โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘เนตร นาคสุข’ รองอัยการสูงสุด ชี้แจง กรรมาธิการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร ปมไม่สั่งฟ้อง ‘บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา’ ขับรถชนโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ยืนยัน! พิจารณาตามสำนวน ยินดีให้สอบเส้นทางการเงิน ระบุเหตุ ยื่นขอลาออก เพื่อรักษาภาพลักษณ์ ‘องค์กร’

สวพ.FM91

อัพเดต 13 ส.ค. 2563 เวลา 08.39 น. • เผยแพร่ 13 ส.ค. 2563 เวลา 08.39 น.
‘เนตร นาคสุข’ รองอัยการสูงสุด ชี้แจง กรรมาธิการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร ปมไม่สั่งฟ้อง ‘บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา’ ขับรถชนโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ยืนยัน! พิจารณาตามสำนวน ยินดีให้สอบเส้นทางการเงิน ระบุเหตุ ยื่นขอลาออก เพื่อรักษาภาพลักษณ์ ‘องค์กร’

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 สิงหาคม 2563 ที่รัฐสภา  มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร  ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ร่วมกับ คณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และกองทุน ที่มีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้ร่วมกันเป็นประธานการประชุม
 
ที่ประชุมได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในการสั่งไม่ฟ้องคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส มาชี้แจงต่อ คณะกรรมาธิการ เป็นครั้งที่ 3 หลังจาก 2 ครั้งแรก ผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้โดยตรงไม่ได้มาชี้แจงด้วยตัวเอง  ทำให้มีการเรียกเป็นครั้งที่ 3 หากไม่มา ทางกรรมาธิการ จะใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียก เป็นครั้ง ที่ 4  ปรากฏว่า  ที่ประชุมวันนี้ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด  ที่มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี นายวรยุทธ  มาชี้แจงเป็นครั้งแรก ถือเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของนายเนตร ต่อสาธารณะชน นอกจากนี้ยังมี ฝ่ายตำรวจที่ไม่เห็นแย้งคำสั่งอัยการ คือ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.)  มาชี้แจงคดีนี้ด้วยตัวเอง รวมทั้ง พนักงานสอบสวนในคดีนี้ และนายสมัคร เชาวภานันท์  ทนายความของนายวรยุทธ ก็มาชี้แจงด้วย
 
ทั้งนี้ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ นายเนตร นาคสุข  ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่สั่งไปฟ้องนายวรยุทธ เนื่องจากคดีนี้เป็นที่สนใจและสังคมเกิดความสงสัยกรณีที่สั่งไม่ฟ้อง
 
โดยนายเนตร นาคสุข กล่าวยืนยันว่า  การพิจารณาสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ ตนสั่งตามที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมาทั้งหมด ไม่มีข้อเท็จจริงนอกสำนวน  ส่วนดุลพินิจที่ตนไม่ฟ้องไม่ได้สั่งนอกสำนวนอะไรเลย ซึ่งมีเอกสารหลักฐานระบุความเห็นในการสั่งไม่ฟ้องคดีไว้ชัดเจน   เหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธนั้น  เพราะได้พิจารณาทั้งสำนวนเดิมที่มีการสั่งคดีไว้อย่างไร ซึ่งครั้งแรกอัยการมีการสั่งฟ้อง ตามความเห็นของ พ.ต.ท.ธนสิทธิ แตงจั่น ที่บันทึกความเร็วไว้ที่ 177 กม./ชม. แต่เมื่อมีการสอบพยานใหม่หลังมีการร้องขอความเป็นธรรม พบว่า ผู้ให้ความเห็นความเร็วรถคนเดิม คือ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ นักวิทยาศาสตร์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ นั้นมาเปลี่ยนคำให้การ ว่าไม่ใช่ 177 กม./ชม. เพราะวิธีคิดไม่ตรงกัน เมื่อคำนวณจากวิธีใหม่ ทำให้ความเร็วเหลือแค่ 79 กม./ ชม. ถือว่าไม่เกินกฎหมายกำหนด ประกอบกับพยานอื่นมาสนับสนุน ทั้งผู้เชี่ยวชาญ นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม  จากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ก็ยืนยันว่า ความเร็วที่คำนวณจากภาพวิดีโอ เร็วแค่เพียง 76 กม./ชม. ไม่ถึง 80 กม./ชม. รวมทั้งมีพยาน 2 ปากที่ได้จากการสอบสวน ได้แก่ พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร และ นายจารุชาติ  มาดทอง ให้การว่า ความเร็วของนายวรยุทธ ไม่ถึง 80 กม./ชม. และพบว่า ผู้ตาย เปลี่ยนเลนกะทันหัน จากซ้ายสุด มาขวาสุด
 
