โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

สารพัดข้อห้ามของคนท้องตามความเชื่อโบราณที่ควรรู้

Horrorism

อัพเดต 10 มี.ค. 2563 เวลา 00.00 น. • เผยแพร่ 10 มี.ค. 2563 เวลา 07.40 น. • Horrorism

 

       หนึ่งในช่วงเวลาที่ผู้หญิงมีความสุขที่สุดในชีวิตคือตอนที่รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ บรรดาคุณแม่ทั้งหลายจึงเฝ้าบำรุงลูกในท้องให้แข็งแรงและปลอดภัยที่สุด อาหารประเภทไหนที่แพทย์บอกว่าดี เหล่าคุณแม่ก็จะรีบสรรหามากิน หรือจะเป็นคำแนะนำอื่น ๆ จากแพทย์ บรรดาคุณแม่ก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงการปฏิบัติตามความเชื่อของคนโบราณที่มักจะเตือนหรือสั่งห้ามทำสิ่งต่าง ๆ ระหว่างตั้งครรภ์ เพราะเชื่อว่าจะส่งผลไม่ดีต่อแม่และลูกในท้อง

       วันนี้เราจึงพามาหาคำตอบกันว่า ข้อห้ามตามความเชื่อโบราณที่คนท้องต้องรู้นั้นมีอะไรกันบ้าง แล้วทำไมถึงต้องห้ามทำเด็ดขาด

 

1. ห้ามไปงานศพ

 

       คนโบราณเชื่อกันว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ห้ามไปงานศพเด็ดขาด เพราะจะทำให้วิญญาณเร่ร่อนที่อยู่ในวัดตามกลับบ้านมาด้วย แต่น่าจะเป็นกุศโลบายที่ไม่ต้องการให้คนท้องไปงานที่มีบรรยากาศน่าหดหู่ เศร้าหมอง หรือเห็นคนรอบข้างเศร้า เพราะผู้หญิงตั้งครรภ์จะมีอารมณ์ที่อ่อนไหวง่าย เสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าหลังคลอดได้ ดังนั้น จึงห้ามไม่ให้คนท้องไปงานศพนั่นเอง

 

2. ห้ามแหงนหน้ามองพระจันทร์

       ห้ามคนท้องแหงนหน้ามองพระจันทร์ เพราะจะทำให้ลูกตาเหล่ หรือทำให้ลูกพิการทางสายตาได้ แต่จริง ๆ แล้วการที่คนท้องต้องแหงนหน้าเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดอาการหน้ามืด ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อคุณแม่และลูกในท้องนั่นเอง

 

3. ห้ามอาบน้ำตอนดึก

ที่มาของภาพ : Sasin Tipchai from Pixabay

 

       ความเชื่อในเรื่องของการห้ามผู้หญิงตั้งครรภ์อาบน้ำในตอนกลางคืนนั้นมีอยู่แทบทุกภาคของประเทศไทย เช่น ในภาคอีสานเชื่อว่า ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่อาบน้ำตอนกลางคืนจะทำให้ถุงน้ำคร่ำหนาและทำให้คลอดลูกยาก ส่วนในภาคใต้เชื่อว่าจะได้ครรภ์แฝดน้ำ คือครรภ์ที่มีน้ำคร่ำมากกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เด็กมีความพิการทางระบบประสาทได้

       แต่ความจริงในสมัยก่อนโดยเฉพาะในต่างจังหวัดยังไม่มีไฟฟ้าใช้และต้องไปอาบน้ำที่ตลิ่งหรือบ่อน้ำ จึงเป็นสาเหตุให้คนท้องไม่ควรไปอาบน้ำในตอนกลางคืน เพราะจะทำให้มองไม่เห็นและอาจเดินพลาดตกบันได สะดุดลื่นล้ม เสี่ยงต่อการการแท้งลูก หรืออาจโดนสัตว์มีพิษกัดได้

