เมื่อคืนนี้ เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมกับเหตุระเบิดใหญ่ 2 ครั้ง ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน ซึ่งหลายฟุตเทจจากวีดีโอของเหตุการณ์นี้ ชี้ให้เห็นว่า เกิดควันสีแดงขุ่นลอยขึ้นมาเหนือบริเวณท่าเรือ ก่อนที่จะเกิดระเบิดอีกครั้งตามมา ที่ทำให้อาคารบ้านเรือนพังพินาศเสียหาย คนจำนวนมากตะโกนขอความช่วยเหลือขณะที่บาดเจ็บ และว่ากันว่าแรงระเบิดส่งไปไกลถึงเกาะไซปรัสที่อยู่ห่างออกไป 240 กิโลเมตรเลยทีเดียว
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอส์รายงานว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 100 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 4,000 คน
.
ทั้งประธานาธิบดีของเลบานอน มิเชล อูน กล่าวว่าสาเหตุของการระเบิดครั้งนี้มาจากสารแอมโมเนียมไนเตรทกว่า 2,750 ตัน ซึ่งถูกยึดไว้ตั้งแต่ปี 2013 ก่อนถูกนำมาเก็บไว้บริเวณท่าเรือแห่งนี้ แต่อย่างไรก็ดี ชนวนที่ทำให้เกิดการระเบิดครั้งยังคงไม่ชัดเจน
.
โดยอูนกล่าวด้วยว่า รัฐบาลเตรียมจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเบรุสเป็นเวลา 2 อาทิตย์ และนำเงินราว 66 ล้านดอลลาร์ออกมาใช้เพื่อเยียวยาเหตุการณ์ พร้อมทั้งให้มีการไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน
ขณะที่แอนโธนี่ เมย์ อดีตเจ้าหน้าที่ ATF ซึ่งทำหน้าที่ดูแลเรื่องอาวุธปืนและระเบิดของสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า หากการระเบิดเกิดจากแอมโมเนียมไนเตรทจริง ควันที่ลอยออกกมาควรจะเป็นสีเหลือง ไม่ใช่สีแดงแบบในวีดีโอ ดังนั้น สาเหตุของการระเบิดอาจจะมาจากสารอื่นร่วมด้วย ทั้งนี้เธอมองว่าแรงระเบิดที่เกิดขึ้นก็เทียบเท่ากับแรงระเบิดของขีปนาวุธลูกย่อมๆ เลยทีเดียว
การระเบิดครั้งนี้ทำให้เลขาธิการของพรรคคาเทฟ (Kataeb) นิซาร์ นาจาเรียน เสียชีวิต และยังทำให้บ้านพักประจำตำแหน่งของประธานาธิบดี ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 1.6 กิโลเมตร ได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลเลบานอนได้ทำการขอความช่วยเหลือไปยังมิตรประเทศแล้ว ทั้งสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา อิหร่าน ฝรั่งเศส รวมถึงอิสราเอลซึ่งเคยมีความขัดแย้งต่างก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ
อัพเดตข้อมูลเวลา 15.15 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2020
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/world-middle-east-53656220
#Brief #TheMATTER