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ต่างประเทศครับ ซึ่งมันมีคดีความกันแล้วนะครับ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมาว่าเรา ซึ่งใครที่ติดตามข่าวตั้งแต่แรก ไหนๆก็เล่ามาแล้ว บางครั้งมันก็ต้องเก็บความอดทนตรงนั้น เราถูกคนโจมตีว่าเป็นครอบครัวที่เลวร้ายมาก ไปหลอกเมียฝรั่ง เอาเงินเขาสามสี่แสน ซึ่งไม่มีแม้แต่บาทเดียว แล้วเขาก็อัดคลิปด่าเป็นตุเป็นตะ แต่ผมก็เลือกที่จะนิ่ง เพราะคิดว่าสักวันหนึ่งผมคงมีโอกาสเหมาะๆ ได้พูด

จนวันหนึ่งพอมันเป็นคดีความ ผมไปแจ้งความ เพราะว่ามันไม่ไหวจริงๆ เขาด่าแรงมาก ข้อหาหมิ่นประมาท สุดท้ายเขาก็ไปลบทุกอย่างออก ก็ไม่มีอะไรต้องติดใจกันแล้ว ไม่ต้องไปจองกรรมกัน ผมก็เลยไม่ได้พูดต่อแล้ว คนที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรก็คิดมาเสมอว่าผมก็ยังเป็นคนที่ไปโกงเขา ทั้งๆที่พาสปอร์ตผมเพิ่งได้ครั้งแรกตอนผมไปสวิตเซอร์แลนด์”

ณ ตอนนี้ยังมีเรื่องอะไรที่ปิดบังอยู่ไหม หรือ อยากจะพูดอะไรหรือเปล่า?
“ตอนนี้อยากจะขอโทษพี่สื่อมวลชน และที่สำคัญพี่สื่อ ไนน์เอ็นเตอร์เทน ที่พี่เขาไปรับข้อมูลมาจริง แล้วมาถามว่าตกลงก้องแต่งงานจริงไหม ก้องมีลูกจริงไหม ซึ่งผมก็ตอบบ่ายเบี่ยง ทำให้เหมือนกับว่าพี่เขาเอาข้อความเท็จมาปรักปรำเรา เพื่ออยากดิสเครดิตเรา แต่จริงๆ มันคือความจริง แต่เราพยายามบ่ายเบี่ยงเขา และขอโทษพี่น้องแฟนเพลงทุกคน

ขอโทษพี่ๆ สื่อ ขอโทษความรู้สึกของทุกๆคนที่เสียไป และสำคัญที่สุด ขอโทษทุกๆคนที่เข้ามาในชีวิตผมที่ผมทำร้ายเขาด้วยความคึกคะนอง ทำร้ายด้วยการเลิกรา ทำร้ายในช่วงวัยรุ่น และทำร้ายในความที่ มองแค่ว่า ฉันจะต้องเป็น ก้อง ห้วยไร่ ในอีก 5-6 ปี ข้างหน้าเหรอ ฉันจะต้องเป็นคนที่มีคนรู้จักเหรอ ฉันจะต้องเป็นคนที่มีคนอยากรู้เรื่องราวของฉันทุกเรื่องเหรอ ผมคึกคะนอง ผมขอโทษครับ”

ฟีดแบคจากชาวเน็ตไม่ค่อยดีเท่าไหร่?
“ผมไม่ได้ตามเลยครับ”

คนค่อนข้างตราหน้าเราว่าเป็นคนโกหก?
“ยอมรับครับ เพราะผมโกหกจริงๆ “

ตอนนี้ออกมาพูดก็ไม่กังวลเรื่องชื่อเสียงแล้ว?
“สบายใจแล้ว เพราะผมอยากให้ครอบครัวของผมที่มีปัจจุบันอยู่กันอย่างมีความสุข ครอบครัวน้องเบล คุณพ่อคุณแม่น้องเบลจะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจที่ลูกเขามาแต่งงาน ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เบลจะได้ไม่เสียใจที่เขามาใช้ชีวิตอยู่กับเรา ลูกของผมที่กำลังโต

น้องไข่เจียว ผมว่าเมื่อเขาโตขึ้นเขาอาจจะไม่รู้เรื่องนี้หรอก ถึงรู้ก็อาจจะน้อย แต่ผมจะไม่อ้างว่ากลัวกระทบจิตใจลูกนะครับ ผมไม่ได้กลัวกระทบจิตใจลูก แต่ผมปิดบังเพราะผมกลัวว่าตัวเองจะเสื่อมความศรัทธา ความรัก เพราะว่าช่วงนั้นรับงานหนัง ละคร พรีเซ็นเตอร์เยอะมาก จนทำให้มองแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง”

ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว?
“ไม่กลัวตรงนั้นแล้ว สิ่งที่ผมได้รับมาผมว่าเหมาะสมและสาสมกับสิ่งที่ผมได้โกหกไปแทบทุกเรื่อง และวันนี้ได้พูดทุกอย่างแล้ว ก็จะโล่งใจ จริงๆ ช่วงปีใหม่อะไรต่างๆ ผมอยากไปหาพี่ๆสื่อ แต่กลัวพี่ๆถามแทงใจดำแล้วไม่กล้าตอบ ทำให้ทุกๆปีใหม่ผมไม่กล้าไปเหมือนศิลปินคนอื่น แต่ปีนี้ไปได้แล้ว แต่ขอพาลูกไปด้วยได้ไหมครับ”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0