โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘ดาวโจนส์’ ทะยานกว่า 200 จุด ขานรับ ‘ทรัมป์’ ออกคำสั่งช่วยคนว่างงานถึงสิ้นปี

The Bangkok Insight

อัพเดต 11 ส.ค. 2563 เวลา 01.57 น. • เผยแพร่ 10 ส.ค. 2563 เวลา 15.43 น. • The Bangkok Insight
‘ดาวโจนส์’ ทะยานกว่า 200 จุด ขานรับ ‘ทรัมป์’ ออกคำสั่งช่วยคนว่างงานถึงสิ้นปี

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (10 ส.ค.) โดยที่ดาวโจนส์ ทะยานสูงขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ชาวอเมริกัน ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 จนกว่า ทำเนียบขาว และสภาคองเกรส จะบรรลุมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 27,653.89 จุด ทะยานขึ้นมา 220.41 จุด หรือ 0.80% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,349.94 จุด ปรับลง 1.34 จุด หรือ 0.04% และดัชนีแนสแด็กที่ 10,921.90 จุด ลดลง 89.08 จุด หรือ 0.81%

ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี ให้ขยายระยะเวลา ในการให้เงินช่วยเหลือผู้ว่างงาน จนถึงช่วงสิ้นปีนี้ ในอัตรา 400 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ หลังจากที่โครงการช่วยเหลือดังกล่าวได้หมดอายุลงเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

การเคลื่อนไหวดังกล่าวของผู้นำสหรัฐ เกิดขึ้นหลังจากที่การเจรจาระหว่างทำเนียบขาว และบรรดาส.ส. เดโมแครต ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เกี่ยวกับมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจรอบใหม่ ยังหาข้อยุติกันไม่ได้

อย่างไรก็ดี นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดกว้างต่อการเจรจาครั้งใหม่กับแกนนำพรรคเดโมแครต เกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

เขาบอกด้วยว่า ทั้ง 2 ฝ่ายอาจบรรลุข้อตกลงกันได้เร็วสุดภายในสัปดาห์นี้ หากฝั่งเดโมแครตมีเหตุผล และว่า รัฐบาลพร้อมที่จะเสนอวงเงินที่มากขึ้น เพื่อให้สามารถบรรลุข้อตกลงกับพรรคเดโมแครต

อย่างไรก็ดี ความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับสหรัฐ ยังเป็นแรงกดดันตลาดโดยรวมอยู่ หลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี แบน 2 บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน คือ เทนเซ็นต์ และไบท์แดนซ์ มีผลในอีก 45 วันข้างหน้า ทั้งยังประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีน และฮ่องกง รวม 11 คน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0