โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

“ไม่มีเพลงรักถ้าไม่มีคุณ” คุยกับ HONNE เรื่องอัลบั้มใหม่และการใช้เพลงฟีลกู้ดเปลี่ยนโลก

a day magazine

อัพเดต 08 ส.ค. 2563 เวลา 16.45 น. • เผยแพร่ 08 ส.ค. 2563 เวลา 10.45 น. • พัฒนา ค้าขาย

หลายครั้งที่รู้สึกเหนื่อยล้า มีเพลงไม่กี่เพลงที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เยียวยาและเติมพลังอีกครั้ง

เหมือนนักวิ่งมาราธอนได้น้ำสะอาด เหมือนมือถือแบตใกล้หมดได้ชาร์จ เหมือนอ้อมกอดอุ่นของคนพิเศษ

เราเชื่อว่าเพลงนั้นของหลายคนคือเพลงของ HONNE

ตั้งแต่ปล่อย Warm on a Cold Night ซิงเกิลแรกในปี 2014 HONNE ก็ปล่อยอัลบั้มเต็มในชื่อเดียวกันออกมาหลังจากนั้นสองปี บรรจุแทร็กติดหูอย่าง Coastal Love, Someone That Loves You และ Good Together ที่ทำให้พวกเขาเริ่มเป็นที่รู้จัก สองปีต่อมา HONNE ก็ขยับขยายสู่เมนสตรีมจากการปล่อยอัลบั้มที่สอง Love Me / Love Me Not มีเพลงดังอย่าง Me & You, Location Unknown และ Day 1 ที่ตอนนี้มียอดสตรีมบน Spotify กว่า 74 ล้านครั้ง

ผลงานของดูโอ้สุดป๊อปจากประเทศอังกฤษคู่นี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทั้งคำร้องสื่อความรู้สึกซื่อตรง ซาวนด์อิเล็กทรอนิกส์ชวนขยับเท้าเต้น ไหนจะความหมายเพลงที่พูดเรื่องความรักและพลังบวก แม้บางครั้งแวะเวียนไปเล่าเรื่องการเลิกราหรือความหนักหนาของชีวิต แต่ท่าทีของเพลงก็ชวนให้มองความหนักหนานั้นในแง่ดีจนคนฟังรู้สึกอบอุ่นราวกับโดนปลอบประโลม

บางคนบอกว่าเพลงของพวกเขาโรแมนติกและเซ็กซี่เป็นที่สุด ซิงเกิลแรก Warm On a Cold Night ถึงกับถูกเรียกว่าเป็นเพลงแนว ‘Baby Making Music’ และถูกสื่อหลายหัวจัดอยู่ในเพลย์ลิสต์ best sex songs ที่คู่รักเปิดเร้าอารมณ์ระหว่างมีอะไรกัน 

สองปีน่าจะเป็นตัวเลขที่มีความพิเศษบางอย่างกับพวกเขา เพราะหลังจาก Love Me / Love Me Not ปล่อยในปี 2018 ปีนี้ HONNE ก็ปล่อยมิกซ์เทปใหม่ออกมาให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง ประกอบไปด้วย 14 เพลงใหม่ที่เล่าเรื่องความรัก การเลิกรา และความหวังว่าจะเห็นโลกที่ดีกว่าเดิม

อ้างอิงจากทวิตเตอร์ของวง ซิงเกิลแรกจากมิกซ์เทปนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากคำพูดของ Andy Clutterbuck ที่พูดกับภรรยาในงานแต่งของเขาว่า “ผมคงเขียนเพลงรักไม่ได้ และ HONNE คงไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีคุณ”

no song without you คือชื่อของซิงเกิลและมิกซ์เทปที่เราพูดถึง

สองปีที่ผ่านมาพวกเขาเติบโตขึ้นยังไง อะไรคือความพิเศษของมิกซ์เทปที่พวกเขาทำขึ้นในโมงยามของโรคระบาด เราเก็บความสงสัยนั้นไปถาม James Hatcher และ Andy Clutterbuck สมาชิกของ HONNE ผู้เจียดเวลาสั้นๆ จากการทำเพลงใหม่มาคุยกับเราผ่านวิดีโอคอล

