โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

5 สิ่งที่นึกขึ้นได้ระหว่างทำตามความฝัน - เพจบันทึกนึกขึ้นได้

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 18 มิ.ย. 2563 เวลา 17.28 น. • เพจบันทึกนึกขึ้นได้

1. แย่กว่าการไม่มีความฝันคือการมองว่าความฝันของตัวเองไร้ค่า

ผมเคยมีช่วงหนึ่งที่ไม่กล้าคิดกล้าฝันหรือลงมือทำอะไรเลย

เพราะพอคิดแล้ว ก็จะมีกลุ่มความคิดในหัวที่มากระซิบบอกกับเราอยู่ตลอดว่า

โห ฝันแบบนี้ ใครจะไปสนใจ

ใครจะไปทำได้  ใครจะไปชอบ

แล้วตอนนั้นภูมิต้านทานทางอารมณ์ของตัวเองต่ำด้วย

ก็เลยไม่ได้ทำอะไรต่อจากความฝันที่คิดไว้

 

แต่ในใจลึก ๆ แล้วมันก็ยังมีความอยากซ่อนอยู่

แต่เราก็ยังมองว่า ไม่มีใครสนใจความฝันของเราหรอก

 

พอโตขึ้นมาอีกหน่อย เราก็เรียนรู้กับตัวเองได้ว่า

ถ้าเราจะฝัน ไม่ต้องเล่นใหญ่ ไม่ต้องเว่อวังอลังการก็ได้

เริ่มจากฝันเล็ก ๆ นี่แหละดี ทำง่าย ทำได้เรื่อย ๆ

ค่อย ๆ ทำมันไป

 

ฝันแบบที่ไม่ต้องไปเติมเต็มใคร

ฝันแบบที่ทำเองแล้วก็มีความสุข

 

ผมคิดว่าความฝันมันคล้ายกับความหวังนะ

คือมีแล้วอยากมีชีวิตอยู่ต่อ

แต่น่าจะต่างกันตรงที่

ความฝันเราลงมือทำมันได้

แต่ความหวัง เราต้องอาศัยการรอคอยอย่างเดียว

ควบคุมมันแทบไม่ได้เลย

 

พอเรามั่นใจ เราเห็นคุณค่าของฝันของตัวเองแล้ว

เราก็อยากจะทำมัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นฝันที่ไม่ได้เข้าตาใครเลย

 

แต่จุดสูงสุดของการมีความฝัน

คือการทำให้ความคิดที่ลอยฟุ้งอยู่ เป็นความจริงขึ้นมาไม่ใช่หรอ

 

เพราะฉะนั้น ผมเลยเลิกคิดว่า

ฝันของตัวเองมันแย่

แล้วก็ลุกขึ้นมาทำมันให้ตัวเองพอใจดีกว่า

 

 

2. ไม่มีใครอินกับความฝันของคนอื่น แต่เราควรมีใครสักคน คนที่ไม่ตัดสินเรา แล้วเล่าความฝันที่มีให้เขาฟัง

ฝันของใครก็ฝันของมัน

เพราะฉะนั้น ภาพความฝันที่ชัดเจนที่สุด

มันเลยจะอยู่แค่ในหัวของเราเท่านั้น

ไม่มีใครเห็นได้เท่าเรา

 

พอเอาไปเล่าคนอื่นฟัง บางคนก็จะเจอคนที่คอยบอก

ว่าความฝันของเรามันฟุ้งไป มันยากไป

มันเป็นไปไม่ได้หรอก

บ้างอาจจะมาด้วยความหวังดี

บ้างอาจมาด้วยความอิจฉา ไม่อยากให้เราก้าวไปข้างหน้า

 

บางครั้งเราอาจต้องฟังหูไว้หู

แต่บางครั้งก็ต้องฟังเสียของตัวเองด้วย

อย่าเพิ่งปล่อยให้ความคิดของคนอื่นมากัดกินความฝันของเราไป

 

หาใครสักคนที่เขาพร้อมจะต่อเติมความฝันของเรา

เพื่อนสนิท คนสำคัญ ที่พร้อมจะเข้าใจภาพที่อยู่ในหัว

บางทีเขาอาจจะไม่ได้เห็นชัดเหมือนกับเรา

แต่คนเหล่านี้นั้น พร้อมที่จะบอกกับเราว่า

เอาเลย ลุย กูรู้ว่ามึงทำได้

 

เวลาที่ใครสักคนเค้าเชื่อในตัวเรา

ให้กำลังใจเรา

ผมว่ามันเพิ่มพลังใจเราข้างในได้อีกเยอะเลย

 

