วานนี้ (10 ส.ค.) นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลงความคืบหน้าการดำเนินคดี นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา กรณีขับรถชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต เมื่อปี 2557
นายอิทธิพร กล่าวว่า ภายหลังจากพนักงานอัยการได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนายวรยุทธดังกล่าวแล้ว ได้ปรากฏข้อเท็จจริงทางสื่อมวลชนอย่างแพร่หลายว่า มีผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นเกี่ยวกับอัตราความเร็วในการขับรถของนายวรยุทธ แตกต่างจากอัตราความเร็วที่ใช้เป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณาความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ปรากฏข้อเท็จจริงจากคำให้สัมภาษณ์ทางสื่อมวลชนดังนี้
1.ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นผู้คำนวณความเร็วรถยนต์ที่นายวรยุทธขับ ได้ความเร็ว 177 กม./ชม.
2.ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้คำนวณความเร็วรถยนต์ของนายวรยุทธขับได้ความเร็ว 126 กม./ชม.
“ดังนั้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเร็วของรถยนต์ ที่นายวรยุทธขับในขณะเกิดเหตุ จึงเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ และสามารถทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาที่ 1 ได้ ถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่ควรสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งคดีต่อไป ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147”
3.ให้สอบสวนนายกฯสภาวิศวกร หรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นพยานในประเด็นว่า ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ขาดต่อใบอนุญาตจริงหรือไม่ การขาดต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกร จะมีผลต่อการทำเอกสารรับรองการคำนวณความเร็วของรถยนต์ที่นายวรยุทธขับมากน้อยเพียงใด การคำนวณความเร็วของรถยนต์มีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้ยังปรากฏว่าผลการตรวจร่างกายของนายวรยุทธ พบสารโคเคน ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 คดีจึงมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ 1 ในความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคน) เข้าสู่ร่างกาย โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แต่พนักงานยังไม่ได้ดำเนินคดีข้อหานี้กับนายวรยุทธ
“คณะทำงานจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายวรยุทธ เป็นคดีใหม่ต่อไปตามกฎหมาย โดยคณะทำงานได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าวโดยด่วน และให้จัดส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมภายในวันที่ 20 ส.ค. 2563 นี้”
ผลสอบชุดตำรวจถึงมือผบ.ตร.13ส.ค.
ขณะที่ พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้ดุลพินิจข้าราชการตำรวจ กรณีไม่เห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ เรียกประชุมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีการทำคดีในความรับผิดชอบของตำรวจโดย ในจะเป็นการสรุปผลการตรวจสอบในภาพรวม ก่อนนำเสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ซึ่งคาดว่าไม่เกินภายในวันที่ 13 ส.ค. นี้
ทั้งนี้จะใช้เวลาในการหารือในที่ประชุมไม่เกิน 2 วัน เพื่อสรุปความเห็นในประเด็นต่างๆ ที่เคยได้วางแนวทางไว้ จากนั้นจะเสนอความเห็นไปยัง ผบ.ตร. พิจารณาสั่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด
พบตำรวจทำผิด-เพิ่มพูนไม่ส่งเอกสาร
อย่างไรก็ตามมีหลายประเด็นในรายละเอียดขอเวลาให้คณะกรรมการประชุมก่อน เบื้องต้นพบผู้กระทำความผิดบางส่วน แต่จะผิดมากน้อยเพียงใด ขอให้รอผลการสรุปของที่ประชุมก่อน ขณะที่วันนี้ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ยังไม่ส่งเอกสารชี้แจงให้คณะกรรมการ แต่ยังพอมีเวลาตรวจสอบได้ทันก่อนสรุปผลแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมในวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ของดไม่ให้สื่อมวลชนบันทึกภาพในห้องประชุม เนื่องจากมีบอร์ดแสดงข้อมูลไทม์ไลน์เหตุการณ์ จำนวน 14 บอร์ด ที่คณะกรรมการเตรียมเสนอให้ ผบ.ตร. ตรวจสอบก่อน โดยหากผ่านการพิจารณาแล้วจะมีการแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงกับสังคมได้ภายในไม่เกิน 3 วัน
