โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เอปสันหนีตลาดพรินเตอร์หงอย ซบหุ่นยนต์ขายพุ่ง 200% ช่วงโควิด-19

Manager Online

เผยแพร่ 08 ส.ค. 2563 เวลา 07.33 น. • MGR Online

เอปสันอ่วมพิษโควิด-19 ทำตลาดพรินเตอร์ไทยปีนี้หดตัว 10% เตรียมทางหนีด้วยธุรกิจ B2B เพื่อเป้าหมายคือให้มียอดขายเท่าปีที่แล้วให้ได้ ลุยทำรายได้จากธุรกิจเครื่องพิมพ์อุตสาหกรรมและหุ่นยนต์แขนกลเข้ามาช่วยเพื่อไม่ให้ขาดทุนจากตลาดคอนซูเมอร์ที่หงอยเหงา แซวหุ่นยนต์ขายดี 200% ช่วงเมษายน-มิถุนายน 63 เพราะติดโควิดไม่ได้

นายยรรยงมุนีมงคลทรผู้อำนวยการบริหารบริษัทเอปสัน (ประเทศไทย)จำกัดกล่าวว่าสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่ยืดเยื้อ ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก วิกฤติการเมืองในหลายประเทศ และสถานการณ์โควิด-19 ที่มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกมากกว่า 7 แสนราย ล้วนทำให้เกิดผลกระทบต่อความต้องการในตลาดพรินเตอร์และอุปกรณ์ไอที โดยการสำรวจจากบริษัทวิจัย GFK ช่วงมกราคม-มิถุนายน 63 พบว่าตลาดรวมเครื่องพิมพ์หรือพรินเตอร์มียอดขายลดลง 20% ส่วนที่ลดฮวบที่สุดคือยอดขายหน้าร้านค้าออฟไลน์ที่ลดลง 40% ขณะที่ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 22%

“เชื่อว่าทั้งปี ตลาดพรินเตอร์จะติดลบ 10% แต่คาดการณ์นี้มีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้สูงมาก อาจจะติดลบมากกว่านี้หากมีภาวะการเมืองหรือวิกฤติ ถือเป็นปีที่คาดการณ์ยากมาก”

ตลาดพรินเตอร์หงอยเหงาไม่ได้เพิ่งทำร้ายเอปสันในปีนี้ แต่รายได้เอปสันลดลง 7% เมื่อปี 62 ที่ผ่านมา ทำให้เอปสันเริ่มต้น2เซอร์วิสใหม่สำหรับสินค้ากลุ่มพรินเตอร์ให้องค์กรเลือกเช่าเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตแล้วจ่ายค่าบริการแบบรายแผ่นหรือเหมาจ่ายแบบรายเดือนในช่วงมีนาคม 63แต่แล้วเซอร์วิสนี้ก็ถูกกระหน่ำจากพิษโควิด-19ทำให้ไม่เติบโตเท่าที่ควร

“ช่วงที่ติดลบมากคือเมษายน เพราะทุกอย่างปิดหมด ลูกค้าก็ระวังเรื่องการสั่งของ ไม่จำเป็นก็ไม่สั่ง สั่งน้อยลงเพราะต้องดูเรื่องสต็อค แต่ตอนนี้เริ่มกลับมา เชื่อว่าไตรมาสนี้จะฟื้น ก.ค. ดีกว่าที่คาดไว้มาก ถ้าสดใสและไปต่อก็จะดี แต่ก็ยังมีหลายปัจจัยที่คาดไม่ได้”

สำหรับไตรมาสใหม่ เอปสันย้ำว่าจะยังเดินไปตามกลยุทธ์เดิมที่เน้นธุรกิจ B2B เจาะกลุ่มองค์กรธุรกิจที่ต้องซื้อพรินเตอร์ไปใช้เชิงธุรกิจ พาณิชย์ และอุตสาหกรรม สินค้าที่มีการเติบโตดีคือเครื่องพิมพ์ฉลาก เครื่องพิมพ์หน้ากว้าง แชนกลและหุ่นยนต์ ซึ่งกลุ่มนี้ถือเป็นS Curve ที่เอปสันเชื่อว่าจะเจริญเติบโตได้ดีในไตรมาส 3-4 ปีนี้

