โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

5 สิ่งที่วันนี้ควรทิ้งไป แล้วเริ่มต้นใหม่ในวันพรุ่งนี้ - เพจบันทึกนึกขึ้นได้

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 06 ส.ค. 2563 เวลา 17.00 น. • เพจบันทึกนึกขึ้นได้

1.   ทิ้งเอาความกลัวในการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ หรือรู้จักคนใหม่ๆ

ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ชอบคิดอะไรในหัวไว้เยอะมาก ชอบวาดโปรเจ็คนั้น โปรเจ็คนี้

แต่ทุกอย่างก็ได้แต่วาดทิ้งเอาไว้ไม่ได้เริ่มทำอะไร

เพราะผมกลัวว่ามันจะไม่เวิร์ก ไม่กล้าที่จะชวนคนที่เราอยากให้ใครสักคนมาช่วยกันทำ

กลัวว่าทำออกมาแล้วจะไม่ดี มีคนตัดสิน มีคนด่า มีคนบอกเพ้อเจ้อ

แต่มันมีคำพูดถึงตอนที่ผมไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่ร้านเหล้า

มันชวนผมไปเต้นกลางฟอร์แล้วให้ทักทายคนที่อยากรู้จักทั้งหมด

ผมบอกว่า ไม่ดีกว่า ผมไม่กล้า ผมอาย

มันบอกผมว่า มึงจะกลัวอะไร พรุ่งนี้ก็ไม่มีใครจำมึงได้แล้ว

นาทีนั้น ผมเก็ทเลยนะ จริงด้วย สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครจำเราได้

ทำไมเราต้องกลัวด้วยละ พรุ่งนี้เราก็เริ่มต้นใหม่ได้แล้ว

ไม่ได้มีใครมาตัดสินเราจากการผิดพลาดแค่ในวันนี้หรอก

 

ดูเหมือนเป็นประโยคธรรมดานะครับ

แต่สำหรับผมมันสามารถโยงไปได้ในหลายๆ เรื่อง

ทำไมเราต้องกลัวที่จะเริ่มต้นอะไรสักอย่าง 

ทำไมเราต้องกลัวที่จะทักทายใครสักคน

คือถ้ามันแป๊ก ก็แค่แป๊กรึเปล่า แล้วก็เดินหน้าต่อไปใหม่

 

หนึ่งในประโยคนั้นทำให้ผมกลับมาลงมือทำพ็อดแคส เขียนบทความที่คุณได้อ่านอยู่ทุกๆ สัปดาห์

 

มันเริ่มต้นการจากกล้าที่จะทำในสิ่งที่เราเชื่อ เชื่ออยู่คนเดียวนี่แหละ

แต่ถามว่าลึกๆ ยังมีความกลัวที่จะทำอะไรต่อไปอีกมั้ย มีนะ

 

เพราะฉะนั้นผมเลยเลือกที่จะบอกตัวเองว่า

ผมจะทิ้งความกลัวในการเริ่มต้นใหม่ไปซะ

แล้วไปทำสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำให้เต็มที่ในวันหน้า

 

แล้วผมก็คิดว่าคุณเองก็น่าจะมีอะไรบางอย่างที่คุณอยากจะทำในตอนนี้

แต่ยังไม่กล้าพอที่จะเร่ิมต้น

ลองทิ้งความคิดนั้นไปนะครับ

อย่าเพิ่งกลัวอะไรที่เรายังไม่รู้

เพราะจริงๆ มันอาจจะเป็นเรื่องดีๆ ที่รออยู่ก็ได้

2.   ทิ้งความคาดหวัง

ความคาดหวังคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตของผมวุ่นวายมากที่สุดครับ

ไม่ว่าจะเป็นคาดหวังกับใครสักคน หรือความคาดหวังกับหน้าที่การงาน

 

จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันพูดยากนะ ว่าจะไม่ให้คาดหวังเลย

แต่พอมาทำความเข้าใจดูแล้ว จริงๆ ความคาดหวังมันคืออะไร

 

ความคาดหวังมันก็คือสิ่งที่เราคิดไปเอง

เชื่อไปเองว่า บางอย่างมันจะเกิดขึ้นแน่ๆ ในอนาคต

ความคาดหวังของเรามันไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง

มันอยู่บนพื้นฐานของความคิด ความเชื่อ ความต้องการ ของเราเอง

 

