คอลัมน์ Marketthink โดย สรกล อดุลยานนท์
ตอนที่ฟังคณะกรรมการที่อัยการสูงสุดตั้งขึ้นมาแถลงข่าวเรื่องคดี “บอส อยู่วิทยา” พร้อมกับเสนอให้รื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมาใหม่ ทั้งที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง และตำรวจเห็นชอบแล้วก็ตาม
เหตุผลที่รื้อฟื้นคดีได้ เพราะความเห็นของอาจารย์ฟิสิกส์เรื่องความเร็วของรถไม่ได้อยู่ในสำนวน ถือเป็น “พยานหลักฐานใหม่” รื้อคดีได้ หรือเรื่องกรณีผลตรวจเรื่อง “โคเคน” ก็เช่นกัน
ตอนที่ฟังคำแถลงของคณะกรรมการชุดนี้ ผมนึกถึงคำพูดของเพื่อนคนหนึ่งเรื่อง “เหตุผล”
เขาบอกว่าตามปกติ “เหตุ” ต้องมาก่อน “ผล” แต่บางเรื่อง “ผล” จะมาก่อน “เหตุ” อยากได้ “ผล” แบบไหน เดี๋ยวหา “เหตุ” มารับรอง
เหมือนคดีนี้ เมื่อกระแสสังคมรับไม่ได้กับการสั่งไม่ฟ้อง อยากให้รื้อคดีใหม่ ไม่มีปัญหา
ยิ่งศึกษาคดีเรื่อง “บอส” มากเท่าไร กระบวนการยุติธรรมไทยก็ถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อย ๆ
พอเจอเรื่องการยิงกันตายในบ่อนพระราม 3 มี “ตำรวจ” เสียชีวิตในบ่อนด้วย ความเชื่อถือยิ่งลดต่ำลง
โดยเฉพาะเมื่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแถลงว่าไม่แน่ใจว่าเป็น “บ่อน” หรือเปล่า เพราะมีแค่โต๊ะเดียว โต๊ะและอุปกรณ์การพนันก็หายไปหมด
ตำรวจก็ไปถึงสถานที่เกิดเหตุช้ามาก ทั้งที่ห่างจากบ่อนแค่ไม่กี่กิโลเมตร กล้องวงจรปิดในบ่อนก็ไม่มีด้วย
เนื้อหาที่แถลงออกมาเหมือนกับคนไทยกินหญ้า คนระดับ ผบช.น. ดูสถานที่เกิดเหตุ จะไม่รู้เลยหรือว่าเป็น “บ่อน” หรือไม่ ไม่รู้เลยหรือว่าทุกบ่อนจะมี “วงจรปิด” เต็มไปหมด เพื่อป้องกันการโกง
ต้องยอมรับว่าความน่าเชื่อถือของสถาบันตำรวจตอนนี้ตกต่ำมากครับ และบังเอิญคนที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เขาต้องรับผิดชอบเต็ม ๆ
สถานการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ตอนนี้หนักมาก เพราะแต่ละเรื่องที่ รุมเร้าเข้ามาทำให้ “ความเชื่อมั่น” ในตัวรัฐบาลลดต่ำลง ทั้งเรื่องการเมืองและบ้านเมือง
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ กลุ่มคนที่ไม่พอใจในแต่ละเรื่อง บางทีก็เป็นคนละกลุ่ม คนที่ไม่พอใจกรณี “บอส” กับ “บ่อน” ก็เป็นกลุ่มหนึ่ง
แต่คนที่ไม่พอใจรัฐบาลอยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภา คือ นักเรียน-นักศึกษา เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง กลุ่มนี้สนใจเรื่อง “บอส-บ่อน” น้อยมาก แต่สนใจเรื่องการเมืองมากกว่า
หรือกลุ่มนักธุรกิจที่ไม่พอใจการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลก็อีกกลุ่มหนึ่ง พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่ขายของไม่ได้ก็อีกกลุ่มหนึ่ง แรงงานที่ตกงานเพราะโรงงานโดนปิดก็อีกกลุ่มหนึ่ง
สถานการณ์แบบนี้น่ากลัวนะครับ ไม่พอใจคนละเรื่อง แต่เป้าหมายเดียวกัน คือ รัฐบาล เหมือน “เชื้อไฟ” กองเล็ก ๆ มารวมตัวกัน
แบบนี้เกิด “เชื้อไฟ” ขึ้นเมื่อไร ระวังว่าจะลุกลามจนดับไม่ทัน
นี่แค่เดือนสิงหาคมนะครับถ้าถึงเดือนตุลาคมที่เชื่อกันว่าเศรษฐกิจจะหนักกว่านี้หลายเท่า
จับอารมณ์ของสังคมดี ๆ นะครับ
