เมื่อเวลา 05.00 น วันที่ 20 พฤษภาคม ร.ต.อ.เจริญญา ปุริโส ร้อยเวร สภ. เมืองเพชรบุรี รับแจ้งเหตุมีเหตุปล้นเงินในตู้เอทีเอ็ม ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริษัท เอส อาร์ สปินนิ่ง จำกัด เลขที่ 48 หมู่ 2 ถนนเพชรเกษม ตำบลต้นมะพร้าว อำเภอเมืองเพชรบุรี จึงแจ้งให้ พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล พ.ต.อ.บัญญัติ เพียรสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.จว. เพชรบุรี และ พ.ต.อ.ศิลปชัย มีช่วย ผกก.สภ. เมืองเพชรบุรี ทราบ แล้วรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี
ที่เกิดเหตุเป็นตู้เอทีเอ็ม ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมรั้วกำแพงปูนหน้าบริษัทเอส อาร์ สปินนิ่ง จำกัด ที่บริเวณด้านหลังตู้ซึ่งอยู่หลังกำแพงบริษัทด้านใน พบประตูถูกเปิดอ้า ที่กุญแจคล้องล๊อคประตูพบถูกตัดเสียหาย ภายในตู้มีรอยไฟไหม้ดำเป็นวงกว้าง เซฟเก็บเงินของตู้เอทีเอ็ม ถูกไฟเผาเปิดอ้า มีชิ้นส่วนตู้เอทีเอ็ม หล่นอยู่กระจัดกระจาย ใกล้เคียงพบธนบัตร 500 บาท มีรอยถูกไฟเผาตกอยู่ 1 ใบ และพบถุงมือหนังสีแดง 1 คู่ ถุงมีผ้าสีเทา 1 ข้าง แชลงเหล็กขนาดใหญ่ คีม เชือก ของคนร้ายถูกโยนทิ้งอยู่ด้านข้าง
สอบถามนายสมส่วน แสนหมื่น อายุ 53 ปี 17/1 หมู่ 5 ต.ไร่โคก อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี รปภ.เฝ้ายาม ทราบว่า ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 04.00 น.ได้ยินเสียงดัง 2 ครั้งมาจากตู้เอทีเอ็ม ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากป้อมยาม ประมาณ 50 เมตร จึงเข้าไปตรวจสอบ พบชาย 2 คน สวมหมวกโม่งปกคลุมใบหน้า กำลังตัดกุญแจประตูหลังตู้เอทีเอ็ม ตนร้องทักไปว่าทำอะไรกัน ปรากฏทั้ง 2 คนได้วิ่งเข้าหารุมทำร้าย และใช้มีดแทงตนที่ฝ่ามือซ้ายได้รับบาดเจ็บ หนึ่งในคนร้ายชักอาวุธคล้ายปืนยกขึ้นมาข่มขู่คุมตัวตนให้ไปนั่งใกล้ป้อมยาม ข่มขู่ตนว่า อย่าส่งเสียงดัง อย่าขัดขืน หากไม่ทำตามจะยิงให้ตาย และให้ตนชูมือขึ้นเหนือหัวตลอด พร้อมเล็งปืนมาที่ตนตลอดเวลา ขณะเดียวกันคนร้ายอีกคนได้ลงมือใช้ไฟจากถังแก๊สที่สะพายมาด้านหลังเผาตู้เซฟ ใช้เวลาลงมือประมาณ 20 นาที ก่อนนำเงินในตู้ใส่กระเป๋าที่เตรียมมาหลบหนีไป โดยทิ้งอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ ขณะคนร้ายเผาตู้เอทีเอ็มยังได้เดินมาดื่มน้ำจากกระติกของตน และหลังจากได้เงินแล้วก่อนหลบหนียังเดินมาขอโทษที่ทำร้ายตนด้วย เมื่อคนร้ายหนีไปตนจึงรีบแจ้งเจ้าของบริษัทฯและแจ้งตำรวจตรวจสอบดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ทราบจำนวนเงินที่ถูกปล้น อยู่ระหว่างรอประสานเจ้าหน้าที่ธนาคารตรวจสอบ แต่จากพฤติกรรมคนร้ายที่มีการเตรียมตัวมาอย่างดี คาดว่าอาจจะเคยก่อเหตุเช่นนี้มาก่อน ขณะนี้ได้ตรวจสอบจุดเกิดเหตุและเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ ของคนร้ายที่ทิ้งไว้ และจะประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุมาทำการตรวจสอบ เพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
