เมื่อวันที่ 3 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี รายงานว่าหลังจากที่ หมอปลา เดินทางมาที่หมู่บ้านกกกอก เพื่อมาเยี่ยมลุงพล ทีมข่าวได้เดินทางไปหาพ่อแม่น้องชมพู่เหมือนทุกวัน แต่ปรากฏว่าไปเจอป้ายข้อความเขียนไว้หน้าบ้านตัวขนาดใหญ่ เขียนบนหลังแผ่นกรอบรูป ตัวอักษรสีแดง เขียนว่า “บ้านนี้ไม่ต้อนรับหมอปลา”
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
และไม่เพียงแต่ที่บ้านพ่อแม่น้องชมพู่เท่านั้น ปรากฎว่าที่บ้านน้าเสริม-น้าต่าย ยังมีป้ายข้อความ “บ้านนี้ไม่ต้อนรับหมอปลา” พร้อมกับรูปปลา ซึ่งเขียนด้วยอักษรสีแดง บนแผ่นป้าย ติดเอาไว้ใต้ต้นมะม่วงจุดที่ชมพู่หาย
ส่วนบ้านตาชาญ-ยายสมควร ก็ติดป้ายไม่ต้อนรับหมอปลาเช่นกัน “บ้านนี้ไม่ต้อนรับหมอปลา” โดยเขียนติดเอาไว้ที่เสาบ้าน ตอกตะปูติดเอาไว้ เขียนด้วยข้อความสีแดง
อย่างไรก็ตาม เมื่อนำลายมือมาวิเคราะห์ปรากฏว่ามีลักษณะลายมือที่คล้ายกัน และเป็นการประกาศชัดเจนว่า ไม่อนุญาตให้หมอปลา เข้ามาเหยียบบ้านทั้ง 3 หลังดังกล่าว
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี รายงานว่าบริเวณหน้าบ้านของพ่อแม่น้องชมพู่, บ้านน้าเสริมน้าต่าย และบ้านตายายของน้องชมพู่ ได้ติดป้าย "บ้านนี้ไม่ต้อนรับหมอปลา" และวันนี้ก็ไม่มีใครอยู่บ้าน ซึ่งนายอนามัย วงศ์ศรีชา และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา ได้ขี่มอเตอร์ไซค์เดินทาง 21 กิโลเมตร หมู่บ้านมะนาว อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เพื่อไปดูสวนและไร่มันที่ปลูกไว้
ทีมข่าวได้สอบถามกรณีติดป้ายหน้าบ้านและไม่ต้อนรับหมอปลา นางสาวิตรี ให้ข้อมูลว่า "บ้านกกกอกก็คือบ้านกกกอก ไม่อยากให้ใครมาดูถูกหมู่บ้านว่าเป็นบ้านกลับกลอก ถ้าคนที่จะมาเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านในทางไม่ดี เราไม่ก็อยากต้อนรับ"
จากนั้นหมอปลานำอาหารมอบให้ป้าแต๋น ลุงพล โดยมีการตักกล้วยบวชชีให้ 1 คำ ซึ่งก็ลวกปากลุงพลไป 1 ที และนำสะตอ 3 เม็ด ป้อนให้ลุงพล ป้าแต๋น ซึ่ง 3 เม็ดเปรียบเสมือน 3 ก๊ก มันมีจอมวางแผน ใครที่คิดวางแผน ใส่ร้าย คือสะตอ ก็ให้ถูกกลืนกินไป จากนั้นลุงพล ป้าแต๋น และพ่อแม่ลุงพล ก็ได้รับประทานอาหารพร้อมกัน หมอปลาได้ตักกล้วยบวชชีแจกให้กับประชาชนจำนวนมาก
หลังจากแจกอาหารเสร็จ ลุงพลได้มีอาการเหนื่อยมาก มานอนพักอยู่ในกองเฟอร์นิเจอร์ โดยมีอาการเพลียจนหมอปลาต้องมาปลุกให้ไปไหว้ผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้าน โดยจะนำกล้วยบวชชีไปมอบให้
ลุงพลและหมอปลาเดินเท้าไปยังบ้าน นางอุ่น อวนวัง ซึ่งเข้าไปทักทายและพูดคุยด้วยถึงเจตนาของหมอปลาที่มีการแนะนำให้บุงพลปักธูปกลับหัวว่าไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี หรือลบหลู่ อยากให้ยายอุ่นสบายใจ และป้อนกล้วยบวชชี จากนั้นมีการกราบยายอุ่นก่อนกลับ
จากนั้นก็มีคนที่ปฏิบัติธรรม จาก จ.อุบลราชธานี ซึ่งขอคุยเป็นการส่วนตัวกับหมอปลา แต่หมอปลาระบุว่าไม่ยอมคุย หากคุยต้องมีกล้องตั้งถ่าย จึงเกิดการปะทะกันระหว่าง 2 คน โดยฝ่ายผู้ปฏิบัติธรรม มาพูดเรื่องการปักธูปกลับหัวว่าเป็นการลบหลู่ จึงอยากให้หมอปลาไปขอขมาที่วัดภูผาแอก ทำให้มีการปะทะเมื่อผู้ปฏิบัติธรรมมีการท้าทายทำนองว่าหากไม่เชื่อ จะมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นอีก 3 เดือนข้างหน้า
จากนั้นหมอปลาไม่ได้สนใจอะไร เดินต่อไปยังบ้าน ยายกลม ปู่ฝ้าย แม่ของนางนลิน หรือแม่ถอน ซึ่งต้องเดินผ่านบ้านตาชาญ ซึ่งหมอปลาได้คุยกับทีมข่าวว่ายังไม่เห็นป้ายที่คนไม่ให้เข้าบ้าน โดยเพิ่งมาเห็น หมอปลาระบุว่าไม่ได้สนใจอะไร แต่หันกลับไปโน้มตัวเคารพให้กับป้าย จากนั้นก็เดินต่อ
