5 วิธีปฏิวัติตัวเองให้เป็น "คนมีความรับผิดชอบ" มากขึ้น

การเป็นคนมีความรับผิดชอบนั้น ไม่ได้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่มันเป็นคุณสมบัติที่พัฒนาขึ้นมาจากการมีวุฒิภาวะในตัวเองที่มากขึ้น ไม่ว่าจะพัฒนามาจากรูปแบบของการรับผิดชอบต่อครอบครัว จากการทำงาน หรือจากการทำธุรกิจ ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติส่วนบุคคลที่สำคัญอยู่ในอันดับต้นๆ ที่ควรมี ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพใดๆ ก็ตาม

วันนี้ Yengobuzz จึงมีเคล็ดลับดีๆ 5 วิธี ที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ไม่ยาก เพื่อการพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น และคนรอบตัวก็จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างเห็นได้ชัด ไปดูกันเลยครับว่าจะมีวิธีอะไรบ้าง?

1. หยุดหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเอง

ก่อนจะตกปากรับคำใคร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือธุรกิจ คุณควรคำนึงถึงสิ่งที่คุณทำได้และทำไม่ได้ก่อนเสมอ ยกตัวอย่างเช่น ในการทำงาน เมื่อหัวหน้าของคุณต้องการให้คุณส่งงานภายใน 1 ชม. แต่คุณไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีงานที่ต้องสะสางเป็นจำนวนมาก คุณก็ไม่ควรตอบรับเจ้านายในทันที ควรเลือกที่จะอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงไม่สามารถส่งให้ทันกำหนดได้ หรือในกรณีที่คุณมีธุรกิจ ที่ต้องเจรจาซื้อขายกับลูกค้า เมื่อลูกค้ามีความต้องการที่เกินกว่าที่บริษัทของคุณจะให้ได้ ก็ไม่ควรตอบตกลงเพื่อเอาใจลูกค้า แต่ควรพูดความจริงกับลูกค้าจะดีที่สุด การแสดงความรับผิดชอบและลงมือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ ถือเป็นทางออกที่จะทำให้คุณดูมีความรับผิดชอบในสายตาผู้อื่น รวมถึงลูกค้าของคุณอีกด้วย

2. เลิกพูด แล้วลงมือทำ

คนที่พูดมากกว่าที่จะลงมือทำนั้น เป็นเพราะพวกเขาคิดว่า คำพูดนั้นจะทำให้ตัวเองรู้สึกกลายเป็นผู้ควบคุม หรือเป็นผู้นำ แต่ในความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ในการทำงานหากคุณเอาแต่บ่นว่ามีงานเยอะ เอาแต่พูดว่างานล้นมือหรืองานโหลด แต่ไม่รู้จักเริ่มจัดสรรแบ่งงานว่าอะไรควรทำก่อนหรือทำหลัง จะทำให้เพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้าของคุณ มองว่าคุณเป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ และไม่รู้จักหาวิธีจัดการงานอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากคุณไม่อยากถูกมองในแง่ลบ คุณควรที่จะเลิกเอาแต่พูดและแก้ปัญหาแต่ละอย่างรอบตัวด้วยความตั้งใจ ซึ่งหากคุณมีปัญหาในการทำงานจริงๆ ก็ควรที่จะปรึกษาหัวหน้างานไปตรงๆ จะดีกว่าหมกเอาไว้ และควรจะมีโซลูชั่นไปนำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาของคุณด้วย

3. หัดเริ่มเป็นคนรู้จักเก็บออม

หนึ่งในความรับผิดชอบที่สำคัญ ที่จะช่วยให้คุณเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบเต็มตัว นั่นก็คือการดูแลจัดการกับเรื่องการเงินของคุณให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการจัดการรายได้ หรือการบริหารรายจ่ายที่เกิดขึ้นในทุกๆ เดือน ยิ่งถ้าคุณทำธุรกิจส่วนตัวด้วยแล้ว ยิ่งต้องเริ่มทำความเข้าใจในเรื่องบัญชีการเงิน เรื่องภาษี หรือแม้แต่เรื่องการกู้ธนาคารและการชดใช้หนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะรักษาเครดิตหรือประวัติทางการเงินของคุณให้น่าเชื่อถือ สิ่งสำคัญอีกเรื่องคือควรเริ่มทำความรู้จักกับวิธีเก็บออมเงินของตัวเอง เพื่อทำให้เงินงอกเงยมากกว่าแค่การฝากแบบออมทรัพย์ในธนาคาร ซึ่งปัจจุบันก็มีอยู่หลายวิธีด้วยกัน แต่หลายคนมักมองข้ามถึงความสำคัญข้อนี้ไป แล้วกลับมาใช้วิธีการฝากเงินแบบเดิมๆ

4. เลิกนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง

ผู้ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ มักเป็นผู้ที่ขยันและไม่มีคำว่า “ขี้เกียจ” อยู่ในสารบบ ซึ่งหากคุณต้องการที่จะทำการใดๆ สำเร็จและได้รับการยอมรับ ควรเลิกเป็นคนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่งเสียก่อน โดยเริ่มจากหยุดทำกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในอาชีพการงาน หรือเสียเวลาไปกับการเล่นโซเซียลมีเดียมากจนเกินไป หากคุณมีเวลาว่างในระหว่างทำงานเมื่อไหร่ ก็ควรที่จะใช้เวลาว่างนั้นให้เกิดประโยชน์ที่สุด เช่น วางแผนงานในวันถัดไป หาวิธีใหม่ๆ ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น หรือสร้างสรรค์โปรเจ็กเจ๋งๆ เพื่อนำไปเสนอต่อหุ้นส่วนหรือหัวหน้างาน เพียงเท่านี้ก็สามารถแก้ปัญหาให้คุณเป็นคนเลิกผัดวันประกันพรุ่ง และช่วยให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายต่างๆ ได้ในทุกๆ วัน

5. จัดตารางงานและตารางชีวิตให้ลงตัว

บางครั้งการจัดการชีวิตประจำวันให้ลงตัวกับตารางการทำงาน “ถือเป็นเรื่องยาก” สำหรับบางคน เช่น การมีนัดประชุมกับลูกค้าที่ตรงวันสำคัญของคนในครอบครัว หรือการทำงานในแต่ละวันกินเวลาชีวิตที่ควรพักผ่อนของคุณ วิธีการแก้ปัญหานี้มีข้อเดียวคือ “คุณต้องรู้จักบริหารเวลาที่มี 24 ชั่วโมงต่อวันให้ดีที่สุด” โดยการลำดับความสำคัญสิ่งที่ควรทำก่อนและหลัง จะช่วยให้คุณสามารถจัดการตารางต่างๆ ได้อย่างลงตัว และยังช่วยให้คุณเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น ทั้งต่อคนใกล้ตัวและเพื่อนร่วมงานอีกด้วย

ลองนำวิธีข้างต้นไปปรับใช้ดูนะครับ เพราะคำว่า “ความรับผิดชอบ” ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญของคนทุกคนและไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นบทบาทในการทำงาน ทำธุรกิจและการใช้ชีวิต

Source Lifehack Pexels

---

YengoBuzz