โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

หุ้นไทยปิดเช้าร่วง 23 จุด บลจ.ชี้จังหวะนี้ “ต้องกล้าเก็บ” ลุ้นสิ้นปีเห็น January Effect

Wealthy Thai

อัพเดต 08 ส.ค. 2566 เวลา 18.58 น. • เผยแพร่ 20 ธ.ค. 2564 เวลา 07.25 น. • ศุภมาศ ศรีขำ

ตลาดหุ้นวันนี้ (20 ธ.ค. 2564) ปรับตัวลงแรงจากปัจจัยลบทั้งในประเทศและนอกประเทศที่เข้ามากดดัน โดยเฉพาะสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 สายพันธุ์ Omicron ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงไทยที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลายราย รวมถึงการใช้นโยบายการเงินเต็มรูปแบบของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้สภาพคล่องในระบบลดลง นักลงทุนควรทำอย่างไร วันนี้ Wealthy Thai มีคำแนะนำจาก “คุณประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์” มากฝาก
โดย คุณประกิต กล่าวว่า การปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นวันนี้มาจากหลายปัจจัย แต่ปัจจัยหลักมาจากความกังวลเรื่องการล็อกดวน์ หลังจากหลายประเทศเริ่มกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง เช่น เนเธอร์แลนด์ มีคำสั่งปิดหลายกิจการ จนถึงวันที่ 14 ม.ค. 2565 และมีประเทศอื่นที่เริ่มพิจารณายกระดับมาตรการควบคุมมากขึ้น ขณะเดียวกันในไทย กระทรวงสาธารณะสุขเตรียมยืนเรื่องให้ สบค. พิจารณากักตัวนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะทำลายบรรยากาศการเปิดประเทศ และเพิ่มความเสี่ยงว่าอาจจะเกิดการล็อกดาวน์ได้ รวมถึงทิศทางนโยบายการเงินเต็มตัวของเฟส ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้จะเกิดการปรับดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุลเร็วกว่าที่คาด
“มองว่าหลังคริสมาสต์ตลาดน่าจะฟื้นตัวขึ้น ช่วงนี้อาจมึนๆกับสถานการณ์ แต่หลายสถานการณ์ยังสามารถตั้งหลักได้ สำหรับเศรษฐกิจยังไม่เห็นสัญญาณที่จะสร้างปัญหาให้กับการเติบโต สุดท้ายหากตลาดเติบโตได้ เศรษฐกิจยังดี คนจะเริ่มชินกับ Omicronนอกจากนี้ ยังมีผลสำรวจที่น่าสนใจของผู้จัดการกองทุนทั่วโลกจาก Bank of Americaส่วนใหญ่แล้วกองทุนทั่วโลกถือเงินสดมากขึ้นเป็น 5.1% ซึ่งหากย้อนดูจะเห็นว่าเมื่อผู้จัดการกองทุนถือเงินสดต่ำกว่า 4% อันนี้เสี่ยง แสดงว่า Bullishจริง แต่ปัจจุบันถือเยอะ แสดงว่าค่อนข้างมีความระมัดระวังสูง หากความกังวลหายไป เงินก็จะกลับเข้าสู่ตลาดอยู่ดี ดังนั้นผมเชื่อว่าปลายปีจะได้เห็น January Effectตลาดน่าจะมีการฟื้นตัว”
แนวโน้มที่รัฐจะประกาศล็อกดาวน์เป็นไปได้ยากมาก เพราะจะเกิดความเสียหายกับเศรษฐกิจเกินจะเยียวยา และจำนวนคนฉีดวัคซีนมีมากขึ้นจึงมองว่าจะเป็นการเพิ่มมาตรการควบคุมมากกว่า ประกอบกับมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่กลางปี 2565 หากล็อกดาวน์รัฐจะเสียคะแนนเสียงอย่างมาก ดังนั้น การลงทุนในหุ้นที่อิงกับการอุปโภคและบริโภคในประเทศจึงยังน่าสนใจอยู่ นอกจากนี้ หุ้นที่ให้ปันผลดีก็น่าสนใจลงทุนเช่นเดียวกัน โดยแนะนำ TISCO และ LH
“ต้องกล้าเก็บ แม้ปัจจัยลบจะเยอะ แต่ปัจจัยหลายอย่างเป็นเรื่องชั่วคราว อาจจะมีบางเรื่องที่เรื้อรังและน่ากลัว แต่ว่าตอนนี้ยังไม่เข้ามากระทบ คือ การขึ้นดอกเบี้ยและการลดขนาดงบดุล เป็นการกลัวไปล่วงหน้า ผลกระทบจริงๆ มองว่าจะเป็นช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้ามากกว่า” คุณประกิต กล่าวปิดท้าย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0