นายเนตร กล่าวว่า เมื่อพยานให้การอย่างนี้ ความเร็วของรถนายวรยุทธ ไม่เกิน 80กม./ชม. ก็ถือเป็นเหตุสุดวิสัย  เพราะฉะนั้นถือว่า หลักฐานที่ปรากฏในสำนวนไม่พอฟ้อง  นายวรยุทธ ในข้อหาความผิดฐานขับรถชนโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย  ตนจึงสั่งไม่ฟ้อง และเสนอไปยัง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)  เพื่อให้ความเห็นชอบ
ส่วนประเด็นที่นายวรยุทธ  ร้องขอความเป็นธรรมมาหลายครั้ง และทำให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมใหม่จนต้องสั่งไม่ฟ้องนั้น ยืนยันว่า ตามระเบียบอัยการไม่มีกำหนดว่าจะร้องได้กี่ครั้ง เพราะเป็นสิทธิของผู้ร้องทั้งฝ่ายผู้ต้องหา และผู้เสียหาย และการพิจารณาให้ความเป็นธรรมนายวรยุทธนั้น ก็มีการพิจารณามาเป็นลำดับชั้น ซึ่งกรณีนี้ ทางสำนักงานกฤษฎีกาของสำนักงานอัยการ เสนอมาว่า เห็นควรพิจารณาให้ความเป็นธรรม
 
นายเนตร ชี้แจงว่า  ตนได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมาจริง เพราะตนเป็นคนสั่งคดีนี้ และสังคมก็กดดันสถาบันของตน  ดังนั้นเพื่อความสบายใจของทุกคน  จึงขอลาออกเพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร ที่ตนทำหน้าที่รับราชการเป็นอัยการอยู่ในองค์กรนี้มาแล้ว 40 ปี
 
ทั้งนี้ กรรมาธิการฯ ได้ซักถามว่า คดีนี้มีการปั้นพยานขึ้นมาหรือไม่  
 
นายเนตร ชี้แจงว่า พยานที่ปรากฎเป็นไปตามสำนวนการสอบสวน ของพนักงานสอบสวนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนอื่นเกี่ยวข้อง
 
นอกจากนั้น คณะกรรมาธิการฯ ได้ซักถามเหตุผลที่รายงานของกรรมาธิการกฎหมายฯ สนช. เข้าไปอยู่ในสำนวนการสอบสวนนั้น
 
นายเนตร กล่าวชี้แจงว่า  กระบวนการร้องขอความเป็นธรรม เป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนนานแล้ว ตนมาในช่วงท้าย ซึ่งตอนนั้นไม่ได้มีการดำเนินการสอบสวนพยาน  ตนไม่ทราบรายละเอียด และไม่สามารถไปให้ความเห็นหรือก้าวล่วงได้สำหรับความเห็นของตน  สนช. เป็นผู้แทนประชาชนชน เมื่อผู้แทนประชาชนส่งเรื่องมาก็ต้องมีการพิจารณาและมีการสอบสวน ไม่ใช่เอาข้อมูลจาก สนช. ยุคนั้นมาพิจารณาได้เลย กรณีนี้ก็มีการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนตามปกติ และตามกระบวนการสามารถร้องใหม่ได้
 
