โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

มองกรอบ “หุ้นไทย” ปีเสือ 1,600-1,700 จุด... ชี้ ‘หุ้นกลาง-เล็ก’ ยังจะ Outperform ‘หุ้นใหญ่’ !!!

Wealthy Thai

อัพเดต 09 ส.ค. 2566 เวลา 03.50 น. • เผยแพร่ 20 ธ.ค. 2564 เวลา 08.50 น. • กฤษฎิ์ รัตนธีระธาดา

เศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในปี 64 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ยังโดนสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เข้ากดดันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ การปิดเมืองเพื่อรับมือ
ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมในปี 64 นั้น ออกมาไม่ดีนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แม้ว่าจะเริ่มทยอยกลับมาเปิดเมืองและการจัดงานกิจกรรมทางเศรษฐกิจจนทำให้การจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศมีการขยับตัวขึ้น
แต่ฟันเฟืองหลักอย่าง “ภาคการท่องเที่ยว” นั้น ที่ยังต้องอาศัยนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลักก็ยังไร้วี่แววว่าจะฟื้นตัวได้ช้าหรือเร็วแค่ไหนเพราะด้วยนโยบาย ‘Covid Zero’ ของจีนเองก็ส่งผลกระทบมาถึงไทยด้วยเช่นกัน
ในวันนี้ทาง ‘Wealthy Thai’ จึงมีมุมมองเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในปี 65 ที่น่าสนใจจาก “บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด” มาฝากแก่ผู้อ่านและผู้ที่สนใจกันในครั้งนี้

เศรษฐกิจไทยปี 65 โตได้ 2.7-3.0% ตามเศรษฐกิจโลก…ไม่หวั่น COVID-19 สายพันธุ์ ‘โอมิครอน’

โดย “มนรัฐ ผดุงสิทธิ์”กรรมการผู้อำนวยการ บลจ. แลนด์ แลนด์ เฮ้าส์ ได้ให้มุมมองว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 65 จะยังคงเติบโตได้ต่อในอัตราที่ 2.7-3.0%ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่กลับมาเติบโตและการรับมือหรือการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสCOVID-19 ได้ดีขึ้น

(มนรัฐ ผดุงสิทธิ์)

“ทำให้ประเด็นการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน ประเมินว่าอาจจะไม่ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดมากนัก เนื่องจากพฤติกรรมของมนุษย์ได้มีการปรับกับสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันได้และขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นก็ได้รับรู้ปัจจัยดังกล่าวไปบ้างแล้ว”

คาด “หุ้นไทย” ปีหน้ายังไปต่อได้…แต่อาจไม่หวือหวาเท่า “หุ้นเวียดนาม”

ขณะที่ภาพรวม “ตลาดหุ้นไทย” ในปี 65 เชื่อว่ายังคงมีแนวโน้มที่ไปต่อได้แม้ว่าอาจจะเป็นระดับที่ไม่หวือหวามากนักเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านอย่าง “เวียดนาม” แต่ก็ถือเป็นระดับน่าสนใจ ซึ่งประเมินกรอบหุ้นไทยที่ 1,600–1,700จุด ส่วนจุดต่ำสุดคงปรับลดได้ไม่ต่ำกว่า 1,580จุด
“แต่ปัจจัยที่ต้องติดตามในปีหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นปัจจัยจากตลาดโลกอย่างนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสจะปรับขึ้นได้เร็วช้าแค่ไหนหรือปรับขึ้นกี่ครั้ง รวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อที่จะปรับขึ้นนั้นจะเป็นระยะยาวหรือไม่ ซึ่งหากเป็นระยะยาวก็ต้องติดตามว่าจะกินระยะเวลานานแค่ไหน”
ในส่วนของการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนก็ยังเติบโตต่อได้ตาม “โกลบอล ไฟแนนเชียล” ซึ่งหากประเมินเป็นรายกลุ่มหุ้น ‘ธุรกิจขนาดใหญ่’ จะเติบโตได้ 10% ที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงอย่าง ‘กลุ่มธนาคารพาณิชย์’ส่วน ‘กลุ่มพลังงาน’ปัจจุบันราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูง เป็นไปได้ยากหากจะเห็นราคาและกำไรปรับตัวที่หวือหวาได้

“ขณะที่กลุ่มอื่นๆ อย่าง ‘ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก’ มีโอกาสที่จะเห็นการเติบโตได้สูงหรือราว 15-30%เนื่องจากในปีที่ผ่านมาบริษัทหลายแห่งเริ่มมีการปรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินงาน ซึ่งทำให้ในปี 65 จะเป็นปีที่เริ่มเห็นการออกดอกออกผลของการทำกลยุทธ์ดังกล่าวของบริษัทหลายๆ แห่ง”
สำหรับคำแนะนำการลงทุนให้นักลงทุนว่า “ตลาดหุ้นไทย” ยังคงเป็นหุ้นที่ควรมีติดพอร์ตไว้ ซึ่งกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจอาจจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มหุ้น ‘Old Economy’ หรือ ‘เศรษฐกิจยุคเก่า’ที่สามารถปรับตัวไปยัง ‘New Economy’ หรือ ‘เศรษฐกิจยุคใหม่’ แต่กลุ่ม Old Economy ที่ยังไม่มีปรับตัวก็อาจจะต้องหลีกเลี่ยงไปก่อน
“ตลาดหุ้นไทยในปี 65 ยังคงเป็นปีที่ตลาดไปได้ต่อ แม้ว่าความน่าสนใจหรือการปรับตัวจะไม่ได้หวือหวาเท่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านอย่าง ‘เวียดนาม’ที่มีการปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องจนเป็นตลาดที่มีความร้อนแรงเป็นอย่างมาก แต่ความน่าสนใจของ ‘ตลาดหุ้นไทย’ นั้น คือการปรับตัวของธุรกิจให้รับมือกับสถานการณ์แวดล้อมในปัจจุบันเพื่อเติบโตในช่วงวิกฤตนั่นเอง”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0