โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สอบท่อนํ้าเลี้ยงม็อบ ‘บิ๊กตู่’ข้องใจมีไอ้โม่งหนุนหลังนศ.-แห่แจ้งเอาผิดมธ.-หัวโจก

ไทยโพสต์

อัพเดต 13 ส.ค. 2563 เวลา 17.10 น. • เผยแพร่ 13 ส.ค. 2563 เวลา 17.01 น. • ไทยโพสต์

  “ประยุทธ์” ข้องใจมีไอ้โม่งอยู่เบื้องหลังม็อบนิสิต-นักศึกษา โดยเฉพาะท่อน้ำเลี้ยง ไม่แปลกใจ 105 คณาจารย์ลงชื่อหนุน ชี้เป็นพวกหน้าเดิม แต่ตอนนี้หมิ่นเหม่เกินไป “รัชดา” เผยลุงตู่บอกใน ครม.ไม่เคยมองเด็กเป็นศัตรู สารพัดกลุ่มแจ้งความเอาผิด “ผู้บริหาร มธ.-อานนท์ นำภา” เพนกวินปูดโดนคดี ม.112 แล้ว สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประชุมสรุป 4 ข้อซื้อเวลาหาข้อเท็จจริง “ปิยบุตร” โพสต์จดหมายเปิดผนึกแจง 10 ข้อเสนอไม่ได้ทำให้ไทยเปลี่ยนรูปแบบของรัฐ ชี้ยิ่งแบ่งแยกเด็กเป็นพวกชังชาติจะเป็นไฟลามทุ่ง

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ส.ค. ยังคงมีความต่อเนื่องจากการจัดกิจกรรม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” ภายในบริเวณลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีเมื่อวันที่ 10 ส.ค. รวมถึงการปั่นกระแสในโลกโซเชียล โดยเฉพาะบนทวิตเตอร์ซึ่งได้แห่ติดแฮชแท็กเซฟแกนนำผู้จัดกิจกรรมที่จะมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาจับกุม        โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในประเด็นนี้ว่า เป็นการโพสต์ข้อความ ใครก็เขียนได้ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ติดตามเพื่อจับกุม ถามว่าแล้วจับหรือยัง ถ้าทำความผิดละเมิดกฎหมายแล้วต้องทำอย่างไร เรื่องนี้ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยที่รัฐบาลที่อาจไม่บังคับใช้กฎหมาย เรื่องแบบนี้มี 2 ทางเสมอ รัฐบาลก็พยายามระมัดระวังอย่างยิ่ง     “ขอบอกว่าอย่าให้ใช้โอกาสนี้ในการทำให้บ้านเมืองไม่สงบก็แล้วกัน ต้องดูหลายๆ อย่าง ต้องไปดูข้อเท็จจริงว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า บริสุทธิ์ใจหรือไม่ การชุมนุมตามสิทธิขั้นพื้นฐานก็ต้องไปดูว่าการชุมนุมสามารถชุมนุมได้ แต่ละเมิดกฎหมายหรือไม่ต้องไปดูตามกฎหมายที่มีอยู่ เพราะฉะนั้น จะทำอะไรก็ขอให้ใช้ข้อเท็จจริงในเชิงประจักษ์ ซึ่งทุกคนคงทราบดีอยู่แล้ว วันนี้การพูดจาผมเองก็ไม่อยากไปพูดให้เกิดปัญหาอีก ดังนั้น ต้องหาวิธีในการแก้ปัญหาอย่างละมุนละม่อม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว        พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกลุ่มนักวิชาการและคณาจารย์ 105 คนออกแถลงการณ์สนับสนุน 10 ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษาที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องของท่าน แต่หวังว่าในประเทศไทยเราคงไม่มีนักวิชาการเพียง 105 คน เราจะมีคนเก่งเพียงเท่านี้หรือ เรามีอีกตั้งเป็นพันเป็นหมื่นคน ก็ต้องดูว่าคนเหล่านั้นมีความคิดเห็นอย่างไร ก็ต้องว่ากันมา แต่ข้อสำคัญก็ต้องไม่ไปก้าวล่วงหรือล่วงละเมิดอะไรต่างๆ     “ผมว่ามันไม่ใช่ประเทศไทยหรอกแบบนั้น และผมไม่แปลกใจรายชื่อตรงนี้ที่ผมเห็น เพราะแนวความคิดและการขับเคลื่อนของเขาที่ผ่านมามันก็เป็นแบบนี้ แต่มันหมิ่นเหม่เกินไปในขณะนี้ ประชาชนส่วนใหญ่รับไม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำถูกทำดีก็ควรขับเคลื่อนทำให้ประชาชนร่วมมือกันสร้างอนาคตของเราไปด้วยกัน”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า ในเรื่องการจัดกิจกรรมก็ต้องไปดูว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เงินเหล่านี้มาจากไหน สิ่งเหล่านี้ต้องตรวจสอบทั้งหมด ถือเป็นกลไกการทำงานปกติ ไม่ต้องไปสั่งใคร ถือเป็นกลไกตามปกติ       นายกฯ ย้ำว่า เรื่องนี้บังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว การจะคิดหรืออะไรก็ตาม แต่ก็ต้องให้หลักคิดหรือให้แนวความคิดที่ถูกต้อง เป็นไปได้ ปฏิบัติได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเดือดร้อนของประชาชนในวันนี้ คงไม่ใช่เรื่องเดียวที่มีการขอร้องกันมา ซึ่งเด็กก็กำลังเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ขอว่าให้แสดงความคิดเห็นในทางบวกจะดีเสียกว่า เพราะจะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้ในอนาคต ไม่เช่นนั้นก็จะแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลย จะมีแต่ความขัดแย้งกันไปตลอดเวลา มองเป็นอนาคตชาติ     พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวประเด็นตำรวจติดตามนักศึกษาว่า “โห ไม่มีๆ”     นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึง 10 ข้อเสนอว่า ในฐานะเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ก็ต้องรับฟังทุกข้อเสนอที่มีเหตุมีผลถูกต้องตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และไม่มีส่วนไปกระทบในสิ่งที่คนไทยทุกคนรับไม่ได้ ทุกคนมีสิทธิ์ให้ความเห็น เราก็ต้องรับฟัง แต่ต้องมีเหตุมีผล ปราศจากความคิดที่กระทบกระเทือนต่อสถาบันที่เคารพบูชาของพวกเรา น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้รายงานถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาหลายสถาบันว่า วันที่ 14 ส.ค. จะเชิญอธิการบดีมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้อง 2-3 แห่ง มาพูดคุยทำความเข้าใจ โดยนายกฯ ระบุว่า หลักการโดยรวมนั้นอยากให้มีสิทธิเสรีภาพชุมนุมอยู่แล้ว และไม่อยากให้ขัดแย้งเกิดขึ้นในสังคม รัฐบาลเปิดกว้าง แต่ขอให้เนื้อหาอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่ก้าวล่วงสิ่งที่ละเอียดอ่อน เพราะอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ขณะที่ข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อนั้น การคุกคามนั้นเราไม่มีการคุกคามอยู่แล้ว ไม่เคยเห็นประชาชน โดยเฉพาะนักศึกษานั้น ไม่มีวันที่จะมองว่าเป็นศัตรู มองเสมอว่าเป็นอนาคตของชาติ ฉะนั้นเรื่องคุกคามนั้นตัดไปได้เลย แต่เนื้อหาบางอย่างที่หมิ่นเหม่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต้องเข้าไปดำเนินการ อยากให้เข้าใจตรงนั้นด้วย          สำหรับความเคลื่อนไหวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักศึกษา มธ. และแกนนำเยาวชนปลดแอก ที่เมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 ส.ค. ได้โพสต์ถึงการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบติดตามนั้น ล่าสุดได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ยังปลอดภัย ขอขอบคุณทุกๆ คนที่เป็นหูเป็นตาให้ในค่ำคืนอันตรายที่ผ่านมา เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เพราะหมายจับเราก็ยังคงมี เราโดนคุกคามเช่นนี้มา 2 คืนแล้ว และเราไม่รู้เลยว่าคืนนี้เจ้าหน้าที่จะมาก่อกวนเราเหมือน 2 คืนที่ผ่านมาหรือเปล่า ซึ่งวัตถุประสงค์คุกคามชัดเจน คือไม่ต้องการให้เราพูดในสิ่งที่เป็นรากเหง้าของปัญหาการเมืองไทย คือสถาบันกษัตริย์ เราไม่ยอมหยุดพูดหรอก และอย่ามาดหมายว่าจะมีวิธีการใดปิดปาก     ต่อมานายพริษฐ์โพสต์เฟซบุ๊กว่า โดนแจ้งความข้อหามาตรา 112 แล้ว พร้อมโชว์เอกสารลงบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ สภ.เมืองเลย    ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการ สน.