โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

“อู๋จุน” รับน้อยใจงานในวงการ แฮปปี้ทำในสิ่งที่ชอบดีกว่า

daradaily

อัพเดต 13 ส.ค. 2562 เวลา 11.08 น. • เผยแพร่ 13 ส.ค. 2562 เวลา 13.00 น.

“อู๋จุน” รับน้อยใจงานในวงการ แฮปปี้ทำในสิ่งที่ชอบดีกว่า

      ในปัจจุบันหากพูดถึงความบันเทิงที่ช่วงนี้กำลังได้รับความนิยมคือชาแนล YouTube ที่เหล่าคนดังหันมาทำคลิป Vlog สร้างเนื้อหาในมุมมองอื่นที่แฟนๆ ไม่ค่อยได้เห็น อาจจะเป็นไลฟ์สไตล์ต่างๆ กระแสความนิยม ณ ตอนนั้น เช่นเดียวกับหนุ่ม “อู๋จุน กร คุณาธิปอภิสิริ” ที่คุ้นหน้ากันดีในซีรีส์สายวาย “Sotus the series” แถมในช่วงนี้เขาก็ห่างหายจากหน้าจอไปพักใหญ่ ล่าสุดเขาได้มาอัพเดทงานล่าสุดตอนนี้ว่าเขาทำอะไรอยู่

อ่านข่าวต่อ:

ส่องประวัติ "อู๋จุน" หรือ "ทิว" ใน “SOTUS S The Series”

       ตอนนี้ทำยูทูบอย่างเดียว เกี่ยวกับเป็นการทำไลฟ์สไตล์ตัวเองแล้วก็จะมีคอนเทนต์หลักๆ เกี่ยวกับน้องหมา มีทำกิจกรรมแล้วก็ไปเล่นกับเพื่อนๆ บ้าง เริ่มทำช่องมา 1 ปี 7 เดือนแล้ว เริ่มต้นจากการที่ว่าพอได้เริ่มเป็นนักแสดงซีรีส์ รู้สึกว่าการเป็นนักแสดงมันเหมือนเป็นการที่เราต้องรอโอกาสแล้วก็เหมือนอยู่ที่ดวงด้วย การที่เราไม่รู้อนาคตว่าข้างหน้าเราจะมีผลงานอีกนานแค่ไหนแล้วก็มันมั่นคงไหม เราก็เลยรู้สึกว่าอยากศึกษาว่าถ้าเราเป็นผู้กำกับฯ ทำงานเบื้องหลังเราอาจจะไม่ต้องรอโอกาส เพราะถ้าเราทำเบื้องหลังเป็นเราจะสร้างผลงาน ถ้าเกิดเราเก่งจริงๆ เราสร้างผลงานออกมาเป็นโปรไฟล์ของเราเอาไปเสนองานได้ มันก็มีโอกาสต่อยอดได้ยาวกว่าก็เลยมาลองทำตัดต่อทำคลิปก่อน ด้วยความที่ผมเป็นคนที่สนุกสนานเฮฮาทำอะไรแบบตลกๆ อยู่แล้ว มันก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการฝืนตัวเองเท่าไรในการถ่ายคลิปแล้วก็ลองตัดต่อ ตอนแรกก็ลองไปขำๆ แต่จริงๆ ก็ตั้งใจตั้งแต่แรกเลยว่าจะทำยังไงก็ได้ให้ยูทูบเป็นอาชีพหลักของเรา ถ้าเกิดเรามีช่องที่คนติดตามเราเยอะๆ ก็สามารถผลิตคอนเทนต์อะไรก็ได้แล้วมีคนสนุกไปกับทุกๆ คอนเทนต์ที่สร้างขึ้นมา มันจะเป็นอาชีพที่สนุกและไม่ต้องอึดอัดตัวเองด้วย 

        การเป็นนักแสดงแล้วต้องรอโอกาสเหมือนเราต้องทำตามอารมณ์คนอื่น เราเจอคนเยอะบางทีเราเหมือนเจอผู้ใหญ่บางคนเขาอาจจะป้อนงานเราหรือไม่ป้อนงานเราหรือว่าไม่พอใจเรา ซึ่งบางคนเราก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เรารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับตัวเรา บางครั้งผู้ใหญ่พูดอีกอย่างทำอีกอย่างประมาณว่าจะกระจายงานให้ทั่วถึง แต่ความเป็นจริงแล้วก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ซึ่งมันไม่ผิด เพราะบริษัทต้องเดินหน้าต่อก็เข้าใจเขา แต่ในมุมของเราคือถ้าเกิดวันหนึ่งเราไม่ได้บทที่มันโดดเด่นหรือมีงานขายไม่ค่อยได้ขึ้นมาเขาก็จะไม่ปั้นเรา พร้อมที่จะไม่สนับสนุนเราเท่าที่เคยคุยกันไว้ ก็เลยเริ่มทำช่องยูทูบขึ้นมา บอกเลยว่าทางต้นสังกัดก็ไม่ค่อยโอเคที่เรามาทำช่องยูทูบ ทั้งๆ ที่เขาไม่มีอะไรมารองรับให้เรามั่นใจ บางครั้งก็ไม่มีงานแบบทั้งปีก็มีคล้ายๆ โดนดอง นักแสดงหลายๆ คนขึ้นมาแล้วดับไปก็มีเยอะ เพราะเขาไม่ได้รับโอกาส ถึงบอกว่าจุดนี้มันไม่โอเคแล้วก็ไม่ได้ทำให้เรามั่นคงก็เลยมาทำยูทูบ พอทำไปแล้วมันก็ฝึกตัวเองไปเรื่อยๆ จนรู้อะไรมากขึ้น ได้พัฒนาขึ้นจนโอเคกับตรงนี้ก็เลยทำมาเรื่อยๆ

