โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

อาถรรพ์! หนังสือบุดตำรายันต์โบราณ "เจ้าพระยานครน้อย" ใครครอบครอง ใจรุ่มร้อนอยู่ไม่เป็นสุข

new18

เผยแพร่ 09 ส.ค. 2563 เวลา 04.45 น. • new18
อาถรรพ์! หนังสือบุดตำรายันต์โบราณ

เปิดตำนานหนังสือบุดตำรายันต์โบราณ “เจ้าพระยานครน้อย” หลังวายร้ายเจออาถรรพ์จิตใจรุ่มร้อนอยู่ไม่เป็นสุขก่อนถูกรวบตัวรอบ 2 เตรียมเสนอสภา ม.ราชภัฏแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและเก็บรักษา

จากกรณีที่ ผศ.ดร.ฆนัท ธาตุทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ได้ตรวจพบว่า มีขบวนการโจรกรรมหนังสือบุดสมุดข่อยโบราณไปจากศูนย์ศิลปวัฒนธรรมภาคใต้ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ไปประกาศขายผ่านทางออนไลน์ จึงให้เจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อสอบสวนสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ในขณะที่คณะสงฆ์ นักวิชาการอิสระ ได้เปิดศูนย์ขอรับบิณฑบาตคืนหนังสือบุดสมุดข่อยขึ้นที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยมีผู้ที่ซื้อหนังสือบุดสมุดข่อยส่งคืนจำนวนมาก ในขณะที่ตำรวจรวบรวมสำนวนเสนอศาลออกหมายจับคนร้าย 2 คนก่อนติดตามจับกุม เอาไว้ได้ทั้ง 2 คน และล่าสุดตำรวจและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงความคืบหน้าในคดีโดยผู้ที่ครอบครองส่งหนังสือบุดโบราณคืนล็อตที่ 3 คาดว่าจนถึงขณะนี้ได้ของกลางที่ถูกโจรกรรมไปคืนแล้วกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

วันที่ 9 ส.ค. ความคืบหน้าหลังจากที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันเปิดกล่องพัสดุจำนวน 12 กล่อง ที่ผู้ครอบครองหนังสือบุดที่ถูกโจรกรรมไปคืน และตำรวจติดตามตรวจยึดคืนจากผู้ต้องหาทำให้หนังสือบุดที่ระบุว่าถูกโจรกรรมไป 309 เล่มได้คืนกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ มีดดาบอีก 8 เล่ม ซึ่งจะมีการขนของกลางทั้งหมดจากห้องเก็บใน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชไปเก็บรักษาและตรวจสอบอย่างละเอียดที่ห้องที่จัดเตรียมไว้ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. 2563 เป็นต้นไปโดยคณะกรรม 4 ฝ่ายประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธารรมราช หอสมุดแห่งชาตินครศรีธรรมราชและศูนย์ขอรับบิณฑบาตคืนหนังสือบุด ฯร่วมกันรับผิดชอบดูแล และจะเร่งตรวจสอบและคัดแยกให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน

ทางด้าน ดร.สมปอง รักษาธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ได้ปรับปรุงห้องเก็บรักษาหนังสือบุดของกลางโดยมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดีเยี่ยม ตั้งแต่การติดระบบไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด เปลี่ยนกุญแจห้องใหม่ทุกดอก จัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอดเวลา และอยู่ระหว่างการให้ช่างมาติดตั้งเหล็กดัดเพื่อความแข็งแรงและป้องกันการโจรกรรมอีกชั้นหนึ่ง ในขณะนี้สถานที่เก็บหนังสือบุดของกลางจึงมีความพร้อมอย่างมาก รวมทั้งสถานที่ตรวจสอบและคัดแยกหนังสือบุดก็จะใช้ห้องโถงใหญ่ที่อยู่ติดกับห้องจัดเก็บซึ่งมีความสะดวกปลอดภัยสูงเช่นกัน
สำหรับตัวเลขหนังสือบุดที่ถูกโจกรรม ม.ราชภัฎยืนยันอยู่ที่ 309 เล่ม/ชุด โดยที่มีผู้ส่งคืนล็อตแรก เป็นของกลางที่ถูกโจรกรรมไปจำนวน 143 เล่ม ครั้งแรก 32 เล่ม/ชุด ครั้งที่ 2 จำนวน 51 เล่มรวม 2 ครั้งเป็น 83 เล่ม/ชุด ในจำนวน 83 เล่มรวมมีดพาบโบราณ 5 เล่มอยู่ด้วย จึงเหลือเป็นเอกสารหนังสือบุดแค่ 78 เล่ม/ชุด ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้งรวมทั้งในล็อตที่ 3 ที่เพิ่งได้รับและเปิดกล่องพัสดุเมื่อวานนี้ และเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญทาง ม.ราชภัฎจึงจะจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเป็นพิเศษ 1 ชุด ประกอบกด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากทุกภาคส่วนทั้ง ม.ราชภัฎ คณะสงฆ์ และนักวิชาการอิสระ โดยมีพระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร เจ้าคณะภาค 16 ,17 , 18 และประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เป็นประธานที่ปรึกษา รวมคณะกรรมการ 17-18 ท่าน ซึ่ง ม.ราชภัฎนครศรีธรรมราช จะนำรายชื่อคณะกรรมการทั้งหมดเสนอให้สภามหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราชพิจารณาอนุมัติอย่างเป็นทางการต่อไป

ในขณะที่ พ.ต.ท.จริญ ขาวเอี่ยม รอง สว.(สอบสวน) กล่าวว่า จากการสอบสวนนายฐิติพงษ์ หรือโจ ศิริเวช 1 ใน 2 ผู้ต้องหาที่ตำรวจจับกุมได้จนสามารถขยายผลติดตามหนังสือบุดสำคัญเกี่ยวกับตำรายันต์โบราณที่คาดว่าเป็นของเจ้าพระยานคร (น้อย) อดีตเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชมาได้นั้น หลังจากที่ตำรวจเค้นสอบสวนนายฐิติพงษ์ หรือโจ อย่างหนักจนรับสารภาพว่า หนังสือบุดตำรายันต์โบราณได้โยนทิ้งในคูน้ำ ริมถนนท่าช้าง ก่อนหลบหนีไป จ.ระยอง ซึ่งในระหว่างที่หลบหนีนายฐิติพงษ์ หรือโจ ผู้ต้องหาอ้างว่าเหมือนมีสิ่งเร้นบลับบ้างอย่างมากดดันจนอยู่ไม่เป็นสุข ร้อนใจ เครียดอย่างหนัก จนนอนไม่หลับและคิดหาวิธีการว่าจะแจ้งตำรวจหรือผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างไรดีเรื่องที่ตนโยนหนังสือบุดทิ้งในคูน้ำริมถนนท่าช้าง จนกระทั่งถูกตำรวจกองปราบตามจับกุมตัวได้ที่ จ.ระยอง
“ในตอนที่ตำรวจไปตามหาหนังสือบุดตำรายันต์เจ้าพระยานคร (น้อย) เล่มนี้คืนในจุดที่นายฐิติพงษ์ รับสารภาพว่าโยนทิ้งริมถนนนั้นพบว่าจุดที่โยนทิ้งริมถนนเป็นจุดที่มีถังขยะวางอยู่ 2 ใบ และมีพงหญ้าขึ้นรกพอสมควร ส่วนด้านล่างเป็นคูน้ำ หากมีการโยนทิ้งวัสดุสิ่งของโดยทั่ว ๆ ไป น่าจะวางอยู่บนพื้นหรือในพงหญ้า เป็นไปได้ยากมากที่จะหล่นลงไปในคูน้ำซึ่งอยู่ด้านล่างสุด แต่หนังสือบุดเล่มนี้กลับหล่นลงไปในท่อระบายน้ำได้อย่างไร และหากไม่หล่นลงในคูน้ำเชื่อว่าจะต้องมีคนพบเก็บไปก่อนแล้ว เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็แปลกใจที่ไปพบหนังสือบุดเล่มนี้ที่ห่อผ้าหล่นลงไปอยู่ในคูน้ำได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนหน้านี้จึงไม่มีใครพบ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์หรือมีอะไรบางอย่างทำให้ห่อหนังสือบุดโบราณหล่นลงไปในคูน้ำราวปาฏิหาริย์เพื่อไม่ให้ผู้ใดมาพบเห็น จนเมื่อตำรวจจับกุมนายฐิติพงษ์ หรือโจ ผู้ต้องหาได้ เค้นสอบสวนจนรับสารภาพนำตัวมาตรวจค้นจนพบตกลงไปในคูน้ำดังกล่าว”

นายแพทย์บัญชา พงษ์พาณิช ผู้ประสานงานจัดตั้งศูนย์ขอรับบริจาคคืนหนังสือบุด ฯกล่าวว่า หลังจากจัดตั้งศูนย์ ฯปรากฏว่ามีผู้ที่ซื้อหนังสือที่ประกาศขายทางออนไลน์ส่งหนังสือคืนมา 3 ล็อต และพบว่าที่ส่งคืนมานั้นมีทั้งของที่ถูกโจรกรรมไปจากมหาวิทยาลัยราชภัฎและหนังสือบุดสมุดข่อยโบราณอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีถูกส่งมาพร้อมกันด้วยจำนวนมาก นับว่าได้คืนมาเกินความคาดหมายที่วางไว้เป็นอย่างมาก ทำให้ทราบว่าในประเทศไทยมีบุคคลที่รู้ถึงความสำคัญและคณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมอยู่เป็นจำนวนมาก เขาซื้อไปเก็บไว้เพราะรู้คุณค่า มรดกของแผ่นดิน ไม่อยากให้สูญหายไปจากสังคมไทยแม้เขายอมส่งคืนทั้ง ๆ ที่ใช้เงินนับแสนนับล้านซื้อไปก็ตาม

พระครูพรหมเขตคณารักษ์ เจ้าอาวาสวัดวงตะวันตก หนึ่งในพระสังฆาธิการที่ร่วมเปิดศูนย์ขอบิณฑบาตหนังสือบุดสมุดข่อยโบราณ กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบมีความเป็นไปได้สูงมากที่หนังสือบุดตำรายันต์โบราณดังกล่าวจะเป็นของเจ้าพระบานครน้อย อดีตเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าและเป็นหลักฐานทางวิชาการชิ้นสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทยในช่วงตั้งแต่สมเด็จพระเจ้าตากสิน จนถึงรัฐกาลที่ 3 เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงต้นรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 1- 3 ที่บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน ความสำเร็จในการจัดตั้งศูนย์ขอบิณฑบาตคืนหนังสือบุดถือว่าสำเร็จเกินความคาดหมาย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจาก “พุทธบารมี” ที่ทำให้การร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่ายจนได้หนังสือบุดสมุดข่อยโบราณเมืองนครศรีธรรมราชกลับคืนมาจำนวนมากเกินความคาดหมาย มันเกิดขึ้นจากพุทธบารมีที่ดลจิตดลใจให้ทุกคนร่วมกันทำงานอย่างเสียสละ อดทน รวมทั้งผู้ที่ครอบครองแม้จะใช้เงินสูงมากในการซื้อหนังสือบุดไปจากโลกออนไลน์เขาก็ยังเต็มใจ และตั้งใจส่งคืนเพราะเขาเองก็รู้คุณค่ามรดกแผ่นดินเช่นกัน ผู้ที่ส่งคืนถือว่าทุกคนได้ร่วมกันสร้างบุญกุศลครั้งใหญ่ในการร่วมกันปกป้องรักษาไว้ซึ่งมรดกแผ่นดิน
“นี่คือเรื่องราวของ “พุทธบารมี” ที่มีอยู่และส่งผลให้เกิดและสัมผัสได้จริงบนแผ่นดินเมืองนครศรีธรรมราช แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ อาตมาเชื่อว่าหนังสือบุดที่ถูกโจรกรรมไปที่เหลือไม่ว่าจะอยู่ในความครอบครองของผู้ใดเขาจะต้องส่งคืนให้กับเมืองนครศรีธรรมราชอย่างแน่นอน เพราะหากไม่ยอมคืนจะเจอกับอาถรรพ์เร้นลับบ้างอย่างทำให้ตนเองและครอบครัวเดือดร้อนอยู่ไม่มีความสุขแน่” พระครูพรหมเขตคณารักษ์ กล่าวย้ำ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0