ข่าวน้ำแข็งตามขั้วโลก หรือเทือกเขาที่ละลายลงมานั้น เป็นเรื่องที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องติดตาม ยิ่งล่าสุด มีงานวิจัยออกมาว่า ตอนนี้ พืดน้ำแข็งในกรีนแลนด์ ละลายไปถึงจุดที่ไม่อาจย้อนกลับคืนได้แล้ว
การละลายไปถึงจุดไม่อาจหวนคืน หรือ The point of no return นั้น หมายความว่า ต่อให้เราชะลอสถานการณ์โลกร้อนไปได้แค่ไหน ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการละลาย และแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ของพืดน้ำแข็ง (Ice Sheet) ได้อีกแล้ว
เอียน โฮวาท (Ian Howat) หนึ่งในทีมวิจัย และศาสตรจารย์จากมหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอ กล่าวว่า ขณะนี้แผ่นน้ำแข็งอยู่ในสถานะใหม่ ซึ่งแม้ว่าเราจะกลับไปทำให้สภาพอากาศ เป็นเหมือนเมื่อ 20 หรือ 30 ปีก่อน เราก็ยังคงสูญเสียพืดน้ำแข็งไปอย่างรวดเร็วอยู่ดี
ขณะที่ มิคาเอล่า คิง (Michalea King) ผู้นำทีมวิจัย และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอ กล่าวว่า ทุกๆ ปี แผ่นน้ำแข็งของกรีนแลนด์จะละลายลงในมหาสมุทรมากกว่า 280 พันล้านเมตริกตัน ในแต่ละปีอยู่แล้ว ซึ่งนั่นเป็นผลให้ระดับน้ำทะเลในมหาสมุทรเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งไม่สามารถคาดเดาระดับน้ำทะเลที่จะเพิ่มขึ้นสูงนี้ได้ ทำให้ยากต่อการเตรียมพร้อมสำหรับผลกระทบ
ปริมาณน้ำทะเลที่จะเพิ่มขึ้นจากการละลายของน้ำแข็งนี้ ส่งผลร้ายแรงต่อหลายประเทศทั่วโลก เพราะปกติการละลายของน้ำแข็งในกรีนแลนด์จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นกว่ามิลลิเมตรทุกปี ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่า ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มมากขึ้นกว่า 3 ฟุต หรือประมาณ 0.9 เมตร ภายในศตวรรษนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วมตามชายหาด และเมืองชายฝั่งทะเลหลายแห่งทั่วโลก
เมื่อเดือนตุลาคม ปี พ.ศ.2562 มีรายงานจาก Climate Central องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านสิ่งแวดล้อม ที่ระบุว่า มากกว่า 10% ของประชากรไทย ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้ชายฝั่ง รวมถึง กทม.เสี่ยงจะจมลงในทะเลภายในปี ค.ศ.2050 ซึ่งเป็นผลวิจัย ที่มาก่อนงานวิจัยเรื่องน้ำแข็งในกรีนแลนด์นี้
อย่างไรก็ดี โฮวาทกล่าวว่า เราผ่านจุดที่ไม่อาจหวนคืนไปแล้ว และจะมีสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้ตามมาอีกอย่างแน่นอน
อ้างอิงจาก
https://www.nature.com/articles/s43247-020-0001-2.pdf
https://www.nytimes.com/interactive/2019/10/29/climate/coastal-cities-underwater.html
#Brief #TheMATTER