หมอปลาเดินต่อไปคุยกับยายกลม โดยมีการพูดคุยเรื่องการปักธูปเช่นกัน โดยยายกลมระบุว่า ที่ผ่านมาไม่มีใครทำแบบนี้บนภูเหล็กไฟ ซึ่งหมอปลาก็ยืนยันเช่นนั้นว่าไม่ได้ลบหลู่ ขอให้สบายใจ จากนั้นหมอปลาเดินต่อไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้าน แต่ผู้ใหญ่บ้านไม่อยู่ จึงเลือกเดินทางกลับ โดยเข้าซอย 3 มาทะลุออกซอย 1 คือซอยบ้านชมพู่
จากนั้นหมอปลาได้เดินเข้าซอย 3 ผ่านสวนยางพารา เเล้วเดินผ่านหน้าบ้านน้องชมพู่ ซึ่งภายในบ้านมีอาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต นั่งรออยู่เพราะอยากเจอหมอปลา เเต่หมอปลาไม่ได้เข้าบ้านชมพู่ โดยบอกว่า "เราไม่ได้กลัว เเต่บ้านนี้เราไม่เข้า เพราะเขาไม่ต้อนรับเรา ถ้าเดินเข้าไปกลัวโดนเเจ้งจับข้อหาบุกรุก ถ้าใครอยากคุย ให้ไปเจอกันกลางถนน "
จากนั้นหมอปลาเดินกลับผ่านบ้านหน้าบ้านตาชาญ ระหว่างเดินก็ได้พูดคุยกับสื่อ โดยหมอปลากล่าวถึงการมาทำอาหาร สำหรับกล้วยบวชชี เหตุผลไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะคนส่วนใหญ่เกิดมาก็ต้องกินกล้วย เปรียบเหมือนกล้วยเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิตชีวาเเละสิ่งต่าง ๆ ในหมู่บ้าน ซี่งเมื่อลุงพลประสบปัญหา ดั่งพายุถาโถมเข้ามาในชีวิต ดังนั้นก็ให้ทุกอย่าง "กล้วย ๆ" สำหรับชีวิตลุงพล
เมื่อถามถึงกรณีที่ได้พูดคุยกับผู้เฒ่าผู้เเก่ในหมู่บ้าน หมอปลากล่าวว่า ตนได้อธิบาย ผู้เฒ่าผู้เเก่หลายคนก็เข้าใจ ว่าไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ความเชื่อ เพียงเเต่ทำตามสิ่งที่ได้ศึกษามา เเละไม่ได้สร้างความเสียหายให้ใคร ส่วนกรณีบางคนที่เเสดงความไม่พอใจ มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา "ไม่มีใครชอบเรา 100% เเล้วเเต่มุมมองของเขา" ส่วนกรณีมีการติดป้ายไม่ต้อนรับ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามถึง กรณีหญิงรายหนึ่ง ที่มีปากเสียงกับหมอปลาที่บ้านยายอุ่น หมอปลากล่าวว่า "เราเจอคนขาดยา ต้องรับยาเกี่ยวกับความคิดตัวเอง อย่าให้ราคากับคนเเบบนี้"
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป หมอปลากล่าวว่า เบื้องต้นคืนนี้จะนอนที่บ้านลุงพล 1 คืน เเล้วพรุ่งนี้จะทำขนมจีนน้ำยา เเละเเกงไก่ เมื่อถามว่าจะกลับมาหมู่บ้านกกกอกอีกหรือไม่ หมอปลากล่าวว่า ตราบใดที่ลุงพลยังอยู่ ตนก็จะกลับมาอีก ส่วนครั้งหน้าจะมีกิจกรรมอะไรอีกนั้น ขอเก็บไว้ก่อน
นอกจากนี้หมอปลายังกล่าวกับลุงพลว่า "ลุงพลเป็นผู้ต้องสงสัยคนเดียวในประเทศไทย ที่ใครอยากรู้หรืออยากสัมภาษณ์เรื่องอะไร ก็พร้อมให้ความร่วมมือตลอด เเบบนี้หรือที่เขาเรียกว่าผู้ต้องสงสัย คุณเป็นผู้ต้องสงสัยที่บ้าจริง ๆ เเต่คนที่สงสัยลุงพล ไม่สงสัยตัวเองบ้างเลยหรือ ใครถามอะไรก็พูดไม่ได้ พูดกับนักข่าวไม่ได้ ขอถามกลับว่าถ้าเราพูดความจริง จะกลัวอะไร"
พ่อแม่ของลุงพลได้เดินทางมาจากอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เดินทางมาเยี่ยมลุงพล โดยลุงพลได้เข้าไปสวมกอดพ่อแม่ ซึ่งทำให้ลุงพลถึงกับร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ ซึ่งพ่อแม่ของลุงพล ได้ผูกฝ้ายรับขวัญให้กับลุงพลและป้าแต๋น ท่ามกลางชาวบ้านที่มาให้กำลังใจและเฝ้ามอง และมาผูกฝ้ายให้ลุงพลและป้าแต๋นเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ลุงพล ได้มอบลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว (92) ให้กับพ่อแม่ 1 ใบ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับพ่อแม่ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม