คนญี่ปุ่นมีวินัยเรื่องการเข้าแถว สุภาพ สะอาด และขยัน ซื่อสัตย์ เป็นภาพที่โลกจำได้
คนจีน คนเวียดนาม ขยัน มีหัวการค้า และกล้าเผชิญอุปสรรค เป็นภาพที่โลกจำได้
วันนี้ เราคนไทยก็กำลังมีภาพจำแก่โลกยุคใหม่
เรื่องแรก ไทยสู้โควิดได้ผลจนเกิดผลลัพธ์ที่เกินคาดของทุกคน และยังคงรักษาสถานะแผ่นดินแห่งความปลอดภัย ที่ใช้ความรู้นำประชากรได้อย่างน่าประทับใจ
แม้มีเหตุปุบปับตรงไหน ก็แก้ไขปรับปรุงกันรวดเร็ว
การสื่อสารระหว่างรัฐและประชาชนมีประสิทธิผล การบังคับใช้กฎกติกามีประสิทธิภาพ…มากกว่าอีกหลายต่อหลายแห่งของโลก
เรื่องที่ 2 คนไทยใส่หน้ากากป้องกันโควิดอย่างรับผิดชอบ แม้ตัวเลขใหม่รายวันของการติดเชื้อจะต่ำอย่างต่อเนื่อง แต่คนไทยก็ไม่ดื้อกับเรื่องการสวมหน้ากากออกจากบ้าน…
แม้แต่คนที่ถูกจับได้ที่ช่องทางธรรมชาติในเส้นทางกันดารยากแก่การตรวจพบ
ก็สวมหน้ากาก !
นับว่าสื่อสารสาธารณะได้ดีอย่างต่อเนื่อง
คนไทยส่วนมากไหว้และถอดรองเท้าไว้นอกบ้าน ใส่เสื้อชั้นเดียวโดยไม่ต้องมีแจ็กเก็ตคลุมทับ ทำให้ซักผ้าตากแดดได้สม่ำเสมอ (ยกเว้นค่านิยมสวมสูททั้งชายและหญิงตามที่ทำงาน)
ระบบการเรียนแพทย์ พยาบาล ของไทยจบแล้วต้องใช้ทุน ทำให้บุคลากรสายนี้สัมผัสคนยากไร้ห่างไกลบริการ จึงมีประสบการณ์กับการดูแลคนยากจน
เรื่องที่ 3 State Quarantine ของไทย ดูดี ปลอดภัย อาหารอร่อย ห้องพักสวยงาม ไม่มีใครเผ่นหนีออกจากพื้นที่ State Quarantine
แปลว่า การต้อนรับขับสู้ดูแลของไทยทำได้น่าประทับใจมาก…เพียงแต่นับจากนี้ไปคงเป็นความรับผิดชอบของผู้ต้องถูกเข้า State Quarantine ที่ต้องจ่ายแล้ว แต่ข้อดีก็คือมีหลายระดับราคาให้เลือก
เรื่องที่ 4 ความเข้มแข็งและเข้าถึงทุกบ้านของ อสม. และตู้ปันสุข ตามพื้นที่ต่าง ๆ อสม.ไม่เคยเลือกปฏิบัติ เกิดด้วยสำนึกร่วมอย่างดี
มหัศจรรย์ จึงชัดเจน
คำว่า เราคนไทยไม่ทิ้งกันก็ดี…เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จึงมีน้ำหนัก
4 เรื่องที่หยิบยกนี้
ถ้าไม่มีโควิด-19 มาท้าพิสูจน์
เราส่วนใหญ่ก็คงไม่ได้ประจักษ์
ไทยจะใช้จังหวะนี้ ตอกย้ำ และทำให้เป็น Soft Power ใหม่ของเราหรือไม่ ถ้าจะทำ ควรทำอย่างไร
ความน่าประทับใจตามผลลัพธ์ทั้ง4 ข้างต้นนั้น
…เงินและอำนาจ ซื้อผลลัพธ์อย่างนี้มาครองไม่ได้…
เพราะมันมีมากกว่าสภาพบังคับได้เฉยๆ
แต่มี “ความร่วมมือ” อย่างมหาศาลปนมาในนั้นด้วย !!
บางคนอาจบอกว่า ฉันไม่ได้จะร่วมมือกับรัฐ
แต่การบังคับโดยสังคมก็ให้ผลที่ชะงัดไม่แพ้กัน แถมยังอาจมีพลังสูงกว่า
เมื่อครั้งสังคมไทยร่วมมือกัน และร่วมมือกับทีมกู้ภัยทั่วโลกเร่งช่วยน้องๆ 13 หมูป่าติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ที่แม่สาย เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
สื่อมวลชนทั่วโลกรายงานความมหัศจรรย์ครั้งนั้นอย่างต่อเนื่อง
ถ้าตั้งรางวัลให้นักคิด นักสร้างสื่อบันเทิง คนสร้างหนังในไทยผลิตคลิปหนังสั้น ที่จะส่งฉายเป็นไวรัลให้โลกดู
ทำให้ผู้ชมเกิดทั้งความหวัง ความเชื่อถือ ความน่าตื้นตันใจ ต่อค่านิยมไทย ต่อวัฒนธรรมไทย ต่อสถาบันชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และต่อ "คนไทย" โดยรวม
นี่คือโอกาสที่เงินหมื่นล้านก็ซื้อไม่ได้
เราเคยออกคลิป 30 วินาที ขอบคุณโลกที่มาช่วยหมูป่าติดถ้ำหลวง และสร้างศักดิ์ศรีไทยในเวทีภาคนานาชาติอย่างที่สัมผัสได้มาแล้ว
ผู้สามารถสร้างสรรค์อาจไม่ได้มาจากคนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เท่านั้น เพราะความสามารถสร้างสรรค์อาจมาจากใครก็ได้…ที่อ่านทะลุอารมณ์
โลกกำลังตะลึงกับตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ยังพุ่งทะยาน ประหลาดใจกับความรั้นของสังคมที่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและทุน ตะลึงกับความรั้นของผู้นำ ตลอดจนความไม่ร่วมมือของประชาชน จนพบความสูญเสียต่อสุขภาพและชีวิตอย่างน่าตกใจ เพราะความตายสะสมได้แซงแม้แต่ภัยสงครามใหญ่
ทุกสังคมจึงกำลังต้องการภาพจำที่ดี มีเหตุผล ให้พลังใจ ห่วง รับผิดชอบต่อส่วนรวม มีน้ำใจต่อเนื่อง เพราะทำให้ทุกสังคมมีหวัง
พวกเขาก็อยากศึกษาตัวอย่างดีๆ จาก "คนไทย" เช่นกัน
เพราะเมืองไทยและคนไทยให้ตัวอย่างที่ไม่เพียงเกินคาดแก่โลก แต่เกินคาดแม้แต่คนไทยด้วยกันเอง
เราเริ่มนับถือความร่วมมือและความเสียสละที่เรามีร่วมกัน
อีกเรื่องที่น่าเล่า คือการมาถึงของรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ซึ่งจะเปลี่ยนต้นทุนขนส่งเดินทางและการเกิดเมืองใหม่ล้อมรอบทุกสถานีและชานชาลาทั่วประเทศ เพราะสร้างจริง เกิดจริงแน่ๆ แล้ว
ที่สุดแห่งทุกบันทึกทางประวัติศาสตร์ สิ่งมีค่าที่สุดเสมอของทุกความยากลำบาก
คือ ความเชื่อว่าชีวิตยังมีหวัง
และคนไทยได้แสดงให้เห็นความหวังนั้นขึ้นมา