 

4. ห้ามคนท้องนอนหงาย

       คนโบราณเชื่อว่าถ้าคนท้องนอนหงายลูกจะดิ้นแรงทำให้ท้องแตก แต่ความจริงแล้วที่ห้ามนอนหงายนั้น เป็นเพราะว่าเมื่อครรภ์เริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ การนอนง่ายจะทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกอึดอัด นอนไม่สบาย ความดันโลหิตต่ำลง ส่งผลให้คนท้องมีอาการหน้ามืด เวียนหัว ตาลาย หรือเป็นลมได้ เมื่อนอนหงายเป็นเวลานาน ๆ

 

5. ห้ามคนท้องลอดรั้ว

       คนโบราณเชื่อว่าหากคนท้องลอดรั้วจะทำให้คลอดลูกยาก ซึ่งถือคติตามประวัติของพระองคุลีมาลขณะออกบิณฑบาต โดยขณะที่หญิงท้องแก่คนหนึ่งรอตักบาตรอยู่นั้น เมื่อเธอเห็นหน้าพระภิกษุรูปนั้นก็จำได้ว่าเป็นองคุลีมาล อดีตโจรที่เคยตัดนิ้วคน เธอจึงตกใจวิ่งมุดลอดรั้วทำให้ท้องติดอยู่กับรั้วและคลอดลูก ณ ริมรั้วนั้นเอง

แต่เหตุผลที่ห้ามคนท้องลอดรั้วเป็นเพราะในสมัยก่อน รั้วบ้านบางหลังได้ปลูกต้นหนามต่าง ๆ ล้อมรอบเอาไว้ อาจทำให้เกิดอันตรายแก่คนท้องได้

 

6. ห้ามคนท้องผ่ามะพร้าว

ที่มา : Couleur from Pixabay

 

       เชื่อว่าหากคนท้องผ่ามะพร้าวจะทำให้ลูกที่เกิดมามีศีรษะโตเหมือนลูกมะพร้าว แต่จริง ๆ ข้อห้ามนี้คงเป็นกุศโลบายที่ว่าหากคนท้องผ่ามะพร้าวเอง ถ้าไม่ระวังอาจเกิดอุบัติเหตุจากแรงเหวี่ยงของมีดที่ผ่าทำให้เกิดอันตรายได้

 

 

7. ห้ามเตรียมของใช้เด็กไว้ก่อน

       คนโบราณเชื่อว่าการซื้อเสื้อผ้าและของใช้เด็กมาเตรียมไว้ อาจทำให้เด็กไม่ได้เกิด เพราะมีวิญญาณที่อิจฉาแล้วมาพรากเด็กไปไม่ให้เกิด แต่เหตุผลที่แท้จริงคือเป็นเพราะการคลอดสมัยก่อนนั้นมีความเสี่ยงสูง จึงไม่อยากให้เตรียมของใช้เด็กเอาไว้มากนัก ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือพ่อแม่มักจะเห่อลูกในท้องจนเตรียมของใช้ไว้มากเกินความจำเป็น สิ่งของบางอย่างเมื่อลูกคลอดแล้วอาจไม่ได้ใช้ และการซื้อของมาทิ้งไว้นานเกินไปทำให้มีสิ่งสกปรกหรือเชื้อรา ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพของเด็กอ่อน

 

8. ห้ามกินกล้วยน้ำว้า

ที่มาของภาพ : chilldee

 

       คนโบราณเชื่อว่าการกินกล้วยน้ำว้าจะทำให้คนท้องคลอดลูกยาก เพราะกินกล้วยน้ำว้าจะทำให้เด็กตัวใหญ่ ซึ่งตามหลักข้อเท็จจริงนั้นกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ในสมัยก่อนยังไม่มีการผ่าคลอด หากเด็กในท้องอ้วนสมบูรณ์เกินไปก็จะเป็นอันตรายต่อทั้งแม่และลูก อีกอย่างหนึ่ง ในกล้วยสุกจะหวานและมีแป้งในปริมาณมาก กินสองสามลูกก็จะรู้สึกอิ่มทำให้ไม่อยากกินอาหารอย่างอื่น อาจทำให้คนท้องเกิดภาวะขาดสารอาหารได้ นอกจากนี้ การกินกล้วยห่ามหรือกล้วยไม่สุกจะทำให้เกิดอาการท้องผูกได้อีกด้วย

