วันนี้ (18 มิ.ย. ) นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้เชิญโรงพยาบาลเอกชน 353 ราย มาชี้แจงทำความเข้าใจถึงแนวทางการปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ฉบับที่ 52 พ.ศ.2562 เรื่องการแจ้งราคา การกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขเกี่ยวกับการจำหน่ายยารักษาโรค เวชภัณฑ์ ค่าบริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาล ที่มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.62 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้อธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงว่า กรมมีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า โรงพยาบาลต้องแยกราคาออกมาให้ชัดเจน ระหว่าง ยา , เวชภัณฑ์ ,และบริการทางการแพทย์ ไม่ใช่นำค่าบริการไปบวกไว้กับราคายา ซึ่งกระแสสังคมกดดันให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลความโปร่งใสของราคาและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ให้ผู้บริโภคได้รู้ค่าคายาที่แท้จริง และมีทางเลือก ซึ่งบางแห่งมีส่วนต่างของราคายาสูงจากค่าเฉลี่ยระหว่าง 8,000 - 16,000 เปอร์เซ็นต์ แนวทางดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก และที่ผ่านมามีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่า 20 ประชุมร่วมกันมากกว่า 22 ครั้ง จึงได้ออกมาเป็นมาตรการให้โรงพยาบาลต้องเปิดเผยราคาอย่างโปร่งใส โดยย้ำว่าไม่ใช่การคุมราคา เพียงเป็นการเผยแพร่ราคาเท่านั้น
ซึ่งหลังจากแจ้งราคาซื้อและราคาจำหน่าย ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2562 มาที่กรมการค้าภายในแล้ว ขอให้แจ้งมาก่อนวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 จากนั้นกรมจะจัดทำ QR Code ให้โรงพยาบาลนำไปเผยแพร่เฉพาะราคาจำหน่าย และการเปลี่ยนแปลงราคาจะต้องแจ้งให้กรมรับทราบก่อนปรับราคา 15 วัน เพื่อจะได้ทำการแก้ไขข้อมูลทั้งในเว็บไซต์และคิวอาร์โค้ด หากไม่แจ้งตามที่ประกาศกำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง
สำหรับ เงื่อนไขใน ประกาศ กกร. ดังกล่าว ที่กำหนดให้โรงพยาบาลเอกชน ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่ายส่ง ต้องแจ้งราคาซื้อ-ราคาจำหน่ายยา เวชภัณฑ์ ค่าบริการ ตามรายการที่อยู่ในบัญชีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ (UCEP) เบื้องต้นอยู่ที่ 3,992 รายการ รายการยาตามรหัสบัญชีข้อมูลยาและรหัสยามาตรฐานไทย (TMT) โดยบัญชียามี 32,000 รายการ บัญชีเวชภัณฑ์ 868 รายการ ค่าบริการทางการแพทย์ 5,286 รายการ
นอกจากนี้ กรมฯยังได้กำชับโรงพยาบาลให้มีการรักษาตามความเป็นจริง เพื่อให้ค่ายาและค่ารักษาพยาบาลสอดคล้องกับความเป็นจริงและให้เกิดความโปร่งใสที่สุด