โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะทะยาน 1,720 จุด เพราะการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศหนุน

Wealthy Thai

อัพเดต 10 ส.ค. 2566 เวลา 04.22 น. • เผยแพร่ 27 ธ.ค. 2564 เวลา 06.26 น. • Maratronman

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย สำหรับปี 2565ไว้ที่ 1,720จุด บนสมมติฐานกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 92บาท/หุ้น คิดเป็นการเติบโตราว 8% จากปีก่อน และอิง Forward P/E Ratio ที่ระดับ 18.7เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10ปี+2SD หุ้น
โดยกลุ่มหลักที่จะช่วยหนุนการเติบโตในปี 2565ส่วนใหญ่คือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในประเทศ หรือ Domestic Play เช่น กลุ่มธนาคาร, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, กลุ่ม Media, กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มอสังหาฯ สำหรับธีมลงทุนได้แก่ ได้แก่ 1) ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์ COVID คลี่คลายตัวลง
2) นโยบายการเงินตึงตัวของธนาคารกลางทั่วโลก และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามมา 3) เป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการปรับขึ้นราคา ช่วยชดเชยอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น
4) เงินปันผลอยู่ในระดับสูง สอดรับไปกับการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/64 5) ได้ประโยชน์จากการสนับสนุนธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ในประเทศ
ส่วนหุ้น Top pick ที่เป็น 7 Wonders ในปี2565 ได้แก่ 1.ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK โดยแนวโน้มการตั้งสำรองลดลงในปี 2565 และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) มีโอกาสปรับตัวขึ้น, การรุกเข้าสู่ธุรกิจ FinTech ต่อยอดรายได้ใหม่ๆ
2.บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง ให้มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 7% และยอดปล่อยกู้สินเชื่อรถยนต์มือหนึ่งได้ประโยชน์จากนโยบายสนับสนุน EV Car ของรัฐบาล 3.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ที่ถือเป็นหุ้นกลุ่มค้าปลีกได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของภาคบริโภคในประเทศหลัง COVID คลายตัว และการปรับโครงสร้างถือหุ้นใน MAKRO เสร็จสิ้น
4.บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS โดยการที่โรงพยาบาลระดับกลาง-บน มีความสามารถในการปรับขึ้นราคา จึงเป็นธุรกิจที่ป้องกันเงินเฟ้อได้ และปี 2565 จะเห็นการเร่งตัวขึ้นของลูกค้าเงินสดทั้งในและจากต่างประเทศ 5.บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้ประโยชน์จากการคลายมาตรการ LTV ในปี 2565และเป็นหุ้นหลักในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 6-7%
6.บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ถือผู้ประกอบการไทยเริ่มปรับตัวเพื่อรับคำสั่งซื้อของรถยนต์ EV แล้ว และสถานการณ์ขาดแคลนชิปมีแนวโน้มดีขึ้นในปี 2565 ขณะที่เชิง Valuation ไม่แพงที่ระดับ PER2565 เพียง 7.2 เท่า และปิดท้ายกันที่อันดับ 7.บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT โดยหุ้นกลุ่ม Electronics ของไทยได้ประโยชน์จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น จากเทคโนโลยีใหม่ เช่น Metaverse, 5G, EV Car, EV Battery ส่งผลให้ความต้องการใช้ชิ้นส่วน Electronics เพิ่มขึ้นในระยะยาว
ขณะที่ประเด็นการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ Omicron ที่เกิดขึ้นช่วงปลายปี 64 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต่อเนื่องไปถึงต้นปี2565 และยังมีหลายประเด็นที่ต้องติดตามข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะความรุนแรงซึ่งเคยเชื่อกันว่า สายพันธุ์ Omicron อาการไม่รุนแรง แต่กลับมีการรายงานพบผู้เสียชีวิตในอังกฤษ
นอกจากนี้ ข้อมูลจากห้องทดลอง เบื้องต้น พบว่า สายพันธุ์นี้ ลดทอนประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี การฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือเข็ม Booster มีประสิทธิภาพดีกว่า 2 โดส ตามปกติ ซึ่งน่าจะเป็นวิธีที่หลายประเทศใช้เพื่อจัดการกับสถานการณ์ในปลายปี 64 ถึงต้นปี 65 และหากจะมีการปรับสูตรและผลิตวัคซีนสูตรใหม่ คาดว่า จะออกมาในช่วงปลายไตรมาส 1/65อิงข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนชนิด mRNA ที่คาดว่า จะใช้เวลารวมประมาณ 100 วัน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0