ปิดฉากไปแล้ว! สำหรับศึกลูกหนัง “บุนเดสลีกา” ลีกฟุตบอลอาชีพสูงสุดของประเทศเยอรมัน และเป็นทีม “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก ที่คว้าแชมป์ฤดูกาล 2019-2020 สมัยที่ 30 ไปครองได้สำเร็จ กระทั่งกลายเป็นสโมสรที่ครองความยิ่งใหญ่เพียงทีมเดียวที่ทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น แถมยังกวาดแชมป์ลีกมาครองได้ 8 สมัยติดต่อกันอีกด้วย
สำหรับดาวซัลโวประจำฤดูกาลนี้คือ "โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้" หัวหอกชาวโปแลนด์ ที่กระหน่ำไป 34 ประตู และยังเป็นสถิติการยิงประตูสูงสุดที่เขาเคยทำได้ในการลงเล่นในลีกอาชีพอีกด้วย อีกทั้งยังนับเป็นสมัยที่ 5 แล้วที่คว้าตำแหน่งนี้ไปครอง ต่อจากฤดูกาล 2013/14, 2015/16, 2017/18 และ 2018/19 ส่วนทางด้านเจ้าพ่อ"แอสซิสต์" ในฤดูกาลนี้ตกเป็นของ "โธมัส มุลเลอร์" กองหน้าชาวเยอรมัน ทำได้ 21 ครั้ง
ด้วยความแข็งแกร่งซะเหลือเกินของทีมบาเยิร์น ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ ว่า แชมป์บุนเดสลีกา สมัยที่ 30 ทำให้เกมการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดของเมืองเบียร์ เริ่มขาดสีสันและน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ โดย 20 ปีหลัง เสือใต้ คว้าแชมป์ไปครองถึง 14 ครั้ง และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดความร้อนแรงไว้แค่ในฤดูกาลนี้
ล่าสุด อดีตจอมทัพพันธุ์ห้าวชาวเยอรมัน "สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก" ได้ออกมาเสนอรูปแบบของศึกบุนเดสลีกาใหม่ โดยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างลีกสูงสุด ให้มีการแข่งขันมากขึ้น เพื่อป้องกันการผูกขาดแชมป์ในอนาคต
“สำหรับผมมันชัดเจนมากว่า จะต้องมีการจุดไฟขึ้นมาใหม่อีกครั้ง หากคนเกิดความเบื่อหน่าย เพราะบาเยิร์นคือทีมที่คว้าแชมป์อยู่เสมอ แต่การทดลองใช้รูปแบบใหม่นี้ จะไม่มีทีมที่สามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 10 สมัยติดต่อกันอย่างแน่นอน” อดีตดาวเตะวัย 51 ปี ระบุ
ทั้งนี้ การแข่งขันรูปแบบใหม่ที่ เอฟเฟ่นแบร์ก แนะนำคือ การแบ่งทีมในลีกสูงสุดเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 9 ทีมเพื่อหาทีมเข้าสู่รอบชิงแชมป์ลีก และสโมสรยุโรป ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มที่ต้องหนีตกชั้นในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง ซึ่งมีรูปแบบที่คล้ายกับ"จูปิแลร์ โปรลีก" ของประเทศเบลเยียม
สำหรับโครงสร้างของการแข่งขันฟุตบอล "จูปิแลร์ โปรลีก" ลีกสูงสุดของประเทศเบลเยียม จะเริ่มซีซั่นด้วย 18 ทีม ทุกทีมจะแข่งขันแบบพบกันเหมดแบบ เหย้า และเยือน รวมทั้งหมด 34 นัด โดยทีมอันดับสุดท้ายของลีก (อันดับ 18) จะตกชั้นลงไปเล่นใน "พร็อกซิมุสลีก" หรือ ลีกระดับ 2 ทันที ส่วนทีมอันดับ 17 จะต้องไปเตะ เพลย์ออฟกับทีมอันดับ 2 จาก พร็อกซิมุสลีก ทีมที่ชนะจากการเพลย์ออฟจะได้เล่นใน จูปิแลร์ โปรลีก ต่อไป
ส่วนทีมที่ได้คะแนนมากที่สุดในลีก จะยังไม่ได้แชมป์โดยอัตโนมัติ จะต้องมีการ เพลย์ออฟ หาแชมป์อีกรอบ โดยทีมอันดับ 1- 4 จะมาแข่งขันรอบ Championship Round (เพลย์ออฟ 1) เพื่อหาแชมป์จูปิแลร์โปรลีก ในขณะที่ทีมอันดับ 5-8 จะไปเตะเพลย์ออฟเพื่อหาทีมไปเล่น ฟุตบอลยูโรปาลีก ในฤดูกาลถัดไป
โดยกติกาของฟุตบอลจูปิแลร์ โปรลีก เพลย์ออฟ 1 (Championship Round Playoff) อันดับ 1 ถึง 4 แข่งขันรอบชิงแชมป์ ในรอบนี้จะนำแต้มของทุกทีมในช่วงฤดูกาลปกติมาแข่งต่อ เป็นคะแนนตั้งต้น แต่จะถูกนำมาหารสอง แต่ในกรณีที่แต้มเป็นเลขคี่ จะนำมาหารสองแล้วปัดขึ้น เช่น แต้มของ คลับ บรูจ ในช่วงฤดูกาลปกติ มี 59 แต้ม พวกเขาจะมีคะแนนตั้งต้นก่อนแข่งรอบนี้ที่ 30 คะแนน (59 หาร 2 เท่ากับ 29.5 ปัดขึ้นเท่ากับ 30) ทั้ง 4 ทีม (ทีมที่ได้ อันดับ 1-4 ในฤดูกาลปกติ) จะแข่งขันกันใหม่อีกครั้ง แบบเหย้า-เยือนพบกันหมด (ดังนั้นก็จะแข่งทีมละ 6 นัด)
และเมื่อได้ผลการแข่งขันแล้ว อันดับ 1 จะได้แชมป์ไปครองพร้อมโควตาไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนอันดับ 2 ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือกรอบที่ 3 ขณะที่อันดับ 3-4 จะได้ไปเล่น ยูโรปา ลีก รอบคัดเลือกรอบที่ 3
