''สมคิด''สายตรงรักษาการผู้ว่า รฟท.สั่งไม่ให้ปรับลดแผนการเบิกจ่ายงบฯลงทุนเด็ดขาด เนื่องจากสวนทางกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการเร่งรัดการเบิกจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
วันนี้ (19พ.ค. 60) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายงบฯลงทุนของรัฐวิสาหกิจแห่งต่างๆว่า ได้สั่งการให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาส 2 ของปีนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่อเนื่อง จากไตรมาสแรกที่เศรษฐกิจขยายตัว 3.3% โดยเป็นอัตราการขยายตัวการลงทุนของรัฐวิสาหกิจสูงถึง 17% นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) หารือทำความเข้าใจกับ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เพื่อเร่งดำเนินการการระดมทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) เนื่องจากต้องการเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แต่กลับมีความล่าช้าไม่สามารถดำเนินการได้ทันในเดือนพฤษภาคม 2560 เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ทำให้มีความใจไม่ตรงกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายสมคิด กล่าวว่า ตอนนี้มีปัญหาความไม่เข้าใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำความเข้าใจกัน ส่วนกรณีข่าว รมว.คมนาคม ไม่เห็นด้วยกับการตั้งไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์นั้น ยังไม่เคยได้ยินจากปากรัฐมนตรี และอยากให้หน่วยงานที่ต้องใช้เงินลงทุนอย่าคิดแต่องค์กรของตัวเองเท่านั้น ต้องดูภาพรวมของประเทศด้วย
ทั้งนี้ ระหว่างการประชุม นายสมคิด ได้แสดงความไม่พอใจแผนการเบิกจ่ายงบฯลงทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการขอปรับแผนการเบิกจ่ายลดลง ซึ่งสวนทางกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการเร่งรัดการเบิกจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และที่สำคัญ นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมชี้แจงด้วยตัวเอง โดยส่งเพียงแค่ผู้บริหารระดับรองมาเข้าร่วมประชุม ทำให้ นายสมคิด หยิบโทรศัพท์ต่อสายตรงถึงรักษาการผู้ว่าการ รฟท. ด้วยตัวเองทันที พร้อมกับแจ้งว่า ในการประชุมคราวที่ผ่านมา รฟท. ยังยืนยันจะสรุปแผนการเบิกจ่ายให้ได้ แต่ทำไม่ถึงไม่ทำตามแผน พร้อมสั่งไม่ให้ปรับแผนเด็ดขาด เพราะจะกระทบการกับการเบิกจ่ายลงทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
สำหรับบลงทุนของ รฟท. มีจำนวนมากถึง 5.96 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่ามากที่สุดในรัฐวิสาหกิจที่ลงทุนตามปีงบประมาณ แต่ที่ผ่านมา 7 เดือน สามารถเบิกจ่ายได้เพียง 1.41 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 24% โดยปัญหาการเบิกจ่ายที่ล่าช้ายังอยู่ที่โครงการรถไฟทางคู่ที่แก้ไขสัญญาทีโออาร์ใหม่ ทำให้ยังไม่สามารถเปิดประมูลได้ และโครงการขนส่งมวลชนทางรางบางซื่อ-รังสิต
ขณะที่การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 45 แห่ง วงเงินรวม 3.38 แสนล้านบาท เบิกจ่ายได้ 8.2 หมื่นล้านบาท หรือ 24% เท่านั้น แบ่งเป็นการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจตามปีงบประมาณ 34 แห่ง จำนวน 4.38 หมื่นล้านบาท ของวงเงิน 1.45 แสนล้านบาท หรือเบิกได้ 30% และการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน 11 แห่ง จำนวน 3.8 หมื่นล้านบาท ของวงเงิน 1.93 แสนล้านบาท หรือเท่ากับ 20%
