สินค้าแฟชั่นที่มักโดนมองว่าเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือย อาจจะกลายเป็นตัวทำเงินได้ยามที่คุณต้องการโละชิ้นเก่าๆ ทิ้งออกจากตู้ บางชิ้นอาจขายได้ในราคาที่คุ้มค่า แต่บางชิ้นอาจกลายเป็นของหายากที่ราคาพุ่งสูงกว่าเมื่อตอนที่ซื้อมาเสียอีก และนี่คือทริคดีๆ สำหรับสาวๆ ที่ต้องการ “ลงทุน” ในสินค้าแฟชั่นด้วยการขายต่อ
1. สำรวจตู้เสื้อผ้าและหมั่นหาข้อมูลอยู่เสมอ
ก่อนอื่นคุณต้องสำรวจภายในตู้เสื้อผ้าของคุณก่อนว่ามีอะไรที่คุณไม่ใช้ และต้องการที่ขาย โดยส่วนมากสิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอย่างแรกคือ เหล่าบรรดาเอ็กเซสซอรี่ทั้งหลาย เช่น กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ นาฬิกา
อย่างต่อมาคือคุณต้องศึกษาข้อมูลของสินค้าให้ดีว่าไอเท็มที่ต้องการขายคือสินค้าประเภทไหน Classic? Seasonal Piece? Limited-Edition? แบรนด์อะไร? รวมถึงเรตราคาที่คุณสามารถตั้งได้ตามร้านขายสินค้าแฟชั่นมือ 2 ทั่วไป หรือดูเรตราคาได้จากเว็ปไซต์หรือแอพลิเคชั่นต่างๆ เช่น แอพ Realbook ที่สามารถดูราคาสินค้ามือ 2 ณ ปัจจุบันได้ แถมยังมีแบรนด์และประเภทของสินค้าให้เลือกมากมาย
2. สินค้า Classic จะขายดี แต่สินค้า Special Pieces จะขายดีกว่า
Chanel Classic Flap Bag, Louis Vuitton Speedy หรือ Hermes Birkin คือไอเท็มที่คนส่วนใหญ่มักลงทุนด้วยการซื้อมาเก็บและขายต่อ เพราะการซื้อสินค้าประเภท Classic คือการลงทุนแบบเพลย์เซฟที่มักจะได้รับผลตอบรับที่ดี เนื่องจากสินค้าในช็อปมักจะมีการปรับเรตราคาขึ้นทุกปี เพราะฉะนั้นคนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะซื้อสินค้ามือสองกันมาก ซึ่งแน่นอนว่าราคาย่อมปรับขึ้นตามไปด้วย
แต่สำหรับคนที่ต้องการเงินมากกว่านั้นควรลงทุนกับสินค้าประเภท Limited-Edition สินค้า Classic สีหรือวัสดุพิเศษ หรือสินค้า Collaboration ต่างๆ เช่น H&M กับดีไซเนอร์ดัง หรือรองเท้ากีฬาแบรนด์ดังรุ่นพิเศษ ที่สามารถทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งบางชิ้นสามารถขายได้ 2-3 เท่าจากราคาที่ซื้อมาเลยทีเดียว แต่ความยากจะอยู่คุณจะหาสินค้าเหล่านี้ได้อย่างไร และคุณจะยอมตัดใจขายของที่มีไม่กี่ชิ้นบนโลกได้มั้ย
3. ลงทุนกับ “กระเป๋า” ดีที่สุด
“กระเป๋า” คือไอเท็มที่ควรค่าแก่การลงทุนมากที่สุด เนื่องจากสินค้าจะมีค่าเสื่อมราคาต่ำ ทำให้ขายได้ในราคาที่สูง ส่วนรองเท้าและเสื้อผ้าจะมีค่าเสื่อมราคาสูง เพราะจะมีความเสียหายเกิดขึ้นขณะใช้งาน ทำให้บางครั้งการขายรองเท้ามือสองได้ราคาที่ไม่สูงมากนัก แต่ยกเว้นรองเท้าพื้นสีแดงอย่าง Christian Louboutin บางรุ่นที่สามารถขายได้ในราคาสูงกว่ารองเท้ามือ 2 ปกติ โดยมีข้อแม้ว่าพื้นสีแดงควรจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุด
4. ขายได้ ขายเลย!
