โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เปลี่ยนงานประจำที่แสนเร่งรีบ เป็นการ Work at home อย่างมีประสิทธิภาพกันเถอะ

LINE TODAY

เผยแพร่ 15 มิ.ย. 2560 เวลา 07.45 น.

เดี๋ยวนี้เรามีเทคโนโลยีที่ช่วยในการจัดการงานต่าง ๆ ให้ง่ายขึ้น ทำให้บางองค์กรเล็งเห็นประโยชน์ที่จะให้พนักงานทำงานแบบยืดหยุ่นขึ้น เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งในอนาคตอันใกล้นี้บ้านเรากำลังจะมีพนักงาน GEN Y (เกิดระหว่างปี 2525–2548) และ GEN Z (เกิดระหว่างปี 2547–ปัจจุบัน) ก้าวเข้ามาสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น ทำให้ทุกองค์กรต้องปรับตัวและยืดหยุ่นนโยบายการทำงานเพื่อมัดใจพนักงานยุคใหม่ให้มากที่สุด

คน GEN Y และ GEN Z เติบโตในยุคดิจิทัลและมีความต้องการที่คล้ายกัน คือต้องการสวัสดิการที่มีความยืดหยุ่น และวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ล้าสมัย ซึ่งจากคาแรกเตอร์นี้ ทำให้องค์กรอาจต้องปรับตัวในเรื่องนี้มากขึ้น และหนึ่งในวิธียืดหยุ่นในการทำงานที่พนักงานต้องการมากที่สุด ก็คือการ Work at home 

Work at home ไม่ได้หมายถึงการทำงานที่บ้านเพียงอย่างเดียว แต่คือการทำงานที่มีความยืดหยุ่นในการเลือกสถานที่ปฏิบัติงานและช่วงเวลาในการทำงานได้ และในระหว่างการทำงานผู้ปฏิบัติงานจะต้องสามารถเชื่อมต่อหรือติดต่อกับหน่วยงานต้นสังกัดได้ผ่านการใช้เครือข่ายเทคโนโลยีต่าง ๆ เพราะฉะนั้นไม่ใช่การทำงานที่บ้านแบบสบาย ๆ ทำไปนอนไปอย่างที่ใครหลายคนคิดกัน

การ Work at home เป็นการทำงานที่บ้านก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าองค์กรจะปล่อยให้คุณทำงานที่บ้านเพียงอย่างเดียว อาจมีแค่ 1-2 วันในหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นที่จะเป็นการ Work at home เนื่องจากเราทุกคนคุ้นเคยกับการทำงานในแบบที่ต้องพบปะพูดคุย การไม่เข้ามาทำงานในองค์กรเลยก็มีข้อเสียเหมือนกัน เพราะพนักงานจะไม่เกิดการปฏิสัมพันธ์ใด ๆ เกิดความห่างเหินระหว่างเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีสำหรับการทำงานในองค์กรเลย

สำหรับคนไทยการ Work at home ดูเหมือนเป็นทัศนคติในแง่ลบที่บุคลากรเก่าแก่ในองค์กรอาจไม่เห็นด้วย เพราะไม่มั่นใจว่าพนักงานจะทำงานอย่างจริงจัง แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป คนเราก็ต้องมีการปรับตัวให้ยืดหยุ่นขึ้น ตามโลกให้ทัน ซึ่งมีผลสำรวจออกมาแล้วว่าการ Work at home มีประสิทธิภาพในการทำงานไม่น้อยไปกว่าการนั่งอยู่ในองค์กรเลย เผลอ ๆ อาจทำให้เกิดประสิทธิผลของงานได้ดีกว่าด้วย เพราะสถานที่ไม่ได้เป็นปัจจัยในการสร้างงานแต่อย่างใด

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา การ Work at home 1-2 วัน/สัปดาห์ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แถมประสิทธิผลของงานก็ออกมาดีกว่าการทำงานในองค์กรเสียอีก มีงานวิจัยที่ระบุว่าคนทำงานที่บ้านจะจดจ่อกับงานที่ทำได้ดีกว่าในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย และมีแนวโน้มจะลาออกจากงานน้อยกว่าคนทำงานออฟฟิศเป็นประจำ ที่สำคัญองค์กรยังสามารถประหยัดงบประมาณไปได้บางส่วนด้วย

และในข้อดีก็มีข้อเสีย องค์กรอาจต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้และผลต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น แต่อย่าลืมว่าโลกเราเดี๋ยวนี้หมุนเร็ว เทคโนโลยีต่าง ๆ มีส่วนช่วยให้เราทำงานกันง่ายขึ้น องค์กรจะมัวมาแช่แข็งตัวเองอยู่อย่างเดิมคงเป็นไปได้ พนักงานต้องปรับตัว องค์กรเองก็ต้องเปลี่ยนแปลงด้วยเหมือนกัน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0