อัยการแถลงวันนี้ ผลสอบไม่ส่งฟ้องคดี ‘บอส’ ขับเฟอร์รารี่ชน ด.ต.ดับ ‘วิชา’ ตั้งอนุกรรมการ 4 ชุดลุยตรวจสอบ นายกฯแย้มศึกษาหาช่องรื้อฟื้นคดีใหม่
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ขับรถเฟอร์รารี่ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อปี 2555 ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่ได้มีความเห็นแย้งคำสั่งของอัยการ สร้างความเคลือบแคลงให้กับสังคม ทำให้หลายหน่วยงานต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง การใช้ดุลพินิจข้าราชการตำรวจที่มีความเห็นไม่แย้งคำสั่งพนักงานอัยการกรณีสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่า ต้องขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะไม่ได้ตรวจสอบจากสำนวน แต่เป็นเรื่องการสืบสวนสอบสวน ต้องไปไล่ตามหาความจริงด้วย โดยวันนี้จะเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานกฎหมายและคดีที่เป็นผู้รับสำนวนมาจากพนักอัยการ เข้ามาให้ข้อมูลว่ารับเอกสารมาแล้วมีขั้นตอนดำเนินการอย่างไร และพิจารณาเรื่องผลการตรวจเลือดของนายวรยุทธ และภายในสัปดาห์นี้คณะกรรมการจะเรียก พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้ามาให้ข้อมูลกรณีการใช้ดุลพินิจไม่เห็นแย้งอัยการ
ต่อมา เวลา 12.00 น. ภายหลังการประชุม พล.ต.ท.จารุวัฒน์กล่าวว่า จากการชี้แจงของเจ้าหน้าที่สำนักงานกฎหมายและคดี ตั้งแต่ขั้นตอนการรับความเห็นทางคดีมาจากอัยการ การตรวจสอบข้อเท็จจริง และการประมวลผลตรวจสอบ ก่อนเสนอต่อ พล.ต.ท.เพิ่มพูน กระทั่งมีความเห็นทางคดีสั่งไม่แย้งอัยการ พบว่า คณะทำงานดังกล่าวได้ใช้เวลาพิจารณาสำนวนและความเห็นไม่ฟ้องนานกว่า 4 เดือน โดยมีการหยิบยกมาพิจารณาซ้ำหลายครั้ง ก่อนจะมีความเห็นทางคดีเห็นพ้องกับอัยการและสั่งไม่แย้ง ยืนยันว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ใช่เสือกระดาษ ที่ไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ แต่ต้องขอให้อดใจรอ เพราะเป็นการตรวจสอบย้อนหลังไปถึง 8 ปี เพื่อแสวงหาผู้บกพร่องในการทำหน้าที่ และหากพบว่าใครที่บกพร่องต่อหน้าที่ก็พร้อมเสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พิจารณาลงโทษแน่นอน
อัยการเตรียมแถลงผลสรุป
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะทำงานตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบว่า ขณะนี้คณะทำงานกำลังประชุมกันอยู่ เพื่อสรุปภาพรวมทั้งหมดและนำผลการพิจารณาเสนออัยการสูงสุด โดยในวันที่ 4 สิงหาคม คณะทำงานจะแถลงผลการตรวจสอบในนามของสำนักงานอัยการสูงสุดให้สื่อมวลชนและประชาชนรับทราบทั้งหมด
รายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางของคณะทำงานอัยการกรณีดังกล่าว ภายหลังการแถลงผลตรวจสอบแล้ว จะเสนออัยการสูงสุด (อสส.) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการใช้ดุลพินิจของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ที่กลับคำสั่งเป็นไม่ฟ้องผู้ต้องหา เป็นไปโดยละเอียดรอบคอบและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่หากผลสอบออกมาว่าส่อที่จะสั่งคดีโดยมิชอบ ก็จะถูกนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เพื่อพิจารณาสั่งสอบวินัยต่อไป และหากสอบต่อไปแล้วพบว่า การสั่งคดีมีมูลว่ามีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อไป
บิ๊กตู่แย้มศึกษาหาช่องรื้อคดี
ที่โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงระยะที่ 2 ถนนประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารพักอาศัยโครงการฟื้นฟูเมืองฯ ให้สัมภาษณ์การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน ซึ่งมีการประชุมครั้งแรกในวันนี้ ว่า คงไม่ไปก้าวล่วงอะไร เพราะอยู่อำนาจบริหาร หากเสนออะไรขึ้นมาและอยู่ในกรอบที่ทำได้ก็จะทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นักวิชาการเสนอให้นายกฯใช้อำนาจรื้อคดีจะทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวยอมรับว่า กำลังให้ศึกษาอยู่ คณะกรรมการดูอยู่ว่าตนสามารถรื้อได้หรือไม่ วันนี้อยู่ในขั้นตอนการทำให้เกิดข้อเท็จจริงและดูว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