 

3. ใช้ความพยายามของตัวเอง อย่ายืมมือคนอื่นล่าฝัน

 

เดี๋ยวนี้การทำความฝันหลาย ๆ อย่าง ง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะ

ด้วยที่มันมีเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วย

หนังสือบ้าง อินเตอร์เน็ตบ้าง

ความสนุกมันอยู่ที่ตรงจะหาข้อมูลต่าง ๆ มาทำให้ฝันเราเป็นจริงได้อย่างไร

เพราะมันมีคนเคยลองผิดลองถูกมาเยอะ

ถ้าเราศึกษา ทุ่มเทอย่างจริงจัง เราก็จะเห็นแนวทางว่า

ฝันของเรามันจะออกไปที่ทิศทางไหน

 

แต่ผมก็เห็นบางคนที่มีความฝัน แล้วยังยืนอยู่เฉย ๆ

ไม่ก็คอยไปถามคนอื่นด้วยคำถามที่ถ้าเราลองค้นคว้าด้วยตัวเองดู

เราจะไม่ต้องไปถามคำถามเหล่านี้กับใครเลย

 

ก็มีคนช่วยแหละ

แต่อย่าลืมว่า ทุกคนก็ต้องดูแลความฝันของตัวเอง

ถ้าฝันของเขาและของเรา ไม่ได้เข้าใกล้กันเลย

ก็อย่าเอาเวลาของเขา มาทำความฝันของเราเลยนะ

 

 

4. อย่าล้มเลิกกลางทาง

 

Hard Work.

Practise makes perfect.

 

ความฝันไม่มีทางลัด

มันอาศัยชั่วโมงบิน เหงื่อ น้ำตา ความมีวินัย

ไม่มีใครเต้นเก่งได้ภายในสองสามวัน

ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น หรือภาษาอื่นๆ ได้ภายใน 7 วัน

 

ความฝันมันใช้เวลา

แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น เราเองก็ต้องใส่ปุ๋ย พรวนดิน

ออกแดดไปดูแลมันบ้าง

 

ผมเคยมีช่วงทีท้อมาก ๆ แบบที่ไม่ไหวแล้ว อยากหายไปเลย

ไม่อยากทำมันอีกต่อไปแล้ว ทำไมมันไม่สำเร็จสักที

 

ซึ่งเวลาที่มันไม่เสร็จ ผมจะไม่โทษใครเลย

แต่ผมจะคิดว่า เพราะผมยังพยายามไม่มากพอ

 

แล้วต้องมากแค่ไหนถึงจะพอ?

 

ผมไม่รู้

แต่ถ้าตอนนี้มันยังไม่สำเร็จ

ก็แสดงว่ามันยังไม่พอ

 

แต่ไม่ใช่ตะบี้ตะบันทำแบบผิดลู่ผิดทาง

 

ส่วนตัวผมแล้ว เวลามีความฝัน

พอคิดแล้วมันตื่นเต้น รู้สึกอยากลงมือทำ

ผมว่าอันนั้นแหละของจริง แล้วก็ต้องหาวิธีลงไปลุยกับมันให้ได้

 

แล้วก็ฝึกฝน อยู่กับมันทุกวัน

ผมเชื่ออยู่ตลอดว่า ความสำเร็จจะมาในวันที่เราพร้อม

แล้วเวลาแห่งความสำเร็จของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน

ฉะนั้นเราจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นไม่ได้

มันคนละคน มันคนละเงื่อนไขในชีวิต

แถมบางทีมันก็คนละความฝันกันด้วย

 

5. ลงมือทำ- สักที

 

ข้อนี้สั้นๆ

อย่าวาดฝันด้วยน้ำลาย

ด้วยสถานะบนโซเชียลมีเดีย

ไม่ต้องบอกใครหรอก

ปิดปากตัวเองให้เงียบ แล้วเอาผลงานออกมาโชว์อย่างเดียว

แบบนี้เจ๋งกว่าเยอะ

 

รูปรองเท้าวิ่งคู่ใหม่

กับรูปตาชั่งที่น้ำหนักมันลดลงไปแล้ว

รูปหลังมันมีพลังมากกว่าเยอะเลย

 

ไม่มีใครสนใจขั้นของความฝันของเราหรอก

เขาสนใจผลลัพธ์ของมันมากกว่า

 

ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก เพจบันทึกนึกขึ้นได้ ได้บน LINE TODAY ทุกวันศุกร์

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0