แล้วจริงๆ เราทำได้หรอที่จะไม่คาดหวังกับอะไรเลย

ยากมาก

แต่ผมเองก็ตกหลุมพลางของการคาดหวังไปมากมาย ไม่ว่าเวลาเจอใครสักคนพูดว่า

มันไม่เหมือนเดิมแล้วละ มันไม่เวิร์กหรอก แต่เราเองที่จะบอกว่า ไม่ๆ มันได้สิ

มันผ่านไปได้สิ เราก็เคยผ่านกันมาแล้วนะ

 

คือเราไม่ได้ฟังความจริงที่เกิดขึ้น เรากำลังฟังในสิ่งที่เราเชื่อต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามากกว่า

ว่ามันจะเปลี่ยนไปในทางที่เราคิดได้

 

ความเจ็บปวดจากการคาดหวังมันทรมานมากเลยนะ

ยิ่งถ้าเกิดขึ้นกับคนที่เรารู้สึกด้วยมากๆ หรืองานที่เราหวังไว้มากๆ

พอตุ๊บมานี่ เจ็บตัว เจ็บใจพอสมควรเลยนะ

 

ช่วงหลังๆ มานี้ผมเลยปล่อยครับ

ผมยังทำทุกอย่างเต็มที่เหมือนเดิมนะ

แต่ผมคาดหวังน้อยลง ใช้คำนี้ก่อน

เพราะยังไม่เก่งพอที่จะพูดว่าไม่คาดหวังเลย

 

ผมคาดหวังน้อยลงกับการแสดงออกของใครบางคน

เลิกคาดหวังการขอโทษจากใครสักคน

ว่าเขาหรือเธอควรจะแสดงออกแบบนี้สิ

ทำเรื่องแย่ขนาดนี้ ยังไม่รู้จักขอโทษอีกหรอ

ชัดขนาดนี้ละ คิดไม่ได้เลยหรอ

แต่ก่อนคิดแบบนี้นะ

แต่เดี๋ยวนี้ก็จะเฉยๆ ถ้าเค้าไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิดไว้

ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่ดี แต่แค่มันไม่ตรงใจเรา

แทนที่จะรอคำขอโทษจากเค้า

หันมาขอโทษตัวเองดีกว่า ที่บังเอิญได้มาเจอกัน

 

หรือพอเราคาดหวังกับอะไรน้อยลง

เวลาสิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นแบบที่ไม่ได้คิดไว้

มันก็ทำให้เราเซอร์ไพร์สแล้วก็มีความสุขไปกับมันนะ

 

ก็เลยตัดสินใจว่า ผมจะทิ้งความคาดหวังเอาไว้ให้มากที่สุดในวันนี้

แล้วไปลุยกับไปหน้าให้สุดๆ แบบที่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น

ก็จะยอมรับความจริง แล้วลงไปอยู่กับมัน

3.   ทิ้งความไม่เป็นตัวเอง เลิกตัดสินตัวเอง 

เอาจริงๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง

ดูเหมือนผมเป็นคนคุยเก่ง พูดคนเดียว เขียนหนังสือคนเดียวได้

แต่จริงๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยเข้าหาใคร

แล้วก็ไม่ค่อยคิดว่าเป็นคนที่น่าเข้าหาสักเท่าไหร่นะ

 

มันมีความไม่มั่นใจอะไรในตัวเองบางอย่างที่รู้สึกว่า

เออ คนน่าจะไม่ชอบเราหรอก

ซึ่งความคิดแบบนี้มันทำให้บุคลิกภาพเรามันไม่ดีไปด้วยนะ

 

แต่หลังๆ มาผมก็รู้สึกว่า จริงๆ แล้ว คนเรามันต่างกันมากเลยนะ

แล้วความที่มันต่างกันมากๆ นี่แหละที่โคตรจะเป็นเสน่ห์ของกันและกันเลย

 

ความไม่เหมือนนี่มันดูแตกต่างนะ แต่ความไม่เหมือนนี่แหละที่ผมคิดว่ามันน่าค้นหาดี

 

เลยรู้สึกว่า เราควรเคารพตัวเองนะ เราควรเชื่อมั่นในตัวเองว่า

การเป็นเราในแบบของเรานี่แหละ ที่มันเหมาะสมกับเราในวันนี้มากที่สุดแล้ว

 

เราอาจจะไม่ใช่คนที่ Perfect รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ หรืออะไรก็แล้วแต่

