ความรัก = ความทุกข์
ถ้าเห็นสมการนี้แล้วเถียงใจขาดแปลว่าคุณยังไม่เข้าใจความรักดีพอ
ความรักจะไม่เท่ากับความทุกข์ได้ ก็ต่อเมื่อความรักนั้นเต็มไปด้วยปัญญาและเมตตาต่อกัน
คำว่า ‘ปัญญา’ และ ‘เมตตา’ ในที่นี้ก็คือรักด้วยปัญญาโดยไม่หวังผลตอบแทน รักโดยไม่คาดหวัง และรักด้วยเมตตาโดยไม่ยึดติด ไม่มีเงื่อนไข
พูดน่ะมันง่าย แต่เอาเข้าจริงไม่มีใครทำได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่พอมีรัก ก็มักจะมีทุกข์ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความจริงที่ซ่อนอยู่ ไม่เข้าใจว่าความรักมักมาพร้อมความทุกข์และความเจ็บปวด ซึ่ง 7 ความจริงต่อไปนี้คือเบื้องหลังอันแสนเจ็บปวดที่เราต้องทำความเข้าใจ ยิ่งเรายอมรับความจริงได้เร็วที่สุด เราก็จะเข้าใจความรักได้ขึ้นมากเท่านั้น
1. ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
แม้ ‘ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์’ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่นั่นจะไม่มีความสุข เมื่อความรักเกิด ความสุขก็ย่อมต้องเกิดตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อมีสุข ก็ย่อมต้องมีทุกข์ เป็นความจริงอีกข้อที่คนมีรักต้องเผื่อใจนึกถึงไว้เสมอ เพราะความรักคือความร้าย คือความคาดหวังที่ไม่มีสิ้นสุด
เมื่อความรักเริ่มต้นแล้ว จะทำให้เราโหยหา อยากได้ ต้องการไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งตรงนี้คือสาเหตุของความทุกข์ที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย เพราะเราไปกำหนดกฎเกณฑ์ให้กับความรัก ให้กับคนที่เรารัก รวมถึงตัวเองด้วย ทำให้ความรักกลายเป็นความคาดหวัง กลายเป็นความยึดมั่นถือมั่น สุดท้ายก็กลายเป็นความทุกข์ เพราะฉะนั้นถ้าริจะมีรัก ก็ต้องรู้ไว้เลยว่าไม่มีวันหลีกหนีความทุกข์และความเจ็บปวดไปได้
2. ความรัก..ใช้เวลาเพียงไม่นานก็จืดจาง
บางคนไม่รู้และไม่เคยรู้เลยว่าความรักมีวันหมดอายุ เมื่อถึงวันหนึ่งความรักของเราจะจืดจางลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหมดรักกันไปในที่สุด แต่เหตุที่ทำให้ความรักของบางคนยังคงสวยงามเหมือนเดิมก็เพราะเค้าหมั่นเติมความรักให้กันอยู่เสมอ ความรักนี่ก็แปลก มาก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว พอบทจะไปก็หมดรักกันไปซะเฉย ๆ
ไม่มีใครบอกได้ว่าใช้เวลาเท่าไหร่ความรักถึงจะจืดจางจนหมดไป และไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อไหร่ที่เราจะต้องเติมความรักให้กัน เพราะความรักไม่มีสูตรสำเร็จ..ความรักของเรา ก็ขึ้นอยู่กับเรา
3. ความรักไม่ใช่ทุกอย่าง
ถ้าบอกว่าความรักไม่ใช่ทุกอย่าง..บางคนเชื่อ แต่บางคนก็ไม่เชื่อ เพราะสำหรับบางคนความรักคือแรงบันดาลใจ คือพลัง คือแสงนำทาง คือทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตของพวกเค้ามีจุดหมาย แต่ความรักเพียงอย่างเดียวกลับไม่เพียงพอที่จะทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกัน รักกันไปตลอดได้
ไม่เชื่อลองดูการใช้ชีวิตของคนอกหักใกล้ตัว ต่อให้ทุกข์ เจ็บปวด ร้องไห้ตาบวมแค่ไหน ตื่นเช้ามาเค้าก็ยังต้องไปทำงาน ยังต้องกินข้าว ยังต้องมีหน้าที่ให้รับผิดชอบ ความรักเป็นแค่ส่วนหนึ่งในชีวิตเรา แค่ผ่านมา แล้วเมื่อถึงเวลาก็ผ่านไป คนเราถึงยังทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะความรักไม่ใช่ทุกอย่าง
4. ความรักไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
มีคนเคยบอกว่าความรักจะทำให้เราเปลี่ยนแปลง..คุณ ! เชื่อในคำพูดนี้หรือไม่…เชื่อหรือไม่ว่า..ถ้าเรารักใครสักคน เราจะยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อเค้า
แปลว่าเมื่อหมดรักแล้ว เราก็จะกลับมาเหมือนเดิม..หมายความว่าความรักไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะท้ายที่สุด เราก็ยังคงเป็นเราอยู่ดี
