เปิดตัวกันเรียบร้อยไปแล้ว…กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่ ภายใต้ชื่อโครงการ “ประชารัฐสร้างไทย” เพื่อยกระดับบรรดาพ่อแม่พี่น้องที่มีรายได้น้อย ทั่วประเทศให้ “พ้นจน” ให้ไทยทั้งประเทศ “มีความสุข”
งานนี้!!! ถือเป็นการรวมพลังรวมแรงครั้งยิ่งใหญ่ในส่วนของหน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรม ด้านเศรษฐกิจ ที่อยู่ภายใต้อาณัติ ภายใต้การกำกับดูแลของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตกรรม
รวมไปถึงกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และธนาคารของรัฐ อย่าง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือธ.ก.ส.และธนาคารออมสิน ที่ถือเป็นแขนขาของรัฐบาลในการจัดหาแหล่งเงิน ให้กับบรรดาพี่น้องคนไทยในระดับฐานราก
ดังนั้น…จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม? บางหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนคนไทยตาดำ ๆ อย่างกระทรวงพาณิชย์ หรืออย่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ได้เคลื่อนทัพ มาร่วมวงด้วย
อย่าลืม!! สิคะ…ชื่องานเค้าว่าอย่างไร? “ประชารัฐสร้างไทย” นั่นก็หมายความว่าเป็นงานของ “พลังประชารัฐ” เค้า หากจะหาคำตอบสวย ๆ ก็คงมีคนอธิบายความแก้เก้อว่า งานนี้ถือเป็น ก้าวแรกของมิติใหม่…เท่านั้น!!
เมื่องานตรงนี้เกิดได้… ก็ค่อย ๆ ไปเกี่ยวพาณิชย์ ไปเกี่ยวเกษตรฯ มาร่วมวงสังฆกรรม ในขั้นต่อไป ไม่ได้ต่างคนต่างทำอะไร เหมือนที่ใครตั้งแง่!! ในเมื่อร่วมหัวจมท้ายเป็น “รัฐบาล” นั่นหมายความว่า ทุกคนต้องเดินหน้าไปด้วยกัน
เอาเถอะค่ะ…ไม่ว่าจะเป็นงานของใครก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกระบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่ใช้เงินรวม ๆ กันแล้วเป็นหลักแสนล้านบาทกันทีเดียว
โอ๊ะโอ … ฟังแล้วน่าตกใจ!! รัฐบาลใช้เงินอีกแล้วค่ะ แม้ว่าไม่ใช่เงินจากงบประมาณ ก็ตามทีเถอะ แต่เห็นวงเงินแล้วมันน่ากลัว แม้ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณตรง ๆ แต่การให้แบงก์เฉพาะกิจ ทั้งออมสิน หรือธ.ก.ส. ออกไปก่อน แต่ก็หนีไม่พ้นที่รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณชดเชยคืนให้
ก็อย่างที่เคยบอก…เคยเขียน..ค่ะ ถ้าเงินทุกบาททุกสตางค์ ที่ลงไปสามารถช่วยบรรดาพ่อแม่พี่น้องฐานรากสำคัญของประเทศไทยได้อย่างที่พูด ก็เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน
ไม่ใช่จัดงานใหญ่โต ขนคนขนเครือข่าย กันมาร่วมงานใหญ่โต สุดท้ายกลับไม่เป็นไปอย่างที่พูด อย่างที่ชี้แจง กลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
เช่นเดียวกันค่ะ… มาตรการรอบนี้ ฟังดูแล้ว ยังงง ๆ เพราะยังไม่เห็นทิศทางที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน แม้จะบอกว่าเป็นการบูรณาการร่วมกันทั้งหมดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันทำงาน มาเสริมแรงซึ่งกันและกัน เพื่อผลักดันให้คนทุกคน ชุมชนทุกชุมชนเข้มแข็ง ไม่อยู่ในรูปแบบเดิม ๆ คือใครจนก็จน ใครรวยก็รวย แต่ทุกคนในชุมชนต้องเข้มแข็งไปด้วยกันก็ตาม