แต่การยอมรับตัวเองว่า เราเป็นแบบนี้นะ

รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ตัวเองคือใคร

อะไรคือสิ่งที่เราชอบ ไม่ชอบ อะไรคือความต้องการในชีวิต

อะไรที่เรายอมรับได้ อะไรที่เรายอมรับไม่ได้

 

เลิกคิดว่าถ้าเราทำแบบนั้นแบบนี้แล้วคนจะชอบหรือไม่ชอบ

คือจริงๆ ถ้าคนจะไม่ชอบ เราเป็นอะไรมันก็ไม่ชอบแหละ

เพราะถ้าเราใช้ชีวิต เป็นไปในแบบที่คนอื่นต้องการ

นั่นคือเราไม่ได้มีชีวิตเป็นของตัวเองเลยนะ

 

แต่ถ้าการเป็นตัวเองแล้วไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนจริงๆ

ผมว่าเป็นเถอะ

ทิ้งความไม่เป็นตัวเองไว้แค่ปีนี้

ปีหน้าเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นอัปเกรด

อัปเดตเฟิร์มแวร์ตัวใหม่

ที่จะเป็นเราในเวอร์ชั่นที่เราชอบตัวเองมากที่สุดในวันข้างหน้า

และวันต่อๆ ไป

 

4.   เลิกผลัดวันประกันพรุ่ง

ผมว่าข้อนี้เป็นกันทุกคนนะ คือบางมีมันไม่ใช่ความกล้าอย่างข้อแรกที่พูดไป

แต่มันเป็นความขี้เกียจที่เราไม่ยอมลงมือทำอะไรสักอย่างอย่างจริงจังลงไปสักที

 

ลองหันกลับไปดูลิสที่เราเขียน ส่ิงที่อยากทำ ของปีที่แล้วสักหน่อย

ว่าทำไปได้กี่ข้อ ได้ทำจริงๆ กี่ข้อ

 

อะไรที่เราเขียนไว้ทุกปี แต่ไม่เคยได้ลงมือทำมันเลย

 

หรือบางทีเป้าหมายที่เราวางเอาไว้มันยิ่งใหญ่เกินไป

พอจะลุกขึ้นมาทำเลยรู้สึกเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม

 

ส่วนใหญ่ผมจะเขียนมันเป็นข้อย่อยๆ ก่อนนะ

ไม่ต้องรีบมีซิกแพคภายในสองเดือน

แต่แค่เขียนว่า ออกกำลังกายได้สัปดาห์ละสองวัน

 

เป็นเป้าหมายน่ารักๆ ให้ได้มีแรงลุกขึ้นไปทำก่อน

 

ทิ้งความขี้เกียจทั้งหมดไว้ในปีนี้

แล้วปีหน้าจะได้ทำมันได้สำเร็จสักที

 

5.   Toxic relationship

ข้อนี้ยาก แต่สำคัญมาก

การค้นพบว่าคนที่เรารู้สีกดีๆ คนที่อยู่ในวงจรของความสัมพันธ์เราด้วยมันเป็นคนที่โคตรจะToixic ในชีวิตมันโคตรแย่เลยนะ

อาจจะยังเป็นคนที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน

คนที่เรารัก คนที่เลิกกันไปแล้วแต่ยังไม่จบไม่สิ้นกันสักที

คนที่เราไม่ยอมปล่อยเค้าไปสักที

 

ตอนนี้ผมว่ามันควรพอแล้วนะ เราจะไม่พูดเยอะ เพราะเราเจอเรื่องแบบนี้มาเยอะมากพอแล้ว

 

เราต้องพอทั้งในแง่ความรู้สึกที่มันทำให้แต่ละวันมันดูวุ่นวายกว่าที่มันควรจะเป็น

 

เรารู้แหละว่าใคร หรืออะไรที่มัน Toxic กับเราในตอนนี้

แต่ที่ผ่านมามันก็มาเกินพอแล้วรึเปล่า กับการปล่อยให้ใครสักคนมาทำร้ายข้างในเรา

ทิ้งทุกอย่างไปได้ เคลียร์อะไรที่มันหนักเป้สำหรับการเดินทางในชีวิตนี้

 

แล้วถ้าเราจะทิ้งใครสักคนไว้ที่วันนี้

ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก

พรุ่งนี้ที่จะดีกว่า มันยังรอเราอยู่

ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก เพจบันทึกนึกขึ้นได้ ได้บน LINE TODAY ทุกวันศุกร์

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0