ใครๆ ต่อใครก็พูดว่า แสงเหนือ (Aurora Light) สวยมากกก! แต่เห็นแค่ในรูปมันจะไปตื่นเต้นอะไร ก็แค่รูปถ่ายของคนที่โชคดีๆ เห็นมันก็เท่านั้นแหละ! เพราะฉะนั้นเราต้องไปดู ให้เห็นกับตาสักครั้งในชีวิต ก่อนตายต้องไปดูให้ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าที่ไหนก็มีนะ มันต้อง 7 ประเทศนี้เท่านั้น! ขอแนะนำฝั่งยุโรปเพราะมันคลู!
#1. สก็อตแลนด์ (Scotland)
ขอเริ่มต้นด้วยสก๊อตแลนด์แล้วกัน เพราะสามารถเริ่มล่าแสงเหนือได้ตั้งแต่ธันวา ซึ่งเผื่อว่าสิ้นปีนี้ ใครยังไม่มีทริปคุณภาพๆ ไม่รู้จะแพลนไปไหน ก็ไปชมความตระการตา ของเจ้าแสงเหนือที่สก๊อตแลนด์ได้แบบชิคๆ มีมากถึง 4 จุดคือ 1. เมืองแอเบอร์ดีน (Aberdeen) 2. เกาะ Isle of Skye 3. Northern Highlands 4.ประภาคาร Dunnet Head ถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ความน่าสนใจไม่น้อยเลย วัฒนธรรมต่างๆ ก็น่ารักเหมือนกระโปรง Kilt (กระโปรงพื้นเมืองสก๊อต) ของเค้านั้นแหละ
ช่วงเวลาล่าแสงเหนือ: เดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์
2. ไอซ์แลนด์ (Iceland)
ประเทศต่อมาหวยออกที่ไอซ์แลนด์ ไม่ใช่เพราะโชคหรอกจริงๆ แล้วแนะนำที่นี้ เพราะสามารถดูแสงเหนือได้ในเมืองหลวง รุงเรคจาวิค (Reykjavik) เก๋ๆ ไม่ต้องเดินทางไปไหนให้ยุ่งยาก แต่ถ้าอยากจะดูแบบสวยไม่มีตึกสะดุด สุดลูกหูลูตาก็ต้องไปทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ เพราะมีกลางคืนที่ยาวนาน ไร้แสงอาทิตย์ถึง 22 ชม. เลยนะ
ช่วงเวลาล่าแสงเหนือ: ช่วงเวลาแนะนำ : ได้ทั้งปีโดยเฉพาะฤดูหนาว ตุลาคม-มีนาคม
#3. รัสเซีย (Russia)
จ้าา รัสเซียที่ใครๆ เค้าก็ไปดูแสงเหนือกัน ขาดประเทศนี้ไปก็คงจะแปลก ความดีงามที่คนนิยมไปกันก็เพราะไม่ต้องขอวีซ่ายังไงล่ะ อยากบินวันนี้พรุ่งนี้ก็แค่แพ็คกระเป๋าไปล่าแสงเหนือได้เลย พิกัดอยู่ที่ เมืองเมอร์มังส์ก (Murmansk) ทางตอนเหนือของรัสเซีย คลูๆ ดูแสงเหนือแล้วยังสามารถตกปลาน้ำแข็งได้อีกนะ ถือว่าเที่ยวคุ้มสุดๆ บ้านเมืองเค้าก็สวยงามแพ้แสงเหนือเลยด้วย
ช่วงเวลาล่าแสงเหนือ: เดือนกุมภาพันธ์
#4. ฟินแลนด์ (Finland)
ขยับจากรัสเซียมาหน่อย ก็ฟินแลนด์แดนแห่งความสุขสมชื่อเค้าล่ะ เพราะนักล่าแสงเหนือทั้งหลายออกปากบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พบเจอแสงเหนือได้ที่นี้บ่อยกว่าที่อื่นๆ จุดพีคยอดนิยมนั้นก็คือเมือง แลปแลนด์ (Lapland) ทางตอนเหนือของประเทศ จะมีแสงออโรร่าสวยงามเฉิดฉายให้ดูอยู่บนท้องฟ้า
