ช่วงนี้มีเพลงๆหนึ่งที่ถูกยกมาพูดถึงอยู่บ่อยๆนั่นคือเพลง “Do you hear the people sing” เคยสงสัยมั้ยว่าเพลงนี้มาจากไหน วันนี้จะมาเล่ากัน
เพลงนี้มาจากละครเวทีเรื่อง Les Miserables (เล มิเซราบล์) : เหยื่ออธรรม วรรณกรรมชื่อดังของฝรั่งเศสที่เขียนโดย วิคเตอร์ ฮูโก ซึ่งภายหลังได้มีการทำเป็นภาพยนตร์ เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดยุคสมัยหนึ่งของฝรั่งเศสที่มีความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูง ผู้คนต้องอดอยากดิ้นรน โดยเรื่องราวจะถ่ายทอดมุมมองชีวิตแต่ละด้าน ไม่ว่าจะ
[ฌอง วาลฌอง] : ผู้เป็นนักโทษจากการขโมยขนมปังให้กับหลานที่อดอยาก เมื่อพ้นโทษออกมาก็ไม่สามารถหางานทำได้ เนื่องจากมีตราว่าเป็นคนขี้คุกติดตัว จึงตัดสินใจที่จะหลบหนีการรายงานตัวฆ่าชิงทรัพย์นักบวชผู้หนึ่ง…แต่เมื่อได้รับการให้อภัย เขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนดี ทว่าก็ยังต้องใช้ชีวิตอย่างคนหลบหนีการจับกุมไปทั้งชีวิต
[ฟองตีน] : หญิงสาวที่สวยงามทว่ายากจน เธอได้หลงรักกับชายผู้หนึ่งจนมีลูกด้วยกัน แต่สุดท้ายก็ถูกทอดทิ้ง จึงต้องฝากลูกไว้กับครอบครัว “เดนาร์ติเย” แล้วออกมาหางานทำในโรงงานของวัลฌอง สุดท้ายก็ถูกครอบครัวนั้นอ้างว่าลูกสาวของเธอไม่สบายต้องซื้อยามารักษา ทำให้ฟองตีนที่เพิ่งถูกใส่ร้ายจนต้องออกจากงาน จึงต้องขายผมและฟันหน้าที่สวยงามของเธอ และเป็นโสเภณีเพื่อหาเงิน สุดท้ายก็เสียชีวิตเพราะชายที่ซื้อบริการเธอแกล้งเอาหิมะมาใส่เสื้อผ้าของเธอทั้งๆที่กำลังป่วย
[ฌาแวร์] ตำรวจผู้เถรตรงกับหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีคำว่าผ่อนปรน จนกระทั่งมีบททดสอบให้ชั่งใจว่าสิ่งใดที่ถูกต้องกันแน่ระหว่าง ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป กับ ไม่ใช้อำนาจกฎหมายทำร้ายคนที่ดี
[กลุ่มเอเบเซ] กลุ่มประชาชน และกลุ่มนักศึกษาที่ต้องการระบบสาธารณรัฐ และต้องการทวงคืนเสรีภาพ อำนาจสู่ประชาชน
[มาริอุส] ลูกชายของทหารนโปเลียน ที่ได้รับการเลี้ยงดูจากตาที่ขัดแย้งกับพ่อของตนเองด้วยความเชื่อการการเมืองต่างกัน ภายหลังเมื่อเขาได้เห็นมุมมองของพ่อตัวเองก็เกิดการเปลี่ยนแนวความคิดทางการเมืองตามพ่อของตน ทำให้ขัดแย้งกับตาจนถูกไล่ออกจากบ้าน ไปเข้าร่วมกับกลุ่มเอเบเซที่มีอุดมการณ์เดียวกัน
ซึ่งเหตุการณ์ในเพลงนั้นเป็นเรื่องราวในวันที่ 5-6 มิถุนายน 1832 ที่เรียกกันว่า 'กบฎมิถุนายน' หรือ 'การลุกฮือที่ปารีสปี 1832’ เป็นการชุมนุมที่นำโดยกลุ่มนักศึกษาเพื่อลุกฮือขึ้นต่อต้านสถาบันกษัตริย์ของฝ่ายนิยมสาธารณรัฐ ประชาชนชาวปารีสกลุ่มหนึ่งได้ลุกขึ้นมาปิดเมืองด้วยการก่อ Barricade ตามแยกถนนทั่วเมือง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อกำลังอาวุธของเจ้าหน้าที่ในที่สุด
แต่การปฏิวัติของฝรั่งเศสก็ไม่ได้สิ้นสุด เพราะในปี 1848 ก็เกิดการปฏิวัตินำไปสู่การสิ้นสุดการปกครองแบบกษัตริย์เป็นครั้งที่สอง เรียกได้ว่าฝรั่งเศสมีการต่อสู้ระหว่างฝ่ายเสรีนิยม และอนุรักษ์นิยมอยู่หลายครั้งในประวัติศาสตร์ แต่ก็มักจะมีการเปลี่ยนแปลงตามมาด้วยเสมอ เช่น ในช่วงปี 1851 แม้ประเทศจะกลับไปเป็นราชอาณาจักรอีกครั้ง ก็ยังมีการผ่อนคลายเพื่อลดความขัดแย้ง เช่นมีการเลือกตั้งถ้วนหน้า จากเดิมที่ลดอำนาจประชาชนให้สามารถเลือกตั้งได้เฉพาะชนชั้นสูง และผู้จ่ายภาษีครบถ้วน หรือ ให้เสรีภาพสื่อมวลชน เป็นต้น
และในที่สุดปี 1958 ประเทศฝรั่งเศสก็เข้าสู่ระบบสาธารณรัฐจนถึงปัจจุบัน
ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก ละครสะท้อนอะไร ได้ทุกวันพฤหัสบดี บน LINE TODAY และหากสามารถอ่านบทความอื่นได้ที่เพจละครสะท้อนอะไร