 

9. ห้ามกินผักจำพวกเครือ-เถา

       ห้ามคนท้องกินผักเป็นเครือเป็นเถา เพราะเชื่อว่าจะทำให้ปวดเมื่อยตามตัวและขามากกว่าปกติ ทว่าตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว การรับประทานผักเป็นเครือเป็นเถา โดยเฉพาะในยอดอ่อนจะมีสารพิวรีน (Purine ) สูง สารนี้เมื่อย่อยสลายตัวแล้วจะกลายเป็นกรดยูริก (Uric Acid) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเก๊าท์ได้

 

10. ห้ามกินเฉาก๊วยเพราะจะทำให้ลูกผิวดำ

ที่มาของภาพ : dz.lnwfile

 

       การห้ามคนท้องกินของดำไม่ได้มีเฉพาะเฉาก๊วยเท่านั้น แต่รวมไปถึงอาหารจำพวกซีอิ๊วดำ กาละแม หรืออะไรก็ตามที่เป็นสีดำคนท้องห้ามกินทั้งนั้น เพราะจะทำให้ลูกที่เกิดมามีผิวดำ ทว่าตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วอาหารไม่ได้มีผลกับผิวพรรณของทารกในครรภ์ เพราะสีผิวขึ้นอยู่กับเม็ดสีที่เป็นไปตามกรรมพันธุ์ ไม่เกี่ยวกับอาหารที่มีสีดำแต่อย่างใด

 

11. ห้ามมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์

       คนโบราณเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์จะทำให้แท้งบุตรหรืออาจคลอดก่อนกำหนดได้ แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว ทารกที่อยู่ในครรภ์ได้รับการปกป้องอย่างดีจากถุงน้ำคร่ำ ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์จึงไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้แท้งบุตรหรือคลอดก่อนกำหนดอย่างแน่นอน

 

12. ห้ามเย็บปักถักร้อย

ที่มาของภาพ : Nicole Nesti from Pixabay

 

       การเย็บผ้าระหว่างตั้งครรภ์จะทำให้ลูกเกิดมาปากแหว่งเพดานโหว่ แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว การนั่งทำงานที่ต้องก้มๆ เงยๆ เป็นเวลานานทำให้หน้ามืดเวียนหัวได้ง่าย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของคนท้อง แต่เรื่องปากแหว่งเพดานโหว่ในเด็กแรกเกิด แม้จะยังไม่มีผลแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่ก็มีการศึกษาพบว่าบางส่วนเกิดจากพันธุกรรม การพัฒนาของตัวอ่อนในช่วง 3 เดือนแรกมีความผิดปกติ และงานวิจัยหนึ่งพบว่า การที่ผู้เป็นแม่สูบบุหรี่จะมีผลทำให้ลูกเกิดมาเป็นเด็กปากแหว่งเพดานโหว่สูงกว่าแม่ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 3 เท่า

 

       จากความเชื่อเรื่องข้อห้ามสำหรับคนท้องที่บอกเล่าต่อ ๆ กันมานั้น ล้วนเกิดจากความเป็นห่วงเป็นใยของผู้ใหญ่ที่อยากให้แม่และลูกในท้องปลอดภัย ซึ่งข้อห้ามเหล่านี้ถือเป็นกุศโลบายที่ช่วยป้องกันสิ่งไม่ดีที่จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีเชียวละ

 

ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ : sanooktheasianparent

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0