นางเลิ้งระบุว่า พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกนายพริษฐ์และพวกในนามกลุ่มเยาวชนปลดแอก-Free YOUTH รวม 5 คน เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหากรณีชุมนุมหน้ากองบัญชาการกองทัพบก เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ในความผิดฐานฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพียงข้อหาเดียว ซึ่งนายพริษฐ์ขอเลื่อนเข้าพบ เนื่องจากติดภารกิจอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งจากนี้หากไม่มาพบจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และออกหมายจับต่อไป     นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า เมื่อประมาณเที่ยงคืนน้องเพนกวินโทรศัพท์มาบอกว่ามีตำรวจมาล้อมหอพัก น้องเกรงว่าจะถูกควบคุมตัวไป จึงอยากให้ไปสังเกตการณ์ ซึ่งได้ให้กำลังใจและปลอบใจว่าตำรวจคงไม่กล้าทำ เพราะสื่อและสังคมกำลังจับตา โดยน้องถามว่าหากมีการจับกุมคนของพรรคเพื่อไทยพร้อมไปช่วยประกันตัวหรือไม่ ซึ่งตอบว่ายินดี เพราะการประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ การยื่นประกันตัวไม่ได้แปลว่าต้องเห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง แต่เพื่อให้โอกาสต่อสู้คดี สารพัดกลุ่มแห่แจ้งความ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าโพสต์ว่า การจับกุมนักศึกษาเป็นสิ่งที่ผิดอย่างร้ายแรง และไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา สิ่งที่ดีที่สุดคือการรับรองสิทธิ์ของพวกเขา ฟังสิ่งที่เขาต้องการพูดอย่างมีวุฒิภาวะ ตรงไปตรงมา ร่วมกันปกป้องคุณรุ้งและคุณเพนกวิน การแสดงออกของประชาชนไม่ใช่อาชญากรรม แต่คือการทำหน้าที่พลเมือง ส่วนที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี กลุ่มรักแผ่นดินเกิดได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี และคณะผู้จัดชุมนุมธรรมศาสตร์จะไม่ทน ฐานให้การสนับสนุนการชุมนุม และการปราศรัยที่จาบจ้วงก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งยุยงปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกภายในประเทศ ที่ สภ.เมืองขอนแก่น นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมือง ได้นำคณะกรรมการองค์กรฯ ยื่นหนังสือเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จากการขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อวันที่ 10 ส.ค.เช่นกัน โดยให้ดำเนินการเอาผิดตามมาตรา 112 และ 116 ด้านความเคลื่อนไหวในการประชุมกรรมการสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มีนายนรนิติ เศรษฐบุตร นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตอธิการบดี มธ.เป็นประธาน เพื่อหารือเป็นการเร่งด่วนนัดพิเศษต่อกรณีกิจกรรมธรรมศาสตร์จะไม่ทน ได้มีข้อสรุป 4 ข้อ ระบุว่า 1.ยืนยันในจุดยืนของการเป็นสถาบันการศึกษาที่สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.มหาวิทยาลัยยอมรับในสิทธิเสรีภาพและการแสดงออกของนักศึกษาภายใต้ขอบเขตแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย 3.คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอรับไปดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดอย่างรอบด้านเพื่อชี้แจงให้สังคมได้ทราบต่อไป และ 4.มหาวิทยาลัยจะพยายามป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในมหาวิทยาลัย โดยเชื่อในแนวทางการปรึกษาหารือกันแบบสันติวิธี ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี 105 คณาจารย์สนับสนุนกิจกรรมธรรมศาสตร์จะไม่ทน ว่ารัฐธรรมนูญทุกยุคทุกสมัยมักบัญญัติถ้อยคำเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์มาโดยตลอดว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ถ้าอ่านแค่นี้ยังไม่เข้าใจก็ไม่ควรให้ใครมาเรียกว่าอาจารย์ แต่ควรให้เรียกว่าอาจมจึงจะถูกกับสภาวะวิสัยในขณะนี้     นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อจดหมายเปิดผนึกกรณี 10 ส.ค. โดยได้เล่าตั้งแต่อยู่ในรั้ว มธ.