เมื่อโอกาสของการซื้อขายมาถึง อย่ารีรอหรือเก็บไว้เก็งกำไรในภายหน้า เพราะราคาและความต้องการของสินค้าแฟชั่นขึ้นอยู่กับ “ความอยาก” ล้วนๆ ไม่ได้มีดัชนีวัดแบบหุ้นหรือราคาทอง เพราะฉะนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ กระเป๋ารุ่นนี้ช่วงหนึ่งอาจจะฮ็อตสุดๆ แต่ผ่านไปไม่กี่เดือนกลับราคาตก เพราะอิทธิพลจากเทรนด์แฟชั่นที่เปลี่ยนไป ยกเว้นคุณจะรออีก 10 – 15 ปี ให้สินค้าชิ้นนั้นกลายเป็นสินค้า Vintage ที่บางครั้งอาจจะขายได้ในราคาสูงกว่าปกติด้วยซ้ำ
5. รักษาสภาพสินค้าไว้ให้ดีที่สุด
สิ่งสำคัญที่สุดของการขายสินค้ามือ 2 คือสภาพความสมบูรณ์ของสินค้าที่เป็นทั้งตัววัดเรื่องการตั้งราคา และความง่ายในการขาย แน่นอนว่าสินค้าสภาพดีแบบ Used Like New จะสามารถตั้งราคาได้สูง แต่อย่าแก้ปัญหาด้วยการเก็บไว้ในตู้อย่างเดียวและไม่นำออกมาใช้เลย ถึงแม้ว่าจะสามารถขายได้ในสูงถึง 90% แต่ในความเป็นจริง คุณขาดทุนมากกว่า 10%
6. เก็บรายละเอียดทุกอย่างไว้
อีกสิ่งที่สามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้านั่นคือรายละเอียดอื่นๆ นอกจากตัวสินค้า ไม่ว่าจะเป็นถุง กล่อง ป้ายราคา ใบรับประกัน จนถึงใบเสร็จรับเงิน ซึ่งควรเก็บไว้ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด
7. ใช้สื่อออนไลน์ในการขาย
ทุกวันนี้มีช่องทางการขายมากมาย โดยเฉพาะในเว็ปไซต์ต่างๆ ที่ส่วนใหญ่ให้ลงประกาศขายฟรี ไม่ว่าจะเป็น Siambrandname.com, Kaidee.com หรือเว็ปไซต์ต่างประเทศอย่าง eBay.com, Therealreal.com, Tradesy.com เป็นต้น
หรือสามารถโพสขายเองตามโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยเฉพาะ Instrgram ที่ถือเป็นช่องทางที่มาแรงมาก คีย์สำคัญคือการติด Hashtag ที่คนซื้อมักจะตามหา อาทิ #ชื่อแบรนด์+Thailand #sbn #siambrandname หรือง่ายๆ อย่าง #ตามหา
8. สร้างเครดิตให้น่าเชื่อถือด้วยการบอกรายละเอียดให้มากที่สุด
ภาพถ่ายคือส่วนสำคัญที่สุดในการตัดสินใจซื้อ เพราะฉะนั้นภาพจะต้องคมชัด และหลากหลาย พร้อมทั้งควรบอกรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับตัวสินค้าให้มากที่สุด ต้องถ่ายภาพเองเท่านั้น อย่าใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตหรือภาพจากแหล่งอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ลดความน่าเชื่อไปลงไป
ตัวอย่างในของรายละเอียดที่ควรถ่ายให้ดู มีคร่าวๆ ดังนี้
Chanel
- Foil Logo Stamp
- Serial Hologram Sticker
- Zipper back
- Quilt Pattern and Stitching
- Hardware/screws
- Authenticity Card
Louis Vuitton
- Heat stamp (made in tag)
- Serial/Datecode (usually embossed on a tag or to the lining)
- Hardware/screws
- Base of handle (for stitching)
Gucci
- Tag with GUCCI stamp
- Serial number (located behind the tag)
- Material/fabric tag if applicable
- Zipper Back
- Clean Stitching
นอกจากนี้ยังควรบอกถึงจุดเสียหาย หรือรอยที่เกิดขึ้นบนตัวสินค้าอย่างชัดเจน จะทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่าย และที่สำคัญที่สุดคือต้องขายสินค้าของแท้เท่านั้น
อ่านบทความทั้งหมด ที่ Jeab.com