โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“KFGTECH-A”...โอกาสเติบโตไปกับ ‘หุ้นเทคฯ ทั่วโลก’ พื้นฐานสำคัญใน ‘ยุคดิจิทัล’ !!!

Wealthy Thai

อัพเดต 10 ส.ค. 2566 เวลา 01.15 น. • เผยแพร่ 24 ธ.ค. 2564 เวลา 09.19 น. • กฤษฎิ์ รัตนธีระธาดา

“หุ้นเทคโนโลยี” แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในธีมเมกะเทรนด์ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาจับจองและหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วแต่ดูกระแสจะไม่ได้แรงอะไรมาก
จนถึงในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ทำให้พฤติกรรมของผู้คนต้องเปลี่ยนแปลงมาสู่การใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันมากขึ้นที่เป็นดั่ง “ปัจจัยเร่ง” ให้เทคโนโลยีก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
ซึ่งราคาสินทรัพย์หรือราคาหุ้นก็ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี จนผลการดำเนินงานหรือผลตอบแทนอยู่ในระดับที่ต้นๆ ของตลาดในปีผ่านมา ก่อนที่จะย่อตัวลงมาบ้างในปีนี้ก็ตาม แต่ก็ยังเป็นธีมการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาวอยู่นั่นเอง
เพื่อเป็นการให้แนวทางกับผู้ที่สนใจ ทาง ‘Wealthy Thai’ จึงมีกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนเกี่ยวกับ “หุ้นเทคโนโลยี” ที่ได้ Morningstar 5 ดาว”มาแนะนำหรือมาแชร์ให้แก่ผู้อ่านในครั้งนี้กัน

KFGTECH-A” เติบโตตามหุ้นเทคฯ…โชว์ผลตอบแทนตั้งแต่ตั้งกองทุนกว่า 5 ปี 20.87% ต่อปี

การเข้ามามีบทบาทของ “เทคโนโลยี” ในวิถีชีวิตประจำวันของคนทั้งโลก ดูจะไม่ได้เพียงเป็นแค่เรื่อง “ชั่วคราว” ที่เกิดมาเป็นกระแสในช่วงวิกฤติ COVID-19แต่ประการใด
แต่ได้เข้ามาเป็น “กระแสหลัก” ในการใช้ชีวิตของคนในยุคดิจิทัลที่จะทวีบทบาทและความสำคัญมากขึ้น และในวันนี้ “โลกเทคโนโลยี” ได้แซกซึมเข้าไปอยู่ในทุกอณูของระบบเศรษฐกิจและสังคมไปเรียบร้อยแล้ว
“ลองดูของใช้ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนสิ่งที่อยู่รอบกายล้วนมีเทคโนโลยีเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทั้งนั้น ในท่ามกลางการเติบโตของโลยุคดิจิทัลนั้น ก็เป็นโอกาสของการลงทุนใน ‘หุ้นเคโนโลยี’ ที่พร้อมจะเติบโตไปในระยะยาวด้วยเช่นกัน”

โดยกองทุนที่เราพูดถึงในวันนี้มีชื่อว่า “กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเทคโนโลยีอิควิตี้-สะสมมูลค่า (KFGTECH-A)”ที่ผู้ลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนได้ผ่าน ‘บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด’ ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับ “มอร์นิ่งสตาร์ 5 ดาว” อีกด้วยเช่นกัน
สำหรับ ‘กอง KFGTECH-A’เป็นประเภทกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศหรือลงทุนในตราสารทุน(หุ้น) ต่างประเทศ ที่ได้จัดตั้งขึ้นในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 จนถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 17 ธันวาคม 2564) มีมูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่ 1,438,682,053 บาท และมีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ 20.70 บาทต่อหน่วย
ในส่วนของนโยบายการลงทุนของกองนั้นจะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนหลัก หรืแผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ ‘T. Rowe Price Funds SICAV - Global Technology Equity Fund (Class Q)’ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์
“ซึ่งนโยบายการลงทุนของกองทุนหลัก จะเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาหรือใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี โดยเน้นบริษัทที่เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีทั่วโลกซึ่งรวมถึงประเทศในตลาดเกิดใหม่ ภายใต้กลยุทธ์ในการบริหารแบบเชิงรุก (Active Management)”
ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. หากแบ่งตามสัดส่วนการลงทุนเป็นภูมิภาคที่กองทุนหลักลงทุน ประกอบด้วย
-อเมริกาเหนือ 79.6%
-เอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) 11.66%
-ยุโรป 5.09%
-ตะวันออกกลางและแอฟริกา 1.35%
-ลาตินอเมริกา 0.51%
และหากแบ่งรายประเทศ กองทุนหลักได้ให้น้ำหนักลงทุนประกอบไปด้วย
-สหรัฐฯ 73.35%
-แคนาดา 6.26%
-สิงคโปร์ 5.03%
-เนเธอร์แลนด์ 4.06%
-ไต้หวัน 3.78%

“ในแง่ของผลการดำเนินงานของ ‘KFGTECH-A’ ที่ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองมาถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 64) เฉลี่ยอยู่ที่ 20.87% ต่อปี ในขณะที่ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 26.73% ต่อปีส่วนความผันผวนของผลการดำเนินด้วยสินทรัพย์อย่างหุ้นที่มีความผันผวนสูง จึงทำให้เฉลี่ยอยู่ที่ 23.01% ต่อปี ในขณะที่ดัชนีชร้วัดอยู่ที่ 21.09% ต่อปีแต่อย่างไรก็ดีในช่วงเวลา 5 ปีกองทุนเคยมีผลขาดทุนสูงถึง -25.63%
ส่วนนักลงทุนที่สนใจกองทุนได้มีเงื่อนไขการลงทุนขั้นต่ำในครั้งแรกและครั้งถัดไปของกองทุนจะอยู่ที่ 500 บาท ในส่วนการขายคืนนั้นกองทุนมีมูลค่าขั้นต่ำของการขายคืน 500 บาทและยอดคงเหลือขั้นต่ำ 50 หน่วย แต่จะมีระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืนอยู่ที่ 4 วันทำการนับตั้งแต่วันทำการถัดจากวันทำการขายคืนหน่วยลงทุน
ทั้งนี้หากไม่พูดถึงช่องทางการซื้อขายกองทุนก็คงไม่ได้ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถทำได้ผ่านช่องทางออฟไลน์อย่าง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บลจ.กรุงศรี และตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืน หรือช่องทางออนไลน์ผ่าน ผ่านระบบ Online Service
“หุ้นเทคโนโลยีในปีนี้ อาจจะดูทรงไม่ดีเท่าไรนักในภาพรวม แต่ก็ถือเป็นการ ‘ปรับฐาน’ จากปีก่อนซึ่งปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรง ซึ่งถือเป็น ‘เรื่องปกติ’แต่หากดูจากปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้อุตสาหกรรมดังกล่าวมีบทบาทและความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์แพร่ระบาดจากไวรัส COVID-19 เราจึงปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มเทคโนโลยีในไม่ช้าก็เร็วจะเริ่มเห็นการเติบโตอย่างที่เคยเห็นมาก่อนและยังจะต่อเนื่องไปในระยะยาวด้วยเช่นกัน”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0