แม้จะเป็นเวลาเย็นย่ำที่เมฆฝนกำลังขยายตัวบนท้องฟ้าประเทศไทย แต่แค่เห็นรอยยิ้มที่สดใสของทั้งคู่บนหน้าจอ ความรู้สึกอึมครึมของเราก็พลันจางหาย

คล้ายการเติมพลังที่ทุกครั้งเราได้จากเพลงของพวกเขา

 

คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่าชื่อวง ‘HONNE’ มาจากคำในภาษาญี่ปุ่น และเจมส์เป็นคนค้นพบคำนี้ คุณเจอมันได้ยังไง อะไรทำให้อยากหยิบคำนี้มาตั้งเป็นชื่อวง

เจมส์ : ผมคิดว่าผมเจอมันบนออนไลน์นะ (หัวเราะ) ตอนนั้นแอนดี้ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นกับภรรยาของเขา ทำงานอยู่ที่นั่นราวหกเดือน เขากับผมใช้เวลา 2-3 เดือนไปๆ มาๆ ระหว่างโตเกียวกับลอนดอนเพื่อเขียนเพลง เรามีเพลงจำนวนหนึ่งที่มาจากเรื่องที่ค่อนข้างส่วนตัว เล่าเรื่องความรู้สึกลึกๆ ในใจ เพราะฉะนั้นชื่อ ‘HONNE (ฮอนน์)’ จึงเหมาะสมมาก เพราะมันหมายความว่าความรู้สึกที่บริสุทธิ์ แท้จริง หรือความปรารถนา นั่นคือคำจำกัดความของเพลงที่เราทำ

 

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาคุณเป็นยังไงบ้าง

เจมส์ :เราโอเค มันเป็นหลายเดือนที่หนักหนาสำหรับคนทั้งโลก แต่ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว เราได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก แอนดี้กับผมได้กลับเข้าสตูดิโอทำเพลงอีกครั้ง ร้านรวงต่างๆ กลับมาเปิด แต่ผู้คนก็ยังรักษาระยะห่างและสวมผ้าปิดปากอยู่ตลอด เราหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ

แอนดี้ :ผมก็เหมือนกัน แต่คิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพยายามคิดในแง่บวก ทุกอย่างจะดีขึ้น เราต้องพยายามอดทน ทำงานของเราต่อไป

เหมือนก่อนหน้านี้คุณสองคนก็คุ้นชินกับการกักตัวเพื่อทำเพลงอยู่แล้ว พอต้องโดนบังคับให้กักตัวแล้วทำเพลงอยู่บ้าน คุณรู้สึกครีเอทีฟมากขึ้นหรือกดดันกว่าเดิม

แอนดี้ : ผสมกัน มีบางวันที่เราเขียนเพลงที่รู้สึกดีกับมันมาก และมีวันที่รู้สึกขาดแรงบันดาลใจที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา แต่ผมก็คิดว่ามิกซ์เทปนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าสถานการณ์รอบตัวเราไม่ได้เป็นแบบนี้ ท้ายที่สุดเราได้แรงบันดาลใจจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราและคนทั่วโลก ทุกอย่างก่อนและหลังโควิดล้วนส่งผลต่อเพลงของเรา

 

ยินดีด้วยมากๆ กับมิกซ์เทปใหม่ เราฟังทั้งหมดแล้วเลิฟมาก โดยเฉพาะแทร็ก by my side และ free love อยากรู้ว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่างการทำมิกซ์เทปนี้กับอัลบั้มก่อนหน้าของคุณ

แอนดี้ :เราอยากพัฒนาอยู่เสมอในทุกครั้งที่ปล่อยเพลงใหม่ อยากให้มันแตกต่างจากสิ่งที่เคยทำมา เพราะงั้นเราจึงเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเลย หลักๆ แล้วคือวิธีการทำงานและวิธีการเขียนเพลง อาจฟังดูงี่เง่านิดๆ แต่เราไม่เคยเขียนเพลงโดยใช้แค่กีตาร์ ปากกา และร้องเพลงออกมาเลย เพราะก่อนหน้านี้เรามักจะใช้เครื่องช่วยทำ การกลับไปทำงานโดยใช้วิธีพื้นฐานมากที่สุดอย่างการเขียนเพลงสไตล์ดั้งเดิมถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดที่เราทำ 