จริง ๆ แล้วความรักไม่ควรอยู่บนพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลง และไม่มีใครจำเป็นต้องเปลี่ยน แต่คนสองคนต้องช่วยกันปรับและยอมรับในสิ่งที่อีกคนเป็น เพราะความรักเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้คนสองคนใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขไปตลอดรอดฝั่งได้ แต่ความเข้าใจและยอมรับในตัวตนของกันและกันได้ต่างหากที่จะทำให้ความรักไม่เปลี่ยนแปลง
5. รักไปเท่าไหร่ ไม่จำเป็นต้องได้กลับมาเท่านั้น
เคยได้ยินใช่ไหมว่า..‘รักของเราไม่เท่ากัน’ ‘คนที่รักมากกว่าก็จะเจ็บมากกว่า’ ในความสัมพันธ์ของคนรัก ย่อมต้องมีใครคนใดคนหนึ่งที่รักมากกว่าเสมอ เพราะความรักคือความรู้สึก คืออารมณ์เฉพาะของแต่ละคน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ความรักของคนสองคนมีค่าเท่ากัน
ไม่เคยมีนิยามบทไหน คำสอนไหนที่เกี่ยวกับความรักบอกว่าความรักต้องเท่ากัน หรือรักไปเท่าไหร่ก็ต้องได้รักตอบกลับมาเท่านั้น แต่คนเรากลับคาดหวังกันไปเองว่าเมื่อทุ่มเทความรักไปแล้ว ต้องได้รับตอบกลับมาในจำนวนที่เท่ากันเสมอ ซึ่งในความเป็นจริง ไม่ได้อยู่ที่ว่าเรา‘รัก’ ไปเท่าไหร่ แต่อยู่ที่เรา ‘รัก’ เค้าแค่ไหนต่างหาก
6. ไม่รักก็คือไม่รัก
เพราะความรักคือความทุกข์ ตราบใดที่คิดจะรัก ก็ต้องยอมรับความเจ็บปวด เพราะนอกจากความรักของคนสองคนจะไม่เท่ากันแล้ว คนที่ไม่รักก็ยังไม่มีวันรักอีกต่างหาก ต่อให้เรารักเค้าแค่ไหน ทุ่มเทแค่ไหนก็ไม่มีวันเปลี่ยนคนที่ไม่รักเราให้หันมารักได้ หรือเมื่อหมดรักกันไปแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรมากแค่ไหนก็ไม่สามารถยื้อคนที่ไม่รักเอาไว้ได้
ทฤษฎีนี้คือความจริง แต่น้อยคนที่จะยอมรับความจริง เมื่อถึงเวลาก็ต้องจาก เมื่อเดินสุดทางก็ต้องจบ เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ความรักก็เช่นกัน เมื่อไม่รักก็คือไม่รัก จะยื้อยุดฉุดกระชาก ขอร้องอ้อนวอนแค่ไหนก็ไม่เป็นผล สู้ยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ใช้ชีวิตต่อไปในแบบที่ไม่ต้องมีใคร อาจจะทุกข์น้อยกว่าก็ได้
7. ไม่มีใครตายเพราะอกหัก
ในทางพระพุทธศาสนา ความรักคือความร้าย คือความอยากครอบครองจนทำให้เกิดทุกข์ เพราะฉะนั้นความรักส่วนใหญ่ของคนยุคนี้จึงประกอบไปด้วย ‘สิเนหะ’ หรือเสน่หา ซึ่งเป็นสาเหตุของความทุกข์ สุดท้ายเมื่อไม่สมหวังในรัก ก็เกิดทุกข์กลายเป็นความอกหักรักคุดที่เจ็บปวดแสนสาหัส
แต่รู้หรือไม่..ไม่มีใครตายเพราะความรักที่ไม่สมหวัง ต่อให้เจ็บเจียนตายแค่ไหน เค้าไม่รักแค่ไหน ร้องไห้มากแค่ไหน เวลาจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ถ้ายังไม่หาย ยังไม่เป็นปกติแปลว่ายังใช้เวลาไม่มากพอ แต่ยังไงเราก็จะไม่ตาย (ถ้าไม่ฆ่าตัวตาย) เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่อกหัก ก็ใช้เวลากับความเจ็บปวดให้เต็มที่ เมื่อถึงจุดหนึ่ง เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง จะใช้เวลามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตัวเราเองนั่นแหละ
ความจริงทั้ง 7 ข้อนี้ทำให้รู้ว่า..แม้ความรักจะนำพาความสุข ความสมหวังมาให้ แต่หลายครั้งความรักก็แฝงไปด้วยความเจ็บปวดจนยากจะลืมเลือน แต่ถ้าเราเข้าใจในรัก เข้าใจความรักในแบบที่มันควรจะเป็น ความทุกข์ ความเจ็บปวดก็จะน้อยลง ยิ่งเรารักด้วยเมตตา รักโดยไม่หวังเป็นเจ้าของหรือครอบครอง ก็ย่อมมิอาจทุกข์ได้
❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
| ฟาร์มรัก | พื้นที่แบ่งปันเรื่องราวความรักในมุมมองของคนที่ไม่อยากเจ็บปวดเพราะรัก แต่จะรักยังไงให้ไม่เจ็บ..มาเข้าใจความรักในมุมที่ไม่ทำให้ต้องทุกข์จากฟาร์มรักแห่งนี้ เพราะเราเข้าใจดีว่าไม่มีใครอยู่บนโลกนี้โดยปราศจากความรัก และไม่มีใคร ไม่เคยเป็นทุกข์เพราะความรักนั่นเอง
