โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

AOT ยังน่าลงทุนไหม? เทียบมุมมอง 3 โบรกเกอร์ หลังชี้แจงกรณี ‘คิง เพาเวอร์’

Businesstoday

เผยแพร่ 13 ส.ค. 2563 เวลา 08.11 น. • Businesstoday
AOT ยังน่าลงทุนไหม? เทียบมุมมอง 3 โบรกเกอร์ หลังชี้แจงกรณี ‘คิง เพาเวอร์’

3 โบรกฯ ปรับราคาเป้าหมายหุ้น AOT ‘บล.กสิกรไทย‘ ปรับราคาขึ้น 11 บาท มาอยู่ที่ 56 บาท แนะนำ ‘ถือ’ แทน ‘ขาย’ หลังผู้บริการชี้แจงกรณีอุ้ม ‘คิง เพาเวอร์’ ส่วน ‘บล.เอเซีย พลัส’ แนะย้ายลงทุนตัวอื่นในกลุ่ม ฝั่ง ‘บล.หยวนต้า’ แนะนำ ‘ซื้อ’ สวนกระแสตลาดที่ราคา 62.50 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ระบุว่า จากข้อมูลใหม่ที่ฝ่ายวิจัยได้เกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขสัญญาดิวตี้ฟรี ระหว่าง AOT กับกลุ่มคิง เพาเวอร์ จากที่ฝ่ายวิจัยได้เข้าพบผู้บริหารของ AOT และ จากการให้สัมภาษณ์ของ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ AOT กับข่าวหุ้นธุรกิจในรายการ "ข่าวหุ้นเจาะตลาด (ภาคเฉพาะกิจวันที่ 6 ส.ค.63)" เรื่องขั้นตอนการพิจารณา ทำให้ฝ่ายวิจัยมีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นว่า AOT ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมาเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างถี่ถ้วนอีกทั้ง

โดยการอนุมัติแก้ไขสัญญาดิวตี้ฟรีถือเป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหาร ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วในการบรรเทาผลกระทบของคู่ค้าของ AOT ในตอนเหตุการณ์ปิดสนามบินในปี 2551 เรื่องการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งผู้บริหาร AOT คาดว่าการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาเป็นปกติ (ช่วงก่อน COVID-19) ในกลางปี 2566 เนื่องจากสายการบินต้องใช้เวลาอีก 1-2 ไตรมาสในการเพิ่มเที่ยวบิน

แม้ว่า AOT และ บล.กสิกรไทย เห็นตรงกันว่าการค้นพบวัคซีน COVID-19 จะเกิดขึ้นในปลาย 2563 ถึง ต้นปี 2564 และการเข้าถึงวัคซีนดังกล่าวในวงกว้างอาจกินเวลาอีก 1-2 ไตรมาส แต่เรื่องความเสียหายจากการเลิกสัญญา ฝ่ายวิจัยได้ทราบข้อมูลใหม่จากผู้บริหาร AOT ว่ากลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ มีสิทธิตามสัญญาที่จะบอกเลิกจากเหตุผลความเสียหายทางธุรกิจที่เกิดขึ้นต่อกลุ่มคิง เพาเวอร์ จากนโยบายรัฐบาลในการปิดน่านฟ้าส่วนใหญ่ โดยที่กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ไม่ต้องถูกยึดเงินประกัน หากเกิดขึ้นจริง ซึ่งฝ่ายวิจัยประเมินว่า AOT อาจจะสูญเสียรายได้ตลอดอายุสัญญาฯ ที่ 3.9 แสนล้านบาท (ตามเงื่อนไขเดิม)