 

ว่าแต่ทำไมคุณถึงเรียก no song without you ว่ามิกซ์เทปล่ะ มันต่างจากอัลบั้มยังไง

แอนดี้ :เราเรียกมันว่ามิกซ์เทป แต่จริงๆ มันก็เป็นอัลบั้มนั่นแหละ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้กำลังทำอัลบั้มใหม่นะ (ทำท่ารูดซิปปิดปาก ยิ้มกรุ้มกริ่ม)

เจมส์ : คราวนี้คุณจะไม่ต้องรอถึงสองปีแล้ว (หัวเราะ)

 

ตื่นเต้นแล้ว แต่พูดถึงมิกซ์เทปนี้แล้วเราคิดถึงงานเก่าๆ ของคุณ ก่อนหน้านี้คุณไปร่วมงานกับศิลปินหลายคน ทั้ง Tom Misch, Anna of the North ไปจนถึง RM (BTS) สงสัยจังว่าทำไมอัลบั้ม (หรือมิกซ์เทป) นี้คุณไม่ได้ร่วมงานกับใครเลย  

เจมส์ : ผมรู้สึกว่ามิกซ์เทปนี้เป็นเหมือนการก้าวออกมาจากเส้นทางที่เคยเดิน เพลงในมิกซ์เทปทั้งหมดฟังดูแตกต่างมากๆ กับงานที่เราเคยทำมา แม้จะไม่ได้ร่วมงานกับใครในเรื่องการทำเพลง แต่เราได้ร่วมงานกับ Holly Warburton ศิลปินผู้วาดภาพและกำกับแอนิเมชั่นที่สะท้อนเอกลักษณ์ของอัลบั้มนี้ได้อย่างงดงาม ลายเส้นของเธอช่างน่าทึ่งและแสนพิเศษ

แอนดี้ :ลายเส้นของเธอคือหนึ่งในองค์ประกอบของมิกซ์เทปที่ผมชอบที่สุดเลย และผมเห็นด้วยกับเจมส์เรื่องความแตกต่างกับอัลบั้มก่อนๆ ผมคิดว่าการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งที่ดีนะ ผมรักศิลปินที่เราเคยร่วมงานด้วยทุกคน และเรามีแผนจะทำอะไรอีกมากมายในอนาคต แต่กับอัลบั้มนี้ผมคิดว่ามันสำคัญสำหรับผมที่จะแสดงตัวตนของ HONNE ถ้าคุณคิดว่ารู้จักเราดี คุณต้องฟังมิกซ์เทปนี้ แล้วจะรู้ว่าจริงๆ แล้วเราเป็นใคร

เจมส์ : (หัวเราะ)

 

นั่นคือเหตุผลที่คุณโพสต์ว่านี่คืออัลบั้มที่คุณชอบที่สุดเท่าที่เคยเขียนเพลงมา

เจมส์ : สำหรับผมมันคือกระบวนการเขียนเพลงที่ชอบที่สุดมากกว่า คว้ากีต้าร์และร้องออกมาเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ในอัลบั้มก่อนหน้าพวกเราเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับทุกสิ่งและกังวลเกี่ยวกับการทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในเรื่องนี้เราโฟกัสแค่ว่าจะเขียนเพลงที่ดี ฟังแล้วใช่ และไม่คิดมากกับมันเกินไป สนุกกับมัน เพราะงั้นผมจึงชอบ 14 แทร็กในอัลบั้มนี้เป็นพิเศษ 

 

ในบรรดาเพลงทั้งหมด หนึ่งเพลงที่โดดเด่นมากๆ สำหรับเราคือแทร็ก smile more smile more smile more มันให้อารมณ์บทพูดปลุกใจที่คล้ายจะส่งสารถึงคนรุ่นใหม่ว่าจงดีกับตัวเองและคนอื่น คุณได้ไอเดียเพลงนี้มาจากไหน

