เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 มิ.ย. ที่เรือนจำกลางขอนแก่น ถ.ศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางขอนแก่น ได้มีการนำรั้วลวดหนาม รวมทั้งการติดป้ายข้อความว่า "สถานที่ราชการ ห้ามถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอเด็ดขาด" ไว้บริเวณตามจุดต่างๆ เพื่อแจ้งเตือนไปยังญาติผู้ต้องขังที่มาทำการติดต่อขอเยี่ยมผู้ต้องขัง รวมทั้งมาติดต่อราชการต่างๆ ในการห้ามถ่ายภาพหรือบันทึกภาพบริเวณด้านหน้าเรือนจำ หรือบริเวณโดยรอบเรือนจำกลางขอนแก่น โดยเด็ดขาด ภายหลังจากเกิดเหตุการร์ที่ น.ส.ประภาสิริ ประสมสี อายุ 34 ปี พี่สาวของ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ น้องแอ๋ม ซึ่งขณะนี้ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางขอนแก่น โดยภาพดังกล่าวที่ถูกเผยแพร่ออกไปเป็นภาพขณะที่ครอบครอบครัวของ น.ส.เปรี้ยว นำโดยคุณพ่อ-คุณแม่-พี่ชายและพี่สาว ซึ่งเดินทางมาเยี่ยมที่เรือนจำกลางขอนแก่น เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 22 มิ.ย. ในจุดบริเวณรอบอาคารเยี่ยมญาติ และ ในอาคารเยี่ยมญาติ โดย น.ส.ประภาสิริ ได้ทำการถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอ และมีการไลฟ์สด ผ่านเพซบุ๊กส่วนตัว เผยแพร่ไปตามสื่อต่างๆ จนทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงความไม่เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวได้ทำการประสานไปยัง นายวีระชัย เพชรรัตน์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางขอนแก่น ซึ่งติดราชการ จึงไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลได้ จึงได้มีการสอบถามข้อมูลดังกล่าวกับนายสราวุธ บุญจันทร์หลง เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารเรือนจำกลางขอนแก่น โดยระบุว่า หลังจากที่มีภาพดังกล่าวออกไป ผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้ท้วงติงถึงความไม่เหมาะสม ซึ่งเมื่อเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น ผบ.เรือนจำกลางขอนแก่น ได้มีคำสั่งห้ามญาติผู้ต้องขังหรือบุคคลอื่นทุกคน ถ่ายภาพในบริเวณเรือนจำกลางขอนแก่นโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งมีการติดตั้งรั้วลวดหนามทั่วบริเวณ และการติดป้ายข้อความว่า “สถานที่ราชการ ห้ามถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอโดยเด็ดขาด” เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นมาอีก ผู้สื่อข่าวจึงได้ทำการสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปยัง น.ส.ประภาสิริ พี่สาวของ น.ส.เปรี้ยว ซึ่งเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นจริง แต่เป็นเวลาเพียงไม่นาน ที่อยากจะถ่ายรูปเล่นเท่านั้น โดยไม่คิดว่าจะมีผลกระทบเกิดขึ้นมากขนาดนี้ พอนึกได้จึงเลิกถ่ายและลบภาพดังกล่าวทิ้งไป “หนูขอโทษ ท่าน ผบ.เรือนจำกลางขอนแก่นและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำให้เกิดความเดือดร้อน เพราะทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และยอมรับว่าคิดน้อยไป และจะไม่ทำให้เกิดเรื่องเสียหายแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก"น.ส.ประภาสิริกล่าว