        สัญญากับ GMMTV ยังมีอยู่ 1 ปี แต่เราไม่ได้ไปยกเลิก เกรงใจผู้ใหญ่ที่เขาให้โอกาสเราตอนแรก ไม่เดินไปบอกว่าเราทำยูทูบแล้วจะออก ก็เลยรออีก 1 ปีให้หมดสัญญาไปเองไม่อยากเดินไปขอออก จริงๆ มันก็ออกได้แต่แค่เกรงใจเฉยๆ แต่เขาก็ไม่ค่อยอยากให้เราทำช่องยูทูบเท่าไร คือเขามองว่ามันเป็นการที่เหมือนปั้นให้เรามีชื่อเสียงแล้วเราก็เอาชื่อเสียงตรงนี้มาต่อยอดหารายได้เองไม่เกี่ยวกับบริษัท ซึ่งผมมองว่าที่มาเริ่มทำยูทูบ จริงๆ แล้วคือเราไม่มีซีรีส์เล่นพอไม่มีงานก็ไม่มีเงิน ทำให้ต้องหาทางอื่นๆ ทำ

        ตอนนี้เริ่มจริงจังกับยูทูบ กับทางค่ายตอนนี้ก็ค่อนข้างกดดันทั้งสองฝ่าย เหมือนเขาเตือนเราแล้วไม่ให้ทำ แต่ในขณะที่เขาบอกไม่ให้เราทำ ก็ไม่มีงานให้เราทำเช่นกัน อารมณ์เลยประมาณว่าดื้อๆ หน่อย เลยทำต่อมาเรื่อยๆ แรงกดดันบางครั้งมีคนหลายคน ผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจว่าเราทำไปทำไม เป็นนักแสดงอยู่ดีๆ ทำไมต้องมาทำยูทูบ ก็คือดูถูกว่ามันจะไปรอดเหรอ เริ่มทางนี้มันจะดีเหรอ มันจะเวิร์คหรือเปล่า แรงผลักดันตรงนั้นแหละ มันเหมือนว่าไม่เชื่อว่าเราจะทำได้แล้วก็ในขณะเดียวกันในสังคมอยู่ในวงการบางคนมีผลงานเยอะ บางคนมีผลงานน้อยมันจะรู้สึกว่าตัวเองด้อย รู้สึกว่าทำไมเราไม่ได้โอกาสบ้างทั้งๆ ที่ศักยภาพของเราก็ถึง เอาเอ็นเตอร์เทนเราแอ็คติ้งได้ ทำทุกอย่างได้แต่ทำไมไม่ได้โอกาสนั้นบ้าง มันไม่มีอะไรด้อยกว่ากันเลย จนกลายเป็นว่าถ้างั้นเรามาเริ่มในสิ่งที่สร้างมันขึ้นมาเองตั้งแต่แรกแล้วค่อยๆ ขยายและเป็นคนให้โอกาสคนอื่นดีกว่า ถ้าผมประสบความสำเร็จมากกว่านี้แล้ว มีแผนว่าจะสร้างยูทูเบอร์คนอื่นขึ้นมา หรือจะทำหนังสั้นหานักแสดงเข้ามาแล้วให้โอกาสนักแสดงที่เราจะปั้นเขาขึ้นมาอย่างเป็นธรรมที่สุดแล้วก็เข้าใจในตัวของคนที่เราจะปั้น เพราะสิ่งที่ผมเจอมันเหมือน 2 มาตรฐาน เช่น เรามาสายเราโดนดุ แต่คนที่ดังมาสายไม่โดนว่าอะไร เพราะเป็นลูกรักอะไรแบบนั้น มันเป็นอะไรที่เล็กๆ น้อยๆ มันเป็นสังคมที่เรารู้สึกว่าไม่มีความจริงใจแล้วก็อึดอัด เหมือนอยู่ในวงการต้องใส่หน้ากาก แต่ที่จริงคนที่อยู่เป็นก็อยู่ได้ไม่เห็นจะเป็นไรไม่ต้องไปคิดมาก ซึ่งเราเป็นคนที่ไม่ได้ไปสังสรรค์กับผู้กำกับฯ หรือไปปาร์ตี้กับพี่ๆ ทีมงาน เพราะรู้สึกว่าเราไม่ชอบประจบใครเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงก็เลยเลือกที่จะไม่ไปดีกว่าจนกลายเป็นว่าเราไม่มีงาน เลยงงต้องทำยังไงดี แต่จริงๆ เป็นคนที่ชอบเบื้องหลังอยู่แล้วก็เลยสนใจมากๆ ถ้ามีซีรีส์มาติดต่อให้เล่น หรืองานของค่ายก็ไม่อยากเล่นแล้ว อยากทุ่มเวลาให้กับช่องของตัวเองอย่างเต็มที่ เพราะมันทำทุกวันแล้วมีความสุขมากกว่า

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0