จากกรณีกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ได้นำเสนอรายงาน "กยศ. ช่วยยังไง? ปมพักชำระหนี้ ผ่อนผัน ลดเบี้ยปรับ ชะลอการบังคับคดี" และคอลัมนิสต์ได้แสดงทัศนะ "กยศ ออกมาตรการช่วยผู้กู้ยืม แต่เสียงสะท้อนดังกระหึ่ม!"
ล่าสุดวันนี้ (3 เม.ย.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ได้ชี้แจงกับ "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ต่อประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับมาตรการออกมาช่วยผู้กู้ยืม ดังนี้
1.ผู้กู้ กยศ. ชำระปกติที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) จะได้อะไรจากมาตรการนี้
หากผู้กู้ยืมมีความจำเป็นที่ไม่สามารถชำระเงินคืนได้ตามกำหนด กองทุนได้ลดอัตราเบี้ยปรับกรณีผิดนัดชำระให้ จากเดิม 7.5%เหลือเพียง 0.5%ของเงินต้นที่ค้างชำระในปีนั้น เช่น กรณีค้างเงินต้น 10,000 บาท จะเสียเบี้ยปรับเพียง 50 บาทเท่านั้น จากเดิมที่ต้องเสียเบี้ยปรับ 750 บาท
2.การลดจำนวนหักเงินเดือนเหลือ 10 บาท ต่อคนต่อเดือน ให้ผู้กู้ยืมทุกรายในกลุ่มหน่วยงานเอกชน ทำไมกลุ่มราชการและรัฐ ถึงไม่ได้ลดจำนวนเงินหักเงินเดือนด้วย
เนื่องจากการหักเงินเดือนเป็นการดำเนินการตามกฎหมายพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 โดยผู้กู้ยืมกลุ่มราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานรัฐอื่นๆ เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในการจ้างงานน้อยกว่าภาคเอกชน ทั้งนี้ หากผู้กู้ยืมในหน่วยงานที่ไม่ใช่หน่วยงานเอกชน ไม่สะดวกที่จะให้หักเงินตามจำนวนที่กองทุนแจ้ง สามารถขอปรับลดยอดการหักเงินเดือนลงได้ขั้นต่ำ 100 บาท/คน/เดือน โดยแจ้งผ่านทาง Line@กยศ.หักเงินเดือน
3.ทำไมไม่พักหนี้ให้ผู้กู้ยืมทุกกลุ่ม ทำไมพักชำระหนี้ให้เฉพาะผู้กู้ยืมที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เนื่องจากกองทุน กยศ. เป็นทุนหมุนเวียน ซึ่งนำเงินที่ชำระคืนจากผู้กู้ยืมรุ่นพี่มาให้ผู้กู้ยืมรุ่นน้อง โดยกองทุนไม่ได้ของบประมาณแผ่นดินมาตั้งแต่ปี 2561 หากต้องพักชำระหนี้ให้กับผู้กู้ยืมทั้งระบบ กองทุนจะไม่มีเงินพอเพียงให้น้องๆ รุ่นต่อไปที่ขาดโอกาสทางการศึกษา
ทั้งนี้ หากผู้กู้ยืมไม่มีรายได้ หรือมีรายได้น้อยกว่า 8,008 บาทต่อเดือน สามารถขอผ่อนผันไม่ต้องชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ได้คราวละ 1 ปี ไม่เกิน 2 คราว โดยจะต้องไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ หรือต้องชำระหนี้ให้เป็นปกติก่อนจึงจะได้รับสิทธิในการผ่อนผัน
4. ผู้กู้ที่ถูกดำเนินคดีที่จ่ายทุกเดือน กองทุนฯ มีมาตรการช่วยเหลือด้านใดบ้าง
กองทุนเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและขอเรียนชี้แจงว่า เนื่องจากผู้กู้ยืมที่ถูกดำเนินคดีได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในชั้นศาล ซึ่งเป็นการยอมรับในเงื่อนไขการชำระเป็นรายเดือน โดยกองทุนและผู้กู้ยืมต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ กองทุนจะชะลอการบังคับคดีไว้ ยกเว้นกรณีที่คดีใกล้ขาดอายุความ กองทุนจำเป็นต้องดำเนินการบังคับคดีตามกฎหมายแต่จะงดการขายทอดตลาดสำหรับผู้กู้ยืมที่ถูกบังคับคดีทุกกรณี ตั้งแต่บัดนี้ถึงสิ้นปี 2563