แต่เอาจริง ๆ นะ เมื่อเทียบกับเงินเป็นแสนล้านบาท ที่จะนำมาใช้ ต่อให้…การันตีด้วยว่า คนจน คนฐานราก กว่า 25-30 ล้านคน จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้มากขึ้น มีความสุขเพิ่มมากขึ้น ก็ตามเถอะ มาตรการนี้จะ “สื่อ” อย่างไร?ให้ชาวบ้านชาวช่องเข้าใจ
ที่สำคัญ ในเมื่อแนวทางการดำเนินการยังไม่สะเด็ดน้ำอย่างชัดเจน อาจทำให้คนทำงานแปลนโยบายการทำงานไปผิดเพี้ยน ที่สำคัญคนจนที่รอความหวังอยู่ ก็ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้เหมือนเดิม
รัฐบาลชี้แจงว่า การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนในครั้งนี้ จะเป็นการแก้ไขปัญหาแบบองค์รวม คือมีทั้งสวัสดิการที่เข้าไปช่วยเหลือ มีทั้งเงินเพื่อสนับสนุนการทำมาหากินประกอบอาชีพ หรือแม้แต่การพัฒนาคุณภาพชีวิต
โดยวิธีการขับเคลื่อนจะต้องเป็นการขับเคลื่อนจากชุมชน ประชาชนในพื้นที่ที่แท้จริง ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม อะไรก็ตามไม่มีเอี่ยว ไม่เกี่ยวข้อง เพราะต้องการผลักดัน ต้องการสร้างเกราะให้เศรษฐกิจในประเทศให้เข็มแข็งให้ได้
ไม่เพียงแค่เรื่องการปูทางให้ชีวิตของคนฐานรากอยู่ดีกินดีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ส่วนปัญหาเดิม ๆ ที่มีอยู่ แก้แล้วแก้อีก สุดท้ายก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่างเรื่องของหนี้นอกระบบ ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางในโครงการประชารัฐเพื่อคนไทยด้วยเหมือนกัน
ภาครัฐ…โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระทรวงการคลัง กระทรวงหัวแก้วหัวแหวนของพรรคพลังประชารัฐ ก็ยืนยัน “ธนาคารชุมชน” จะเกิดขึ้นแน่นอน เพื่อมาเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขหนี้นอกระบบ ซึ่งคิดดอกเบี้ยไม่เกินเดือนละ 1.25%
แต่เอาเข้าจริง หากคนฐานรากเหล่านี้ไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายกลับเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และถ้ายิ่งเป็นคนที่หมดหนทาง ไม่มีทักษะ ไม่มีช่องทางในการทำมาหากินให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น วงจรเดิม ๆ ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับคนเหล่านี้ไม่ห่างหาย
เอาล่ะ…ในเมื่อภาครัฐ ได้พยายามขับเคลื่อนให้คนส่วนใหญ่ของประเทศขยับฐานะจากฐานราก รากหญ้า ให้ขึ้นมาเป็น “รากแก้ว” ที่เข้มแข็ง ณ เวลานี้… คงไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า… สุดท้ายแล้ว!! ผลลัพธ์ที่กลับคืนมาจะเป็นไปได้อย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่? คงต้องขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
อย่าลืมว่า…ทั้งหลายทั้งปวง ที่ลงแรงลงมือลงเงินลงไป หากเป็นที่ถูกอกถูกใจคนทั้งประเทศ “รัฐนาวา” ลำนี้ ก็คงอยู่ได้ยาวนานจนครบวาระต่อไป แต่หากสุดท้ายไม่ตอบโจทย์ ไม่ถูกใจ ก็คงต้องมานั่งนับเวลาถอยหลัง!!!
…………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”