ช่วงเวลาล่าแสงเหนือ: ปลายเดือนสิงหาคม-เมษายน
#5. นอร์เวย์ (Norway)
นอร์เวย์ไม่ได้มีดีแค่แซลมอนนะจ้ะ เพราะเค้ามีแสงออโร่ร่าให้ดูเช่นกัน แถมที่สำคัญว่านั้นคือ สามารถตามล่าแสงเหนือได้ยาวนานถึง 7 เดือน สุดยอดมากๆ และเมืองที่นักล่าเค้าแนะนำก็เห็นจะเป็น เมืองทรอมโซ (Tromso) เพราะจะเห็นแสงเหนือ เด่นเป็นสง่าท่ามกลางวงแหวนแสงออโรร่าพอดีเป๊ะ! และท่านใดรักความสงบของธรรมชาติ ก็เชิญได้ที่เมือง Andenes
ช่วงเวลาล่าแสงเหนือ : เดือนกันยายน-มีนาคม หรืออาจในคืนที่ท้องฟ้าโปร่ง
#6. สวีเดน (Sweden)
สวีเดน ประเทศต้นกำเนิดของ Absolut Vodka นั้นเองจ้า ขาดริ้งก์สามารถดูแสงเหนือได้ที่ อุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park) ในเขตของเมืองคิรูน่า (Kiruna) ตอนเหนือของประเทศ จะมีออโรร่าสกายสเตชั่น (Aurora Sky Station) ที่เอาไว้ดูแสงเหนือสุดอลังการ มีภูเขาและทะเลสาบเป็นฉากหลัง บอกเลยวิวพันล้าน ต้องได้เห็นกับตา! เดินทางง่าย สะดวกดีนั่งรถบัสมาได้ ไม่ต้องเช้ารถเอง ห่างจากสต็อกโฮล์ม(เมืองหลวง) ประมาณ 1,200 กิโลเมตร
ช่วงเวลาล่าแสงเหนือ : เดือนกันยายน-มีนาคม
#7. เดนมาร์ก (Denmark)
ขอปิดจบทริปแสงเหนือของยุโรปด้วยเดนมาร์ก ประทศที่มีความสุขที่สุด อันดับ 2 ของโลก และมี 2 ทางเลือกให้เลือกตามใจชอบ เพราะถ้าชีวิตต้องการความสงบสุขอย่างแท้จริง เราขอแนะนำให้ไปดูแสงเต้นระบำได้ที่เขต Kangerlussuaq ทิศตะวันตกของเกาะกรีนแลนด์ หมู่บ้านเล็กๆ มีประชากรแค่ 60,000 คนเท่านั้น ไร้แสงแห่งความศิวิไลซ์รบกวนแน่นอน ทำมองดูแสงเหนือได้อย่างแจ่มแจ้ง หรือจะไปดูแบบลุ้นๆ ที่หมู่เกาะแฟโร (Faroe) เพราะอาจจะมีพายุเข้าบ้างไรบ้าง ตามโอกาสสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้น
ช่วงเวลาล่าแสงเหนือ: กลางเดือนสิงหาคม-ปลายเมษายน
แต่ละประเทศอลังการ อะเมซิ่งสุดๆ ไปเลย แต่แสงเหนือเนี่ยไม่ใช่ว่าจะหาดูกันง่ายๆ นอกจากมีตังไปแล้วต้องมี ดวงด้วย ของบางอย่างต้องพึ่งโชคจริงๆ แต่เราเพิ่มความมั่นใจได้ ด้วยการไปตามเวลาที่เหมาะสมของแต่ละประเทศนั้นๆ แล้วอีกอย่างคือ ดูพยากรณ์แสงเหนือจ้า สามารถเข้าไปดูได้ที่ 2 เว็บนี้เลย:
www.spaceweatherlive.com/en/auroral-activity/kp
www.aurora-service.eu/aurora-forecast/