วิชาตั้ง4คณะทำงานสางคดีบอส
นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายฯ กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ว่า ที่ประชุมได้ตั้งคณะทำงานขึ้น 4 ชุด ได้แก่ 1.คณะทำงานตรวจสอบอัยการ มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน เพราะเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านกฎหมาย 2.คณะทำงานการตรวจสอบตำรวจ มีนายเข็มชัย ชุติวงศ์ เป็นประธาน เพราะเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านกระบวนการยุติธรรม 3.คณะทำงานตรวจสอบบุคคลทั่วไป มีนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน โดยคณะทำงานชุดนี้จะต้องตรวจสอบพยาน บุคคลที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ จะขอผลการประชุม กมธ.กฎหมาย สนช.มาดูทั้งหมด และ 4.คณะทำงานตรวจสอบด้านกฎหมาย มีนายปกรณ์ นิลประพันธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นประธาน
นายวิชากล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีคณะทำงานที่มีหน้าที่รวบรวมสรรพเอกสาร ทั้งตัวเอกสารหรือสิ่งที่ได้จากโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ คลิป หรือข้อคิดเห็นจากประชาชนต่างๆ จะเปิดช่องทางให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ถือเป็นการให้ประชาชนมีส่วนร่วม ดังนั้น ถ้าใครต้องการส่งเอกสาร หลักฐาน หรือจะให้ข้อมูลใดๆ สามารถติดต่อมาได้ที่ตน หรือช่องทางที่กำลังจะเปิดเพื่อรับข้อมูล โดยคณะกรรมการจะประชุมกันสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เนื่องจากมีความเร่งรัดอย่างมากเพื่อให้เสร็จสิ้นได้ใน 30 วัน โดยคณะกรรมการจะประชุมครั้งต่อไปในเวลา 10.00 น.วันที่ 5 สิงหาคม
เรียกดูทุกสำนวนของตร.-อัยการ
นายวิชากล่าวว่า จะมีการขอสำนวนหลักฐานต่างๆ จากอัยการ โดยเฉพาะผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงานตรวจสอบพิจารณาคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ของอัยการที่จะได้ข้อสรุปในวันที่ 4 สิงหาคม โดยคณะกรรมการจะเชิญฝ่ายเลขานุการของคณะทำงานตรวจสอบของอัยการมาให้ข้อมูลด้วย ถือเป็นเรื่องดี เพราะคณะกรรมการชุดนี้จะได้ทุ่นเวลา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยึดตามนั้นไปตลอด เพราะถ้าข้อมูลมีเพิ่มเติมอะไรจะพิจารณากันอีกที รวมไปถึงสำนวนของตำรวจที่ สน.ทองหล่อ ทำมาตั้งแต่ต้น และสำนวนของอัยการที่ทำส่งไปยังศาลอาญากรุงเทพใต้ด้วย เพราะทุกสำนวนจะต้องส่งมาให้คณะกรรมการทั้งหมด รวมไปถึงประเด็นการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง พยานในคดีของนายวรยุทธ ไม่ว่ามีข้อสงสัยอะไรต้องเอามาดูให้หมด แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานผลการชันสูตรศพของนายจารุชาติ ต้องรอรายงานจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และกองบังคับการปราบปราม
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเชิญนายตัวนายวรยุทธมาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ นายวิชากล่าวว่า ได้มอบหมายให้คณะทำงานชุดที่มีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานไปแล้ว คณะทำงานชุดนี้จะเป็นผู้พิจารณาอีกทีว่าจะเชิญบุคคลใดบ้าง ดังนั้น จะต้องดูว่าควรเชิญนายวรยุทธหรือไม่ เมื่อถามว่าหากอัยการสั่งไม่ฟ้องแล้ว จะมีช่องทางทำให้เป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า เรื่องนี้ต้องศึกษาก่อน ในวันที่ 5 สิงหาคม คณะกรรมการจะคุยกันในเรื่องข้อกฎหมายอย่างละเอียด เพราะเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับมอบหมายไปแล้ว
เมื่อถามว่านายกฯมีอำนาจที่จะสั่งให้ตำรวจไปทบทวนความเห็นที่ไม่คัดค้านกรณีอัยการไม่สั่งฟ้องได้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ต้องดูว่าหากเสนอแล้วต้องเป็นไปได้ คือถ้าเสนอแล้วยังกั๊กอยู่ ติดอยู่ ก็ไม่เอา ย้ำว่าเสนอแล้วต้องเป็นไปได้ สิ่งที่เสนอจะต้องเป็นความแน่นอน จะต้องปรึกษากันอีกที
