ช่วงนี้เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินข่าวคนวิกลจริต หรือคนจิตไม่ปกติ ทำร้ายคนทั่วไปหนาหูมากขึ้น ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หากเป็นคิวเรา เราจะทำอย่างไร เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครบ้าหรือไม่บ้า ปกติหรือไม่ปกติ มีวิธีการดูอย่างไรได้บ้าง ก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อ ..
นพ.ศรุตพันธุ์ จักรพันธุ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เปิดเผยว่า อาการทางจิตเวชมักมีอาการสะสมมาเรื่อยๆ ต้องใช้เวลานานพอสมควรก่อนที่จะเริ่มมีพฤติกรรมมาทำร้ายผู้อื่น การที่ผู้ป่วยทางจิตจะทำร้ายร่างกายผู้อื่นมักเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีอะไรบางอย่างมากระตุ้น เช่น ลักษณะรูปร่างหน้าตาคล้ายกับคนที่เคยไปทำร้ายเขา จากสถิติผู้ป่วยทางจิตทำร้ายคนปกติใน 1 ปี มีไม่ถึง 100 ครั้ง ซึ่งพบว่ามีจำนวนน้อยกว่าคนปกติทำร้ายกันเอง หรือไปทำร้ายผู้ป่วยทางจิตเสียอีก โดยทั่วไปผู้ป่วยทางจิตจะหอบข้าวของพะรุงพะรัง พูดคนเดียว หัวเราะคนเดียว แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด จะเริ่มหันซ้ายหันขวา ลุกลี้ลุกลน หากหันมาจ้องหน้าเรานานๆ ต้องเดินหนีหลีกเลี่ยงทันที อย่าเข้าใกล้ และแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที แต่ถ้านั่งอยู่แล้วจู่ๆลุกขึ้นมาชกต่อยก็คงระวังยาก
ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต ระบุว่า คนที่มีอาการทางจิตที่เร่ร่อนตามท้องถนน มีจำนวนเพียงร้อยละ 30 ของจำนวนผู้เร่ร่อนทั้งหมดเท่านั้น หากประชาชนพบเห็นคนเร่ร่อนแต่ไม่แน่ใจว่ามีปัญหาสุขภาพจิต สามารถแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือกรมการปกครองในพื้นที่ดังกล่าว ให้นำบุคคลที่มีอาการทางประสาทส่งสถานพยาบาลได้ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ.2551 พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ.2551 ระเบียบคณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติ ว่าด้วยการส่งตัวบุคคลเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบื้องต้นในกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2551 หรือแจ้งโดยตรงไปยังกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หรือศูนย์ประชาบดี โทร.1300 เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาทำการตรวจสอบสุขภาพจิตได้ หากพบว่าเป็นคนเร่ร่อนปกติ ก็จะเข้าไปอยู่ในความดูแลของ พม. แต่หากเป็นบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพจิต ก็จะนำตัวส่งโรงพยาบาลจิตเวชต่อไป
