โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

11 ปริศนาระดับโลก เผยความจริงของมรดกโลกทั้งหลาย เบื้องหลังมีเรื่องแปลกซ่อนอยู่เพียบ!!

Jarm.com

อัพเดต 17 ก.พ. 2560 เวลา 07.57 น. • เผยแพร่ 17 ก.พ. 2560 เวลา 07.57 น. • GoodView Jarm

เว็บไซต์ จาม.คอม (Jarm.com) พาเพื่อนๆมาไขความลับ 11 ปริศนาระดับโลกจาก brightside เผยความจริงที่ซุกซ่อนในสิ่งสำคัญทั้งหลายในโลกที่รู้แล้วจะทึ่ง!!

หอไอเฟล ในฝรั่งเศส ความจริงมีห้องพักอยู่ชั้นบนสุด ซึ่ง Gustave Eiffel ผู้ออกแบบหอไอเฟลสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการพักผ่อนและต้อนรับแขก ภายในมีห้องครัว, ห้องอาบน้ำ, 2 ห้องนอน, ห้องนั่งเล่น ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ภายในมีหุ่นขี้ผึ้งของ Gustave Eiffel นั่งคุยกับแขกคนสำคัญอย่าง Thomas Edison ตั้งอยู่(ขอบคุณภาพจาก wikipedia, realclear)

อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ น้อยคนจะรู้ว่า ที่เท้าของเธอมีโซ่ที่ขาดวางกองอยู่ ซึ่งมันสื่อถึงการมีเสรีภาพ, ประชาธิปไตยและการไม่ตกเป็นทาสใครของอเมริกา (ขอบคุณภาพจาก publicdomainpictures)

โมนาลิซา และ ไอส์เวิร์ธ โมนาลิซา คนทั้งโลกย่อมรู้จักภาพวาดที่โด่งดังที่สุดภาพหนึ่ง นั่นคือ ภาพโมนาลิซา ฝีมือของดาวินชี แต่น้อยคนจะรู้ว่า มันมีภาพอีกภาพที่คล้ายคลึงกันสุดๆ นั่นคือภาพ ไอส์เวิร์ธ โมนาลิซา ซึ่งบางทฤษฎีก็มองว่า มันถูกวาดโดยศิลปินคนอื่น แต่ที่เชื่อกันที่สุดคือ มันเป็นภาพที่ดาวินชีวาดขึ้นก่อนจะวาดโมนาลีซ่า ภาพดังกล่าวจึงมีชื่อเรียกอื่นอีก เช่น โมนาลิซาฉบับแรกเริ่ม (Earlier Mona Lisa) หรือโมนาลิซาผู้อ่อนเยาว์กว่า (Younger Mona Lisa) (ขอบคุณภาพจาก wikimedia, wikimedia)

ผาหินเมาต์รัชมอร์  สถานที่ตั้งของอนุสรณ์สถานแห่งประชาธิปไตย ซึ่งแรกเริ่มเดิมที ผู้สร้างอย่าง Gutzon Borglum วางแผนจะสร้างห้องเก็บบันทึกเหตุการณ์สำคัญของอเมริกาเพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ โดยเขาวางแผนจะขุดถ้ำทำเป็นห้องที่ด้านหลังศีรษะของอับราฮัมลิงคอล์น ทว่า เขาก็เสียชีวิตซะก่อน ปัจจุบัน ห้องที่ยังสร้างไม่เสร็จนั้น ถูกใช้เป็นที่เก็บแคปซูลกาลเวลา เอาไว้เก็บบันทึกและหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพื่อรักษาไว้ให้คนในอนาคตได้ศึกษา (ขอบคุณภาพจาก youtube, wikimedia)

แมทเทอร์ฮอร์น ที่ตั้งในดิสนีย์แลนด์ ซึ่งจำลองมาจากภูเขาในเทือกเขาแอลป์ที่กั้นระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ความจริงภายในมีห้องพักเล็กๆที่สามารถทำกิจกรรมผ่อนคลายอย่างการเล่นบาสเก็ตบอลได้ (ขอบคุณภาพจาก panoramio, waltsapartment)

สฟิงซ์ ความจริงถูกประดับด้วยสีสันที่สดใส ทว่ามันก็จางหายไป รวมไปถึงใบหน้าดั้งเดิมที่ต้องมีเคราประดับ นอกจากนี้ นักวิชาการบางคนยังเชื่อว่า ความจริงสฟิงซ์มีหัวเป็นสิงโต แต่เพิ่งมาแกะสลักเป็นใบหน้าคนภายหลัง นั่นทำให้สัดส่วนของศีรษะมนุษย์ดูเล็กกว่าขนาดตัวสิงโตไปมาก (ขอบคุณภาพจาก cheops)

หอเอนเมืองปิซา สิ่งก่อสร้างชิ้นสำคัญในโลกอายุกว่า 200 ปีที่มีปริศนาซ่อนอยู่ เพราะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเลยว่า ใครกันแน่เป็นคนสร้าง บางคนก็เชื่อว่าเป็น Bonanno Pizano แต่บางทฤษฎีก็มองว่าเป็น Diotisalvi ผู้ออกแบบอาคารที่อยู่ถัดไป ซึ่งมีสไตล์เดียวกัน  (ขอบคุณภาพจาก caasco)

ภาพวาด Danaë ซึ่งศิลปิน Rembrandt ได้วาดเอาไว้ 2 ปีหลังแต่งงานกับ Saskia โดยจิตรกรคนนี้นิยมวาดภาพของภรรยาเป็นอย่างมาก ทว่าภาพนี้ กลับมีใบหน้าที่ไม่ชัดเจนเมื่อเทียบกับภาพอื่น มีทฤษฎีที่ไขปริศนาของภาพวาดนี้ว่า มันอาจถูกวาดใหม่เมื่อ Saskia เสียชีวิตลง และ Rembrandt ก็ไปตกหลุมรักสาวคนใหม่ นั่นคือ Geertje Dircx ดังนั้น ใบหน้าของภาพ Danaë จึงอาจเป็นการผสมกันระหว่างใบหน้าของหญิงคนรักทั้งสองคนของจิตรกรผู้นี้ (ขอบคุณภาพจาก wikimedia)

หอนาฬิกาแห่งอังกฤษ ที่มีคนเข้าใจชื่อผิดมากที่สุดในโลก เรามักจะเรียกว่า หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) ทว่า Big Ben ความจริงเป็นชื่อของระฆังที่อยู่ภายใน ชื่อของหอนาฬิกาแห่งนี้ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "The Bell Tower of the Palace of Westminster" และต่อมาภายหลังก็เปลี่ยนชื่อเป็น "The Elizabeth Tower" (ขอบคุณภาพจาก prima)

สะพานโกลเดนเกต เดิมทีถูกทางกองทัพเรือสหรัฐขอให้ทาสีดำสลับเหลือง เพื่อให้มองเห็นชัดท่ามกลางหมอกหนาทึบ ทว่า Irving Morrow สถาปนิกผู้ออกแบบกลับเลือกใช้สีส้มเข้มแทน โดยเขามั่นใจว่า จะทำให้มองเห็นสะพานได้ชัดทุกสภาพอากาศ แถมยังชวนมองยิ่งกว่า (ขอบคุณภาพจาก flickriver)

ภาพวาด The Scream ภาพเลื่องชื่อที่สะท้อนถึงปัญหาทางจิตของศิลปินผู้วาดอย่าง Edvard Munch ซึ่งเขาได้บันทึกเกี่ยวกับที่มาของภาพว่า "ฉับพลัน ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นโลหิตแดงเข้ม ผมหยุดฝีเท้าลง รู้สึกอ่อนล้า ผมเอนกายลงกับขอบรั้วทางเดิน ทอดตามองเลือดและเปลวไฟที่ลามเลียไปตามผืนน้ำในอ่าว…"

เรื่องนี้ ถูกตีความในปี 2003 เมื่อกลุ่มนักดาราศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ออกมาอธิบายปรากฏการณ์ท้องฟ้าสีเลือดว่า มันอาจเกิดขึ้นจริง!! ไม่ใช่ภาพหลอนทางจิต เพราะการปะทุของภูเขาไฟ Krakatoa ในปี 1883 เถ้าภูเขาไฟถูกส่งไปยังชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้ท้องฟ้ายามอาทิตย์ตกกลายเป็นสีแดงฉานหมือนเลือดปรากฏไปในหลายพื้นที่ (ขอบคุณภาพจาก wikimedia)

ขอบคุณข้อมูลจาก brightside

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0