โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

AOT เอ็นดูเขา(คิงเพาเวอร์)...เอ็นเราขาด!

efinanceThai

เผยแพร่ 03 ส.ค. 2563 เวลา 02.26 น.

ราคาหุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับลดลง 0.75 บาท มาปิดที่ 51.50 บาท พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายสูงสุดติดอันดับ 2 ของตลาด โดยระหว่างวันราคาหุ้นร่วงไปแตะที่ 50.75 บาท ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน ภายหลังบอร์ดบริหาร AOT อนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในสนามบิน ซึ่งนักวิเคราะห์กังวลว่ามาตรการครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างหนัก

*** ปรับสูตรช่วย"คิงพาวเวอร์"ข่าวลบต่อกำไร-ราคาเป้าหมาย       

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กสิรกรไทย ระบุว่า บอร์ดบริหาร AOT อนุมัติเปลี่ยนวิธีการเก็บเงินการันตีขั้นต่ำจาก คิงพาวเวอร์ โดยจะอิงจากจำนวนผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงที่จำนวนผู้โดยสารยังต่ำกว่าประมาณการจำนวนผู้โดยสารที่ KPD ประเมินไว้ตอนเข้าร่วมประมูล

บล.กรุงศรี ระบุว่า จากการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ครั้งแรกของ AOT เกี่ยวกับการขยายระยะเวลาสินเชื่อจาก 6 เดือนสู่ 12 เดือน โดยฝ่ายวิเคราะห์เห็นผลกระทบที่ไม่มีนัยสำคัญต่อคาดการณ์กำไรและ valuation ต่อ AOT 

อย่างไรก็ตามในการแจ้งครั้งที่ 2 เป็นปัจจัยลบที่ตลาดไม่ได้คาดไว้ โดยการแจ้งครั้งที่ 2 มีประเด็นหลัก 3 ประเด็นคือ (1). การขยายช่วงเวลาการปรับปรุงและตกแต่ง 1 ปีไปจบในวันที่ 31 มีนาคม 2565 (2). การเลื่อนวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของช่วงการดำเนินงานไปเป็นวันที่ 1 เมษายน 2565 จนถึง 31 มีนาคม 2575, และ (3). การเปลี่ยนวิธีการคำนวณรายได้ขั้นต่ำ (MGT) ซึ่งเป็นประเด็นที่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อคาดการณ์กำไรและราคาเป้าหมายของฝ่ายวิเคราะห์

*** คาดสูญเงิน 1.3 แสนลบ. โบรกฯหั่นกำไรตั้งแต่ปี 66-73

บล.กสิกรไทย ระบุว่า ฝ่ายวิเคราะห์ไม่เห็นด้วยกับ AOT ที่ให้ส่วนลดเงินการันตีขั้นต่ำโดยไม่เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เนื่องจากคาดว่าผลกระทบต่อ AOT จากการออกส่วนลดครั้งนี้จะอยู่ที่ 133,800 ลบ. ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า AOT น่าจะหาวิธีที่ดีกว่านี้เพื่อชดเชยให้กับทางคิง พาวเวอร์ จากผลกระทบจากโควิด-19

บล.กรุงศรี ระบุว่า ฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับประมาณการกำไรลง -6% ถึง -8% ในช่วงปีงบ 66-73 จากการเปลี่ยนแปลงในการคำนวณ รายได้ขั้นต่ำ (MGT) ไปเป็นเปลี่ยนแปลงตามรายได้ต่อหัวในช่วง เม.ย. 65 จนถึง ต.ค.68 และใช้วิธีคำนวณแบบ MAGi formula ตั้งแต่ปี 69 เป็นต้นไป ซึ่งนำไปสู่การลดลงของรายได้รวมและรายได้จากค่าสัมปทานราว 3-5% และ 8-11% ในช่วงปี 66 จนถึงปี 73 ตามลำดับ ซึ่งนำไปสู่สัดส่วนรายได้จากสัมปทานที่ลดลงสู่ระดับ 39% ในปี 66 เทียบกับการประมาณการครั้งก่อนที่ 41%

*** ราคาส่อแววร่วงต่อ เพราะกระทบกำไร 0.35 บาท/หุ้น 

จากการรวบรวมข้อมูลจากโบรกเกอร์ พบว่า แม้บางส่วนจะแนะนำ"ขาย" หรือ "ถือ" แต่กลับมีนักวิเคราะห์เป็นจำนวนไม่น้อยที่แนะนำ ซื้อ AOT ดังตาราง

 

บล.EPS ปี 63 (บ.)EPS ปี 64 (บ.)ราคาเป้าหมาย(บ.)คำแนะนำหยวนต้า0.3152.5Trading Buyทิสโก้0.36-64ซื้อกสิกรไทย0.330.4345.5ขายกรุงศรี--56ถือกรุงไทย0.31-0.2159ถือบัวหลวง0.460.8268ซื้อโนมูระ พัฒนสิน--59Trading Buy

บล.ทิสโก้ เชื่อว่า การให้มาตรการช่วยเหลือโดยไม่ผ่านคณะกรรมการจะทำให้ผู้ที่แพ้การประมูลในปี 62 สามารถฟ้องร้องได้ นอกจากนี้ ผลประกอบการที่ผันผวนเพิ่มขึ้นในอนาคตจากการพึ่งพารายได้จากคิงเพาเวอร์ ทำให้ความน่าสนใจของหุ้นลดลง และการวิจัยวัคซีนจะเป็นบวกต่อราคาหุ้น หลังราคาลดลงกว่า 15 บาท จากจุดสูงสุดในเดือน มิ.ย. จึง แนะนำให้ “ซื้อ”

ด้าน บล.หยวนต้า มองว่า แม้ภาพรวมยังอ่อนแอและมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมกดดันการฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่หุ้นใกล้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว AOT เป็นตัวเลือกเด่นหากมีพัฒนาการวัคซีน ขณะที่ราคาเหมาะสมกำลังจะถูกปรับขึ้นเมื่อมีการ Roll over ในไตรมาส 3 ปี 63 เป็นปัจจัยบวกในระยะถัดไป

เช่นเดียวกับ บล.บัวหลวง ที่มองว่าราคาหุ้นจะถูกกดดันจากการปรับลดกำไรในระยะสั้น ซึ่งเราประเมินผลกระทบต่อกำไรที่เสียโอกาสไปราว 0.35 บาท/หุ้น อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิเคราะห์คงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับการลงทุนระยะยาวราคาเป้าหมาย 68 บาท

ดูเหมือนว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองข้ามข่าวลบเรื่องการปรับสูตรการเก็บเงินการันตีขั้นต่ำจาก คิงพาวเวอร์ ไปเสียแล้ว และมุ่งไปที่ความหวังเดียวที่จะช่วยให้ราคาหุ้น AOT กลับมารีบาวน์อีกครั้งคือ พัฒนาการของวัคซีนโควิด – 19 ที่ควรจะต้องชัดเจนออกมาในไตรมาส 3/63 นี้

ดูข่าวต้นฉบับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0