ขณะที่การปรับวิธีการคำนวณ Minimum Guarantee คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะกลับมาเท่ากับปี 2562 ที่ 52 ล้านคน ในปี 2566 และจะขึ้นไปถึงระดับ 66 ล้านคนในปี 2569 ด้วยสมมติฐานนี้ ผลกระทบจากการปรับวิธีการคำนวณ Minimum Guarantee จะอยู่ที่ 1.33 แสนล้านบาท สมมติฐานนี้ยึดตามการศึกษาของ IATA อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่การฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสารดีกว่าสมมติฐานนี้ ผลกระทบต่อประมาณการจะลดลง ดังนี้

1) กรณีที่จำนวนผู้โดยสารกลับไปที่ 66 ล้านคน เป็นปี 2568 ผลกระทบจะอยู่ที่ 1.18 แสนล้านบาท

2) กรณีที่ จำนวนผู้โดยสารกลับไปที่ 66 ล้านคน เป็นปี 2567 ผลกระทบจะอยู่ที่ 9.9 หมื่นล้านบาท

และ 3) กรณีที่จำนวนผู้โดยสารกลับไปที่ 66 ล้านคน เป็นปี 2566 ผลกระทบจะอยู่ที่ 7.9 หมื่นล้านบาท

ด้านมูลค่าสัญญาที่อาจลดลงหากมีการประมูลใหม่ ฝ่ายวิจัยคาดว่ามูลค่าสัญญาดิวตี้ฟรีจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หากกลุ่มคิง เพาเวอร์ บอกเลิกสัญญาฯ และ AOT ต้องจัดการประมูลขึ้นมาใหม่ เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้มูลค่าธุรกิจดิวตี้ฟรีได้รับผลกระทบอย่างหนักจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ดังนั้น การที่ AOT เปลี่ยนเงื่อนไขในสัญญา จึงถือเป็นการรักษาผลประโยชน์ของ AOT และ ผู้ถือหุ้น อย่างเต็มที่ หากใช้ราคาประมูลของผู้ชนะลำดับที่สองเป็นบรรทัดฐาน มูลค่าสัญญาจะมีความเสี่ยงจะลดลงกึ่งหนึ่ง

นอกจากนี้ บทบาทของ AOT ต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เนื่องจาก AOT มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ความช่วยเหลือโดย AOT จึงช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก รายได้จากนักท่องเที่ยวปัจจุบันคิดเป็น 13% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ และห่วงโซ่อุปทานของผู้ประกอบการโดยตรงของ AOT และผู้ประกอบการในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวมีการจ้างงานคิดเป็นสัดส่วนสูง

ส่วนมุมมองเรื่องธรรมาภิบาลนั้น จากข้อมูลใหม่ที่ฝ่ายวิจัยได้รับตามรายละเอียดข้างต้น ส่งผลให้ปรับมุมมองในเชิงธรรมาภิบาลต่อ AOT โดยเชื่อว่าทางคณะกรรมการบริหารของ AOT ได้ตัดสินใจแก้สัญญาดิวตี้ฟรีเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ อย่างดีที่สุด ในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยากลำบากเช่นนี้

ทั้งนี้ มุมมองการลงทุนได้ปรับปรับเพิ่มคำแนะนำจาก"ขาย" เป็น"ถือ" และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 56 บาท จาก 45 บาท ในบทวิเคราะห์ครั้งที่แล้ว การเพิ่มขึ้นของราคาเป้าหมายเกิดจากข้อมูลที่มีความชัดเจนขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการแถลงการณ์ของ AOT (ในวันที่ 5 ส.ค.63) และการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารระดับสูงกับสำนักข่าวหุ้น (วันที่ 6 ส.ค.63) ซึ่งเชื่อได้ว่าบริษัทคิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี และกลุ่ม ได้ปฏิบัติตามสัญญาการร่วมงานกับ AOT เป็นผลให้ฝ่ายวิจัยนำ CG discount ออกไป เป็นผลทำให้ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น 11 บาท

ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการปีบัญชี 2564-2565 ลงอีกครั้ง แม้ว่าผลประกอบการจะผ่านจุดตกต่ำ และกำไร 9 เดือนแรกของปี 2563 จะสูงกว่าประมาณการทั้งปี จนกว่าการเดินทางระหว่างประเทศจะกลับมาใกล้เคียงปกติ ซึ่งภายใต้สมมติฐานที่ใช้ปัจจุบัน คือ หลังพบวัคซีนต้นปีปฏิทิน 2564 ราว 6 เดือน

ดังนั้น คาดว่าจะเห็นผลขาดทุน 3-4 ไตรมาส จึงคงคาดกำไรปีบัญชี 2563 ลดลง 83% และพลิกขาดทุนในปีบัญชี 2564

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดกำไรปีบัญชี 2565-2568 ลงเฉลี่ยปีละ 7.3% เพื่อสะท้อนเงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำตามสัญญาใหม่กับคิง เพาเวอร์ ที่อิงตามจำนวนผู้ใช้บริการจริง โดยมีความเสี่ยงขาลง (Downside) จำกัด แต่ยังขาดปัจจัยขับเคลื่อนหุ้น

ขณะที่มูลค่าพื้นฐานปีบัญชี 2564 (สิ้นสุด ก.ย.64) อยู่ที่ 61 บาท ดังนั้น เริ่มมีราคาหุ้นเริ่มมีโอกาสปรับขึ้น (Upside) จากราคาที่สะท้อนประเด็นลบไปมาก แต่อยู่บนสมมติฐานการพบวัคซีนต้นปฏิทิน 2564 ดังนั้น ปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นจึงอยู่ที่ช่วงเวลาค้นพบที่สอดคล้องกันซึ่งยังต้องติดตาม โดยปัจจุบันฝ่ายวิจัยยังไม่เห็นความชัดเจน ระยะสั้นจึงยังแนะนำ “สับเปลี่ยน” (Switch) ไปก่อน

ขณะที่ บล.หยวนต้า ระบุว่า ราคาหุ้น AOT รับปัจจัยลบไปมากแล้ว และ Downside เริ่มจำกัด โดยราคาหุ้น AOT ปรับตัวลงถึง 21% ในสองเดือนล่าสุดทจาก 1.ความกังวลต่อการระบาดรอบสองทั่วโลก และ 2.การออกมาตการเยียวยาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเพิ่มเติม อย่างไรก็ดีมาตรการช่วยเหลือมีกรอบระยะเวลาเกินกว่า 3 ปีแล้ว มากเพียงพอที่จะครอบคลุมวิกฤต COVID-19 ทำให้มีโอกาสต่ำที่ AOT จะออกมาตรการช่วยเหลือขนาดใหญ่อีก

ส่วนราคาหุ้น AOT ปัจจุบัน ตลาดสะท้อนปัจจัยสมมติฐานผลประกอบการถูกกระทบยาว 4-5 ปีไปแล้ว หากมีพัฒนาการวัคซีนเกิดขึ้นในครึ่งปีหลังของปีนี้ มุมมองของตลาดต่อการฟื้นตัวของ AOT จะเปลี่ยนไปเป็นฟื้นตัวเร็วขึ้น ซึ่งเป็น Upside สำคัญ ขณะที่กระแสเงินสดในปี 2562-2563 ที่ถูกผลกระทบหนักเพราะ COVD-19 กำลังจะถูกตลาดมองข้ามหลังการปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2564

“เราปรับไปใช้ราคาหมาะสม ณ สิ้นปี 2563-2564 ที่ 62.50 บาท และปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ" เราเลือก AOT เป็นตัวเลือกเด่นของธีมวัคซีนในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ให้เป็นตัวเลือกรองจากกลุ่มโรงแรม จากการปรับตัวได้ช้ากว่าภาคเอกชนและการพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า ความเสี่ยงสำคัญ คือ การปิดน่านฟ้ายาวนานกว่าคาด และพัฒนาการของวัคซีนที่ล่าช้า” บล.หยวนต้า ระบุ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0