โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา เมืองน่าเที่ยวโลก ต่างชาติเที่ยวกรุงเทพฯ ทะลุ 6 แสนล้านบาท

BLT BANGKOK

อัพเดต 18 ต.ค. 2562 เวลา 10.53 น. • เผยแพร่ 18 ต.ค. 2562 เวลา 10.48 น.
eda596acdd13ed57c4a76d743321c8ce.jpg

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ นายธเนศวร์ เพชสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ให้การต้อนรับและรับมอบโล่รางวัลจากมาสเตอร์การ์ด น.ส.ไอลีน ชูว ผู้จัดการมาสเตอร์การ์ดประจำประเทศไทย ในโอกาสที่กรุงเทพฯ ได้เป็นสุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของโลก (Global Destination Cities Index)
โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ กล่าวว่า กรุงเทพฯ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองน่าเที่ยวมากที่สุดถึง 4 ปีซ้อน ซึ่งเมืองที่น่าเที่ยวของประเทศไทยติด 1 ใน 100 ของโลก มี 3 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ตและพัทยา ในเอเชีย 9 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ หาดใหญ่ เกาะสมุย หัวหิน และเกาะพงัน ซึ่งทางกระทรวงจะพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ดีขึ้น โดยเน้น 4 เรื่องใหญ่ๆ ได้แก่ ความปลอดภัย ความสะอาด การรักษาสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน
สำหรับการจัดอันดับเมืองทั่วโลก ในปี 2562 กรุงเทพฯ ครองอันดับ 1 ในฐานะเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทค้างแรมติดต่อกันเป็นปีที่ 4 และนับเป็นครั้งที่ 6 ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าเมืองอื่นๆ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นเพียงประเทศเดียวในการสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ด (GDCI) ที่มีเมืองท่องเที่ยวถึง 3 เมืองที่ติดอันดับ Top 20 ในกลุ่มที่มี “นักท่องเที่ยวประเภทค้างแรม” มากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา
ทั้งยังมี 2 เมืองที่ติด Top 10 ที่ “นักท่องเที่ยวใช้จ่ายมากที่สุด” คือ กรุงเทพฯ และภูเก็ต ซึ่งการสำรวจดังกล่าวเป็นการสำรวจสุดยอดปลายทางยอดนิยม 200 เมืองทั่วโลก ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนนักเดินทาง และการจับจ่ายใช้สอยในปี 2561 โดยมาสเตอร์การ์ด
นอกจากนี้จากการสำรวจ ยังพบว่านักเดินทางประเภทค้างแรมมียอดใช้จ่ายในกรุงเทพฯ มากถึง 20 พันล้านเหรียญสหรัฐ และกว่า 12 พันล้านเหรียญสหรัฐในภูเก็ต คิดเป็นยอดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และร้อยละ 9 ตามลำดับเมื่อเทียบกับปี 2560 ขณะที่ยอดการจับจ่ายใช้สอยของของนักเดินทางที่หาดใหญ่เพิ่มมากที่สุดถึงร้อยละ 19 โดยมาจากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย
อย่างไรก็ตามแม้ว่านักเดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่จะเป็นกลุ่มหลักที่เดินทางมาเยือนไทย แต่ผลสำรวจพบว่าแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ โดยเฉพาะหมู่เกาะต่างๆ เป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวจากประเทศแถบยุโรป และประเทศญี่ปุ่น ส่วนนักท่องเที่ยวจากประเทศเยอรมนีถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักสำหรับหมู่เกาะ อย่าง พังงา (25.1%) เกาะสมุย (17.1%) เกาะเต่า (11.4%) และเกาะช้าง (11.3%) ขณะเดียวกัน จำนวนนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมายังอยุธยา เมืองหลวงเก่าของไทย มีมากถึงร้อยละ 25.5 เพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบกับปี 2560
ขณะเดียวกันผลสำรวจฉบับนี้ยังชี้ให้เห็นถึงเมืองอื่นๆ ที่มีศักยภาพเป็นเมืองท่องเที่ยวใหม่ เช่น เกาะพงัน ซึ่งคว้าอันดับที่ 96 จาก 100 เมืองยอดนิยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นำหน้าเกาะชื่อดังอย่าง เกาะช้าง (139) เกาะเต่า (130) เกาะโบราไกย์ ประเทศฟิลิปปินส์ (129) และเกาะลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย (110) ส่วนหาดใหญ่ซึ่งอยู่ที่อันดับ 31 ในการสำรวจครั้งนี้ เลื่อนขึ้นมา 27 อันดับ
ทั้งนี้ผลสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลก (GDCI) และเอเชียแปซิฟิก (APDI) ของมาสเตอร์การ์ดช่วยให้องค์กรการท่องเที่ยวของภาครัฐ และเอกชนทั่วโลกเข้าใจถึงผลกระทบของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศต่อเมืองต่างๆ รวมถึงช่วยในการวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรค และหาแนวทางแก้ไขเพื่อมอบประสบการณ์ที่ทุกคนจะมีส่วนร่วมและเกี่ยวโยงกันมากขึ้น

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0