ด้านนายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความของนายวรยุทธ ชี้แจงว่า การขอความเป็นธรรมของนายวรยุทธ ที่มีต่อ  สนช.  ยืนยันว่า รายงานของ กรรมาธิการกฎหมายฯ สนช.  สอบสวน ที่ส่งให้อัยการ ปกติแล้วไม่ต้องนำเข้าสำนวนก็ได้  แต่ที่มีการนำรายงานของ กรรมาธิการกฎหมาายฯ สนช. เข้าไปในสำนวนนั้น เป็นเพราะหลังจากนั้น ตนเห็นว่าในการฟ้องคดีอาญาต้องนำสำนวนที่อยู่ในสำนวนของพนักงานสอบสวนเท่านั้นมาพิจารณา  จึงได้ร้องขอความเป็นธรรมให้นำรายงานการสอบสวนของกรรมาธิการกฎหมายฯ สนช. เข้ามาเพื่อเป็นหลักฐานในสำนวน
 
นายสิระ เจนจาคะ ซักถามว่า สำหรับคดีนี้ประชาชนเกิดความสงสัยว่า พยานใหม่ เป็นพยานที่ช่วยเหลือผู้ต้องหารือไม่ รวมทั้งคดีนี้มีการวิ่งเต้นหรือมีผลประโยชน์อยู่ที่ใครหรือไม่
 
นายเนตร ชี้แจงว่า  นายจารุชาติ เป็นพยานตั้งแต่ต้น ส่วน พล.อ.ท. จักรกฤช มาช่วงกลาง ซึ่งเป็นพยานที่เกิดจากการสอบสวนโดยชอบ ส่วนการพิจารณายืนยันว่า พิจารณาตามกระบวนการ พิจารณาจากการสอบสวนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนอื่นเกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ กรรมาธิการฯ ยังได้ซักถามว่า  นายเนตร ยินดีให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินหรือไม่
 
นายเนตร กล่าวยืนยันว่า  ตนยินดีให้ตรวจสอบ เนื่องจากการพิจารณาคดี เป็นการสั่งคดีตามสำนนวน ไม่มีเรื่องอื่นทั้งสิ้นเป็นคดีที่มาตามระบบ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม  เมื่อนายเนตร ชี้แจงเสร็จสิ้น  กรรมาธิการฯ ได้มีมติทำหนังสือเชิญ นายธานี อ่อนละเอียด ส.ว. ประธานกรรมาธิการกฎหมาย สนช. และนายวรยุทธ  อยู่วิทยา หรือ บอส โดยเฉพาะนายวรยุทธ ส่งเป็นหนังสือลงทะเบียน หากไม่มาชี้แจงอีกก็จะให้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียก
 
ทั้งนี้ นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความของนายวรยุทธ ได้แจงว่า  ผู้อำนวยการกองหนังสือเดินทาง ได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของนายวรยุทธ ทำให้นายวรยุทธเดินทางมาชี้แจงไม่ได้  เนื่องจากหนังสือเดินทางหมดอายุ และอยู่ต่างประเทศ ไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย แต่ทางกรรมาธิการฯ ยืนยัน ให้ส่งหนังสือเชิญไปตามภูมิลำเนา
 
ภายหลังชี้แจงเสร็จสิ้น นายเนตร นาคสุข  ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในทุกประเด็น กล่าวเพียงว่า ภาพรวมได้ชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ ไปหมดแล้ว  เมื่อถามว่า จะไปชี้แจงต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และกฎหมายที่มีนายวิชา  มหาคุณ เป็นประธาน หรือไม่
 
นายเนตร กล่าวว่า ไปชี้แจงในที่ 14 สิงหาคม 2563 แต่ยังไม่ทราบเวลา และไม่ทราบรายละเอียดว่าเชิญไปชี้แจงอะไร

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0