ปี 2540 ก่อนกล่าวถึงข้อเสนอ 10 ข้อของผู้ชุมนุมว่า ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนรูปแบบของรัฐ ประเทศไทยยังคงเป็นราชอาณาจักร มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของรัฐสืบทอดทางสายโลหิตเช่นเดิม ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อไม่มีตรงไหนที่กระทบถึงการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย ตรงกันข้าม ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อคือการนำสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าสำคัญอย่างยิ่งยวดขึ้นมาพูดคุยอย่างเปิดเผย จริงใจ ตรงไปตรงมา ทั้งหมดก็เพื่อธำรงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย จุดชนวนไฟลามทุ่ง “การผลักไสให้พวกเขาเป็นพวกล้มเจ้า ชังชาติก็ดี การใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อปิดปากพวกเขาก็ดี การประดิษฐ์สร้างให้พวกเขาเป็นวายร้าย หรือศัตรูของรัฐก็ดี ทั้งหมดนี้ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ รังแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม วิธีการเหล่านี้ ไม่สามารถตัดไฟแต่ต้นลมได้ แต่มันจะกลายเป็นชนวนจุดไฟให้ลามทุ่ง” นายปิยบุตรโพสต์ นายปิยบุตรโพสต์อีกว่า ยืนยันมาโดยตลอดตั้งแต่สมัยเป็นนักวิชาการจนกระทั่งมาเป็นนักการเมืองว่า ประเทศไทยต้องเป็นราชอาณาจักรปกครองในระบอบประชาธิปไตย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ นั่นก็คือ Kingdom + Democracy + Parliamentarism = Constitutional Monarchy ซึ่งกาลเวลาหมุนเดินหน้ามาสู่ศตวรรษที่ 21 เราฝืนกฎธรรมชาติไม่ได้ สังคมก้าวรุดหน้าไปตามกาลสมัย การทวนเข็มนาฬิกาให้กลับไปที่เดิม สุดท้ายเข็มนาฬิกานั้นก็เดินหน้ากลับมาใหม่อยู่ดี ในห้วงยามหัวต่อหัวเลี้ยวเช่นนี้ มีแต่ประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงอยู่ในสังคมไทยอย่างทรงพระเกียรติยศอย่างมั่นคงสถาพร เป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นมิ่งขวัญแก่อาณาประชาราษฎร์ มีประชาธิปไตยเป็นตัวตั้งพื้นฐาน “เราก็เป็นเพื่อนร่วมชาติ และไม่มีใครรักชาติมากน้อยไปกว่ากัน ยังพอมีเวลาและโอกาส อย่าทำให้สถานการณ์เลื่อนไถลไปรุนแรงจนไม่มีใครควบคุมหรือคาดคิดได้ ร่วมมือกันทุกฝักฝ่ายเถอะ เพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตย และธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์”     ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการอภิปรายรายงานประจำปี 2562 ของศาลรัฐธรรมนูญ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า คำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดม็อบนักศึกษาก่อนช่วงโควิด และตอนนี้กลับมาอีกครั้ง เพราะเห็นความไม่ชอบธรรม จุดเริ่มต้นนั้นมาจากศาลรัฐธรรมนูญและถ้าเกิดมีวิกฤติ มีการปราบปรามฆ่ากันตาย นี่คือต้นเหตุจากความอยุติธรรมซึ่งเกิดจากศาลรัฐธรรมนูญ ต่อมาในช่วงบ่าย ที่ประชุมได้พิจารณารายงานศึกษาเรื่องแนวทางการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ ตามที่คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานได้พิจารณาเสร็จแล้ว       โดยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายในสภาตอนหนึ่งว่า อยากฝากไปถึง ส.ว. ว่าการที่ออกมาขู่การชุมนุมของนักศึกษา ว่าเป็นการจาบจ้วงสถาบันฯ และอาจนำไปสู่การนองเลือดนั้น ไม่พูดเรื่องนี้จะดีกว่า การอภิปรายแบบนี้ มีแต่จะสร้างบรรยากาศของความหวาดกลัว ความขัดแย้งเก่ายังไม่ได้ถูกแก้ แล้วยังจะสร้างความขัดแย้งใหม่ขึ้นมา โอกาสนำไปสู่การปรองดองก็คงเป็นเรื่องยาก     นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลอภิปรายว่า มีการกล่าวหาว่านักศึกษาหลอกง่าย ถ้าหลอกง่ายก็อยากให้นายกฯ หลอกเขากลับไปบ้าง ไปกล่าวหาว่าเขาเป็นเครื่องมือของใคร เขาไม่มีทางเป็นเครื่องมือเหมือนกลุ่มคน 250 คนที่มาโหวตให้ท่านเป็นนายกฯ ซึ่งเหตุการณ์ในอดีตยังหาความปรองดองกันไม่ได้เลย แล้วความขัดแย้งในวันนี้ที่อาจเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดที่เราอาจได้เห็นในช่วงชีวิตนี้ของเรา ก็อาจจะไม่มีทางปรองดองกันได้ สิ่งที่รัฐบาลนี้กำลังทำอยู่ ไม่ได้เรียกว่าการปรองดอง แต่เป็นการปองร้ายประชาชน.

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0