ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
การไม่มีหนี้เป็นเรื่องประเสริฐ เช่นเดียวกับผู้ลงทุนที่ต้องการหุ้นที่ก่อหนี้ต่ำๆ หรือไม่มีหนี้เลยยิ่งดี เพราะธุรกิจไหนที่มีหนี้ต่ำๆ ย่อมหมายถึงความเสี่ยงทางการเงินต่ำตามไปด้วยด้วย โดยหุ้นที่มีหนี้ต่ำหรือไร้หนี้ เรียกได้ว่ามีเงินเหลือเฟือ หรือรวยเงินสด (Cash Rich)
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity Ratio: D/E Ratio) เป็นอัตราส่วนที่แสดงสัดส่วนระหว่างเงินกู้และเงินลงทุนของผู้ถือหุ้น ทำให้เห็นว่ากิจการใช้ทุนในส่วนของหนี้สินหรือส่วนของผู้ถือหุ้นมากกว่ากัน
หากอัตราส่วนนี้มีค่ามากกว่า 1 แสดงว่ากิจการใช้ทุนจากส่วนของหนี้สินมากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น หมายความว่า กิจการมีหนี้สินมาก ทำให้มีภาระดอกเบี้ยและมีความเสี่ยงทางการเงินสูง แต่หากอัตราส่วนนี้มีค่าน้อยกว่า 1 แสดงว่ากิจการใช้ทุนจากส่วนของผู้ถือหุ้นมากกว่าส่วนของหนี้สิน
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ หนี้สินรวม หารด้วย ส่วนของผู้ถือหุ้น
- Debt to Equity Ratio = Total Debt / Equity
ถ้าอัตราส่วนนี้สูง อาจมีโอกาสที่กิจการจะไม่สามารถชำระดอกเบี้ย จนอาจถูกฟ้องล้มละลายได้ เนื่องจากการมีภาระหนี้สินที่สูง ทำให้ต้องชำระดอกเบี้ยที่สูงตามไปด้วย ไม่ว่ากิจการนั้นจะกำไรหรือขาดทุน
การพิจารณาค่า D/E Ratio ไม่มีค่าตายตัวว่าสามารถกู้เกินได้กี่เท่าของสินทรัพย์ที่มี แต่พิจารณาจากรูปแบบการดำเนินธุรกิจ (Business Model) ธุรกิจมีนโยบายการทำธุรกิจอย่างไร บางบริษัทมีการเติบโตสูงอาจต้องกู้เงินมาใช้ดำเนินงาน ซึ่งถ้าบริษัทสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ การกู้เงินมาลงทุนนับเป็นโอกาสทำให้บริษัทเติบโตได้เร็ว หรืออย่างในกลุ่มธนาคารที่ธุรกิจมีการกู้เงินมาเพื่อปล่อยกู้ อาจทำให้มีค่า D/E สูงๆ ได้
อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทไม่มีหนี้เลย ไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป บริษัทที่มีธุรกิจมั่นคงในระดับหนึ่งแล้ว และมีสินทรัพย์ถาวรที่สามารถใช้ค้ำประกันหนี้ได้ ดังนั้นการมีหนี้บ้าง ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ต้องระวังระดับหนี้มากจนเกินไปจนทำให้ธุรกิจเกิดความเสี่ยง
หมายเหตุ : การคัดกรองหุ้นสุดยอดหนี้ต่ำ มีเงื่อนไขดังนี้
1.D/E Ratio ต้องไม่เกิน 1 เท่า
2.กำไรสุทธิต้องเป็นบวก (ห้ามขาดทุนสุทธิ) ตลอด 5 ปีย้อนหลัง (ปี 2558 – 2562)
3.อัตราเงินปันผลตอบแทนมากกว่า 4%
