ผมมักบ่นอยู่เสมอจนกลายเป็นคำติดปากว่า “ง่วง” และ “เหนื่อย” เพราะชีวิตทำงานเยอะเหลือเกิน ด้วยเป็นคนขี้เสียดาย หรือจะเรียกว่า “งก” ด้วยก็ได้ เห็นอะไรดี ๆ ก็นึกคึกสนุกอยากลองอยากทำไปซะหมด ถึงตอนนี้ผมยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยว่าการบริหารเวลาในชีวิตผมล้มเหลวมาก 1 สัปดาห์นอนรวมกันไม่ถึง 30 ชั่วโมง พอเสร็จงานจะนอนลูกก็ชวนเล่น เมียก็ชวนเล่นปูไต่
อาทิตย์ที่ผ่านมาผมมีงานพิธีกรที่พัทยาหลังจากว่างเว้นมานาน ในงานผมต้องขี่ช้างออกมาสวัสดีทุกคน ก่อนงานเริ่มเลยมีโอกาสได้คุยกับ“น้องโบ๊ท” ควาญช้างที่มาจากสุรินทร์ อายุ 20 ปลาย ๆ แล้ว บุคลิกหน้าตาดีทีเดียว ได้เงินเดือนค่าดูแลช้างเดือนละ 2,000 บาทครับ ตกเฉลี่ยวันละ 66 บาทเท่านั้น!!!
“ถามจริง ๆ นะ เงินเท่านี้พอใช้ไหมครับ ทำไมไม่ลองไปหาอะไรทำที่กรุงเทพฯ ดูล่ะน้อง” ผมถามด้วยสงสัย
“ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับช้าง งานไม่หนัก มีเวลาได้อยู่บ้าน แล้วก็ไม่ได้อยากได้อะไรเท่าไรครับ”
น้องโบ๊ทตอบสั้น ๆ ยิ้ม ๆ แต่ทำเอาคนอย่างผมอึ้งไปแบบกะทันหัน
เราต้องเรียนสูงขนาดไหน ปริญญาเอก โท ตรี จัตวา เพื่อค้นหาตัวเองกันว่าชีวิตต้องการอะไร ผมซะอีก จนป่านนี้บางทียังสงสัยว่าตกลงแล้วเหนื่อยขนาดนี้ไปทำไม
“กรี๊งๆ กรี๊งๆ” เสียงโทรศัพท์ของผมดังแทรกความเงียบงันหลังเวทีจนทั้งคนทั้งช้างตกใจ
“ฮัลโหล แก ทำไรอยู่” เสียงเพื่อนดังมาจากปลายสาย
“กำลังจะทำขึ้นเวที แกล่ะ” ผมตอบ
“เราไม่ได้ทำอะไรเลย กำลังนั่งเฉย ๆ จ้องกำแพงเพลิน ๆ อยู่”
ถ้าเป็นวันปกติ ผมคงแอบนึกด่าเพื่อนว่าอะไรชีวิตจะไร้สาระได้ขนาดนี้ ไม่รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกโหยหาอยากได้ช่วงเวลาที่ไม่ต้องทำอะไรเลยอย่างนั้นบ้างจัง
“ไม่รู้จะทำอะไร” หรือ “รู้ว่าควรทำอะไรแต่ไม่ทำ” อาจถือเป็นสิ่งไร้สาระ ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับการ“เลือกที่จะไม่ทำอะไรอย่างตั้งใจ” ที่อาจถือเป็นสิ่งสร้างสรรอย่างหนึ่ง ที่หลายครั้งหลายชีวิต รวมทั้งตัวผมเองลืมไปว่ามันสำคัญเพียงใด
ดึกแล้วคืนนี้ ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มฟูที่มีผ้าห่มอุ่น ๆ โอบอุ้มแสนสบายอยู่ในห้องของโรงแรมแสนสวยที่อุณหภูมิเพอร์เฟคท์ นอนมองเพดานเฉย ๆ อย่างตั้งใจโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น การนอนช่างมีความสุขเหนือสิ่งใดในโลก แปลกจังที่ผมรู้สึกอย่างนี้ทุกคืนแต่กลับไม่หาเวลานอนให้มันมากขึ้น ในขณะที่หลายครั้งทำงานเหนื่อยแสนทรมาน แต่กลับไม่รู้จักทำงานให้มันน้อยลง
ชีวิตคนเรามักเป็นแบบนี้กันอยู่บ่อย ๆ สับสนคงเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน ที่รู้ว่าอะไรดี และกลับผัดวันประกันพรุ่งไม่ทำสิ่งนั้นสักที
บางคนสมัครฟิตเนสจ่ายไป 30,000 ต่อปี แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ไปซักทีเพราะไม่มีเสื้อกับรองเท้ากีฬาเข้าเซตกัน
บางคนยอมซื้ออาหารเสริมเดือนละหมื่นสอง แต่สูบบุหรี่วันละ 2 ซองไม่รู้จักลด
ส่วนผมถ้าจะสับสนก็คงเป็นเรื่องของ “การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์” ที่ถูกปลูกฝังมาจนรู้สึกว่า ถ้าว่างเมื่อไหร่แปลว่ากำลังไร้ประโยชน์ จนลืมประโยชน์ของความว่างไปว่ามันคือการพักผ่อนของทั้งกายและใจ
เคยมีผู้ใหญ่ท่านนึงสอนผมว่า
ถ้าชีวิตเปรียบเหมือนนาฬิกา
ในวัยหนึ่ง เราอาจต้องยอมเป็นเข็มวินาที ที่แม้จะขยันวิ่งแทบตาย หนึ่งรอบก็ได้แค่เพียง 1 นาที
แต่ในวัยที่เราเรียนรู้มากขึ้น เราควรต้องฉลาดพอที่จะพัฒนาไปเป็นเข็มนาที ที่แม้จะวิ่งวนหนึ่งรอบเหมือนกัน แต่ผลที่ได้นั้นเปลี่ยนจาก 1 นาทีมาเป็น 1 ชั่วโมง
และในวัยที่เราฉลาดมากพอ เราควรจะต้องเติบโตไปเป็นเข็มชั่วโมงให้ได้ วิ่งหนึ่งรอบเหมือนกัน แต่ฉันได้มาถึง 24 ชั่วโมง
จะทำมากได้น้อย หรือทำน้อยได้มาก อยู่ที่เรารู้จักทำงานอย่างชาญฉลาดเพียงใด
อย่ามัวแต่ทำงานก้มหน้า จนรู้ตัวอีกทีเอาเมื่อนาฬิกาของชีวิตใกล้จะหยุดเดิน
บอกแต่คนอื่น เอาจริง ๆ ผมเองก็น่าจะเพลินกับการเป็นเข็มวินาทีมานานเกินค่อนชีวิตแล้วเหมือนกัน
-
ติดตามบทความใหม่ ๆ จากอั๋น ภูวนาท ได้ทุกวันจันทร์ บน LINE TODAY