ปูดพฐ.แย้งสูตรคำนวณความเร็วไม่ทัน
รายงานแจ้งว่า เมื่อช่วงต้นปี 2559 ผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้รู้จักกับรศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม พร้อมแจ้งว่ารศ.ดร.สายประสิทธิ์ มีวิธีคิดคำนวณอัตราความเร็วรถยนต์นายวรยุทธ โดยระบุผลการคำนวณความเร็วของรถยนต์มีค่าเท่ากับ 79 กม.ต่อชม. ซึ่งแตกต่างกับวิธีคำนวณของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ที่คำนวณออกมาได้ 177 กม.ต่อชม. แต่ขณะนั้นทางกองพิสูจน์หลักฐาน ยังไม่พบข้อบกพร่องในการคิดคำนวณของรศ.ดร.สายประสิทธิ์
อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวสร้างความกดดันให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเป็นอย่างมาก ที่ทางผู้บังคับบัญชาสั่งให้พิจารณาทบทวนเรื่องความเร็ว เนื่องจากวิธีคำนวณของรศ.ดร.สายประสิทธิ์ เป็นวิธีที่กองพิสูจน์หลักฐานไม่เคยใช้คำนวณมาก่อน จึงนำกลับมาคำนวณกันใหม่พบว่าการคำนวณของรศ.ดร.สายประสิทธิ์ ไม่ถูกต้อง จึงได้ประสานไปยังพนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อ
ทั้งนี้เพื่อยืนยันผลการคำนวณของกองพิสูจน์หลักฐาน และมีความต้องการที่จะแก้ไขคำให้การเรื่องความเร็วรถยนต์ของนายวรยุทธ ตั้งแต่ช่วงต้นของการทำคดี แต่ทางพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ แจ้งว่าคดีขับรถเร็วขาดอายุความไปแล้ว ทางอัยการรับฟ้องไม่ได้แล้ว
ศรีสุวรรณยื่นก.อ.ฟันวินัย“เนตร นาคสุข”
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า จากกรณีที่นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ได้ออกมาเปิดเผยและทำหนังสือบันทึกข้อความถึงอัยการสูงสุด 6 ข้อ ยืนยันคำสั่งของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ไม่ฟ้องนายวรยทุธ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังจากที่นายพงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อดีตอัยการสูงสุด เคยมีคำสั่งยุติการร้องขอความเป็นธรรมไปเเล้ว
ด้วยเหตุดังกล่าว ตนจึงจะนำความไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ที่จะมีการประชุมกันในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ 2553 ม.30(8) เพื่อดําเนินการทางวินัยนายเนตร และการสั่งให้ข้าราชการฝ่ายอัยการคนดังกล่าวออกจากราชการ โดยจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันที่ 11 ส.ค. เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ
“วิษณุ”เปิดโอกาสปฏิรูปกฎหมาย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ระบุว่าการร้องขอความเป็นธรรมกับการอำนวยความยุติธรรมคดีนายวรยุทธ ถูกนำมาเป็นเหตุผลถ่วงคดี จึงเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่า นายบวรศักดิ์ ปรารภในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบอัยการ และนายเข็มชัย ชุติวงศ์ ในฐานะประธานคณะทำงานการตรวจสอบตำรวจ ซึ่งจะต้องเสนอกรรมการชุดใหญ่ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน หากเห็นชอบและส่งมาที่รัฐบาลก็จะมีน้ำหนักให้รัฐบาลเพื่อพิจารณา
ทั้งนี้การพิจารณาเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมต้องฟังความเห็นของคณะทำงานด้วย ไม่ใช่โหนกระแสแต่ทุกฝ่ายคิดกันมานาน แต่ถ้าไม่มีกรณีศึกษาเกิดขึ้นจะเหมือนตีตนไปก่อนไข้ พูดไปก็ยังไม่มีใครเชื่อ เมื่อมีกรณีเกิดขึ้นจะขับเคลื่อนง่าย การปฏิรูปทุกอย่างบนโลกนี้จะเกิดขึ้นยาก นอกจากจะมีตัวเร่ง
“สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่พูดเรื่องปฏิรูประบบราชการเกิดขึ้น เพราะประเทศไทยเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ จึงรู้สึกว่ามีแรงกดดัน วันนี้พูดถึงการปฏิรูปเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถือว่าวิกฤตเป็นโอกาส” นายวิษณุ กล่าว.