แอนดี้ : ผมกับเจมส์อยากเขียนเพลงที่ทำให้เรารู้สึกว่าอยากทำเรื่องดีๆ แต่เราไม่ต้องการให้มันฟังดูเหมือนเรากำลังสั่งสอนผู้คน อันที่จริง เราแค่อยากย้ำเตือนข้อความเหล่านี้กับตัวเองมากกว่า มันเป็นเพลงที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ที่เราสามารถทำได้ในทุกวัน ซึ่งจะช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้นอีกนิด และช่วยให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นอีกหน่อย

ผมมองว่าเรื่องเล็กๆ นั้นมีพลังมากกว่าที่คิด ถ้าทุกคนทำสิ่งเล็กๆ เหมือนกัน สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และไม่รู้สิ โลกที่เราอยู่มันอาจดีขึ้นได้นะ

Spend time with your friends and family.
Call them, text them, write them a letter if you’re feeling nostalgic.
It might be hard, but tell them you love them.
They won’t be around forever.
Respect the ground you walk on.
Your kids are gonna walk on it someday too.

เนื้อเพลงบางส่วนจาก smile more smile more smile more

แฟนๆ หลายคนบอกว่าเพลงของคุณช่วยพวกเขาผ่านเรื่องร้ายๆ ในชีวิตมาได้ เคยมีช่วงที่รู้สึกว่าการเขียนเพลงส่งพลังบวกเป็นเรื่องยากบ้างไหม

แอนดี้ : มีบางครั้งที่เราเขียนเพลงกันได้อย่างลื่นไหล แต่ก็มีบ้างที่รู้สึกยากเหลือเกิน เพราะบางครั้งคุณอยู่ในโหมดเศร้าเต็มที่ และคุณก็ไม่อยากเขียนอะไรในเชิงบวกเลย แต่สุดท้ายแล้วมันก็กลับมาเรื่องการหาสมดุลในการเขียนเพลงให้ได้นั่นแหละ

เจมส์ : ผมว่าเราทั้งคู่โชคดีมากที่เป็นคนอารมณ์ดี แวดล้อมด้วยกลุ่มคนที่ให้การสนับสนุนทั้งเพื่อนและครอบครัว ผมคิดว่าเราได้พลังบวกจากพวกเขาเหล่านั้นมาซัพพอร์ตเยอะนะ (ยิ้มกว้าง)

 

พูดถึงความเศร้ากับความผิดหวัง เวลาที่คุณดาวน์มากๆ คุณจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง

เจมส์ : ออกกำลังกาย เมื่อคุณไม่สบายใจหรือกังวล ผมคิดว่าปฏิกิริยาของมนุษย์ที่มีต่ออารมณ์นั้นคือการหมกมุ่นกับมัน นั่งเล่นอินเทอร์เน็ตและดูซีรีส์ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ช่วยคุณหรอก สิ่งที่ช่วยจริงๆ คือการกินดี ออกกำลังกาย นอนหลับสนิท และพยายามพบปะกับเพื่อนๆ แม้ว่าคุณจะรู้สึกไม่อยากออกไปไหนก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น ดีกว่าการดูทีวีอยู่บ้านทั้งวันแน่ๆ ที่สำคัญพยายามมองโลกในแง่ดีและทำสิ่งที่ดีสำหรับคุณต่อไป

แอนดี้ : ผมตรงกันข้ามเลย ตอนไม่รู้สึกดีกับตัวเองผมจะกินพิซซ่า (เจมส์หัวเราะเสียงดัง) แต่ผมว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีที่สามารถเขียนเพลงได้ บางครั้งมีเรื่องน่ารำคาญใจอยู่ในหัวผมก็เขียนเพลงเพื่อระบายมันออกไป 

 