“สินค้าที่เรามั่นใจและเข้าไปขาย คือสินค้าเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม อาจไม่เห็นที่หน้าร้าน แต่เราทำตลาดดุเดือดมาก คือกลุ่มโฟโต้แล็ปส์ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องเอปสัน เครื่องอนาล็อกหรือใช้น้ำยา เชื่อว่าหมดไปแล้ว ตอนนี้ตลาดมีเกินพันเครื่อง มีการซื้ออุปกรณ์เสริมตลอด ธุรกิจพิมพ์รูปใหญ่จะกำไรสูงกว่ารูปเล็ก งานพิมพ์แฟชันดิจิทัลก็เติบโตดี เพราะหลายคนอยากได้เสื้อที่มีตัวเดียวในโลก” ยรรยงระบุ

เอปสันชี้ว่าบริษัทจะเปลี่ยนแปลงขนาดธุรกิจ B2C จากสัดส่วน 75% และ B2B ที่คิดเป็น 25% ของรายได้รวมบริษัท มาเป็น 70% และ 30% โดยจะเน้นธุรกิจ B2B เพราะมั่นคง ขึ้นลงไม่แรงเท่าการจำหน่ายสินค้าในตลาดคอนซูเมอร์ ขณะเดียวกันก็สามารถขายสินค้ากลุ่มซัปพลายเช่น หมึกพิมพ์หรืออุปกรณ์เสริมได้ต่อเนื่อง อนาคตจะเปลี่ยนเป็น 50% และ 50% ใน 5 ปีนับจากนี้

“สินค้าที่อยู่ตัวแล้วคือเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม แต่สินค้าที่จะโตคือเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตและโรโบติกส์ เชื่อว่า 2 ตัวนี้จะเป็นหลักในการบุกตลาด B2B”

เอปสันย้ำว่าจะลงทุนต่อเนื่องในช่วงหลังโควิด-19 โดยจะเน้นลงทุนสร้างทีมเข้ามาดูแลธุรกิจ B2B เต็มที่ทั้งในและนอกกรุงเทพ นอกจากทีมเซลล์แล้วจะเน้นที่การขยายพันธมิตร เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการทำตลาด B2B ซึ่งไม่ใช่การซื้อมา-ขายไปด้วยราคา แต่ต้องดูแลลึกซึ้งกว่า ทั้งหมดนี้เอปสันจะทำร่วมกับการเทรน และการเพิ่มความคุ้มค่าให้สินค้า โดยเฉพาะมุมการรักษ์โลก ลดพลังงาน เครื่องไม่ร้อน ประสิทธิภาพสูง และรองรับการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน

“ปีนี้ ถ้าภาพรวมโตให้เท่าปีที่แล้วก็ดีใจ คาดว่าจะโต 20% ในธุรกิจ B2B แต่อาจจะลดลง 7% ในตลาด B2C ปีนี้ตลาดคอนซูเมอร์ไม่ดีแต่เราเชื่อว่า B2B จะเข้ามาช่วย ปีหน้ายังบอกไม่ได้ เราเริ่มกลยุทธ์เน้น B2B มา 2-3 ปีแล้ว แต่เวลานั้นสินค้ายังไม่มาก ตอนนี้เริ่มเป็นขาขึ้น เลยทำมากขึ้น”

เอปสันเชื่อว่าตลาดหลักธุรกิจ B2B ของบริษัทคือกลุ่มบริษัทก่อสร้าง โฟโต้แล็ป โรงงานพิมพ์ผ้าขนาดใหญ่ ขณะที่สินค้ากลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตจะเน้นหน่วยงานการศึกษา เป็นโอกาสใหม่เพิ่มจากตลาดที่ทำยอดขายดีอยู่แล้วคือบริษัทประกันภัย ธนาคาร ห้าง และบริษัทขนส่ง

ที่น่าสนใจคือกลุ่มธุรกิจโรโบติกส์ เอปสันชี้ว่าเมษายน-มิถุนายน 63 ธุรกิจนี้เติบโตเกือบ 200% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยอมรับว่าขนาดธุรกิจยังไม่ใหญ่ และกินเวลาโครงการจำหน่ายนาน 8-9 เดือน

“ธุรกิจนี้มีทิศทางการเติบโตที่ดีในลูกค้ากลุ่มโรงงานผลิตฮาร์ดดิสด์ และโรงงานผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากหุ่นยนต์เอปสันเด่นเรื่องงานละเอียด ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ทำงานบนชิ้นงานขนาดใหญ่“ ยรรยงระบุ “เรายังแซวกันเองว่าทำไมหุ่นยนต์ขายดี อาจจะเพราะว่าหุ่นยนต์ติดโควิดไม่ได้”

ดังนั้นหุ่นยนต์ของเอปสันจึงขายดีมาก ทำยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวในช่วงที่โลกยังวุ่นวายกับโควิด-19.

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0