คำถามสุดท้าย ก้าวต่อไปของ HONNEคืออะไร

เจมส์ : ตอนนี้เรากลับมาที่สตูดิโอแล้ว เรายังทำงานเกี่ยวกับอะคูสติกเวอร์ชั่นของเพลงมิกซ์เทปนี้ หวังว่าปีหน้าเราจะได้เริ่มเขียนเพลงใหม่อีกครั้ง อาจจะได้ออกอัลบั้มใหม่ (ยิ้ม) และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ออกทัวร์ในประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เราอยากเล่นเซตลิสต์เพลงฮิตให้พวกคุณฟังจนจุใจ แต่ระหว่างนี้เราขอทำเพลงฮิตให้ได้เยอะๆ ก่อนนะ (หัวเราะ)

 

5 เพลงแนะนำจากมิกซ์เทป no song without you ของแอนดี้และเจมส์

แอนดี้ : ที่ผมชอบที่สุดคือ no song without you รองลงมาคือ smile more smile more smile more สุดท้ายคือ by my side 

เจมส์ : ผมขอเลือก free love, no song without you และ iloveyoumorethanicansay

no song without you

ไอเดียของเพลงนี้มาจากคำพูดของแอนดี้ในงานแต่ง เขาพูดกับภรรยาว่า ‘ผมคงเขียนเพลงรักไม่ได้ และ HONNE คงไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีคุณ’ เจมส์ได้ไอเดียจากตรงนั้นและเขียนเพลงนี้กับแอนดี้และ POMO ในเซสชั่นเขียนเพลงสั้นๆ ที่ลอสแอนเจลิส สุดท้ายก็กลายเป็นเพลงสำคัญของมิกซ์เทปนี้

smile more smile more smile more

smile more smile more smile more เกริ่นขึ้นมาด้วยท่อนที่มีใจความว่านี่คือสารที่อยากส่งถึงคนรุ่นต่อไป คำร้องที่ให้ความรู้สึกเหมือน ‘บทพูดปลุกใจ (pep talk) ยิ่งเสริมความทรงพลังให้เพลงนี้

by my side

เพลงที่สดุดีให้กับ ‘คนข้างๆ’ ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน เนื้อหาสื่อถึงการขอบคุณที่อยู่ในเวลาหัวเราะ ร้องไห้ และทุกสถานการณ์ของชีวิต

free love

ด้วยจังหวะสนุก ร้องตามได้ง่าย พูดถึงความสัมพันธ์ของคู่รักที่ฝ่ายหนึ่งไม่มีอะไรให้อีกฝ่ายเลย นอกจากใจที่มีความรักเต็มเปี่ยม เรามั่นใจว่า free love น่าจะเป็นเพลงโปรดของหลายคน

iloveyoumorethanicansay

เพลงนี้มีความยาวเพียง 0:31 วินาที และมีท่อนร้องเพียงสองท่อน แต่บีตสั้นๆ กลับฟังแล้วติดหูอย่างเหลือเชื่อ ที่สำคัญมีนักร้องอย่าง Nicole Zefanya หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อ NIKI มาร่วมเขียนสองท่อนนี้ด้วย

 

Highlights

  • หลังจากปล่อยให้แฟนๆ รอคอยมานานสองปี HONNE วงดูโอ้แนว Electropop จากอังกฤษก็ปล่อย 'no song without you' มิกซ์เทปใหม่ว่าด้วยความรัก การเลิกรา และความหวังว่าจะเห็นโลกที่ดีกว่าเดิม
  • James Hatcher และ Andy Clutterbuck ทำอัลบั้มนี้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่พวกเขาบอกว่าเป็นช่วงที่แรงบันดาลใจพลุ่งพล่านและมอดดับสลับกันไป แต่สุดท้ายพวกเขาก็สามารถหยิบโน่นผสมนี่จากสถานการณ์รอบตัวมาปรุงเป็นเพลงทั้ง 14 แทร็ก
  • no song without you ยังเป็นมิกซ์เทปที่ 'ซื่อตรง' ต่อความเป็น HONNE มากที่สุด ผู้ฟังจะได้เสพดนตรีและเนื้อเพลงที่แสดงความเป็นตัวตนของพวกเขา ทั้งสุข เศร้า หากยังครอบด้วยคอนเซปต์การมองโลกในแง่ดีและส่งต่อพลังงานบวกให้แก่กัน
0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0