สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น : กิโมโนชั้นสูง-ตำนานทวยเทพ ที่จะปรากฏในพระราชพิธีขึ้นครองราชย์สู่รัชสมัยเรวะ – BBCไทย
พระราชพิธีสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และการขึ้นครองราชย์ของเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมาร จะเป็นพระราชพิธีที่ “เคร่งขรึม” ตามครรลองประเพณี นอกเหนือจากเครื่องราชกกุธภัณฑ์ 3 สิ่งแล้ว กิโมโน หรือเครื่องแต่งกายตามประเพณีญี่ปุ่น มีส่วนสำคัญต่อพระราชพิธีเช่นกัน
ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์กิโมโนโอเมะ เคโซ ซูซูกิ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี อธิบายว่ากิโมโนที่สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่จะทรงสวมในวันที่ 1 พ.ค. 2562 เรียกว่า ‘โซกุไต’ (Sokutai) เป็นชุดบุรุษสูงศักดิ์โบราณ มีประวัติย้อนไปนับแต่สมัยเฮอัน
กิโมโน ‘โซกุไต’ ไม่ได้นำมาสวมใส่บ่อยนักในปัจจุบัน เพราะความซับซ้อนในการสวมใส่ และเป็นชุดที่ต้องสวมทับหลายชั้น
“ฉลองพระองค์ในพระราชพิธีของผู้ชายเรียกว่าโซกุไต ส่วนผู้หญิง จะเรียกว่าจูนิฮิโตะ” ซูซูกิ ระบุ “เป็นกิโมโนตามประเพณีนับแต่สมัยเฮอัน (ระหว่างศตวรรษที่ 8 ถึง 12)”
- สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น : อาจารย์จุฬาฯเล่าความประทับใจต่อสมเด็จพระจักรพรรดิ และรัชทายาท 2 พระองค์
- สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น : ความเป็นมา ความหมาย และหมายกำหนดการ พระราชพิธีขึ้นครองราชย์
ส่วนสำคัญที่สุดของฉลองพระองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ คือ พระมาลา (หมวก) คันมูริ สีดำด้านและมีหางยาวตั้งสูงตรงถึง 60 เซ็นติเมตร
นกฟินิกซ์
กิโมโนหลวง (Royal Kimono) ที่สมาชิกในราชวงศ์ญี่ปุ่นสวมใส่ มักจะมีลวดลาย ‘นก’ ซึ่งชาวญี่ปุ่นถือเป็นทูตสวรรค์ตั้งแต่โบราณกาล โดยเฉพาะลวดลายนกฟินิกซ์ หรือนกไฟอมตะ บนกิโมโนของสมเด็จพระจักรพรรดินั้น ซูซูกิ บอกว่า “มีความหมายถึงสันติภาพ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่เสด็จขึ้นครองราชย์”
ซูซูกิอธิบายต่อว่า สีน้ำตาลทองเป็นสีของกิโมโนที่สมเด็จพระจักรพรรดิเท่านั้นทรงสวมได้ เปรียบเหมือนพระอาทิตย์ ส่วนสมาชิกในราชวงศ์พระองค์อื่นจะทรงสวมฉลองพระองค์สีดำ แดง น้ำเงิน หรือสีอื่น ๆ ตามยศถาบรรดาศักดิ์
ระหว่างพระราชพิธีนั้น สมเด็จพระจักรพรรดิและสมาชิกราชวงศ์ชาย จะทรงถือคทา ที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ‘ชาขุ’ (Shaku) ทำจากแผ่นไม้ทรงแบนเรียบ ไว้ในพระหัตถ์
- ญี่ปุ่นประกาศชื่อรัชสมัย เรวะ รับพระจักรพรรดิองค์ใหม่
- ราชาภิเษก : โดม สุขวงศ์ นักอนุรักษ์ฟิล์มผู้สานต่ออดีตที่ขาดช่วงผ่านภาพเคลื่อนไหวโบราณ
ในอดีตนั้นมีบางครั้งที่มีการสอดหมายกำหนดการไว้ด้านหลังชาขุเพื่อช่วยให้ดำเนินตาม ขั้นตอนของพระราชพิธีที่มีความสลับซับซ้อนได้โดยไม่ติดขัด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์โทมิทาโร ฮาชิโมโตะ ผู้เชี่ยวชาญวิชาชินโตศึกษา มหาวิทยาลัยเรตาคุ ชี้ว่า คทา ‘ชาขุ’ ยังมีบทบาทอื่นอีกด้วย
“คนรอบข้างจะสังเกตเห็นได้ทันทีว่า จิตใจคุณมีสมาธิ หรือว่อกแว่กหรือไม่ จากการที่ชาขุเอียงไปด้านข้าง”
ฉลองพระองค์สมเด็จพระจักรพรรดินี
ว่าที่สมเด็จพระจักรพรรดินี เจ้าหญิงมาซาโกะ พระชายาในมกุฎราชกุมารนารุฮิโตะ จะทรงฉลองพระองค์ด้วยกิโมโนชั้นสูงที่ตัดเย็บอย่างประณีต ซึ่งชาวญี่ปุ่นรู้จักในชื่อ ‘จูนิฮิโตะ’ (Junihitoe) หรือกิโมโนที่มีหลายชั้น
“เริ่มจากสวมโคะโซะเดะสีขาว ทับด้วยฮะกะมะสีแดง สีม่วง สีเขียว และสุดท้ายฮะกะมะสีกุหลาบ พอซ้อนทับรวมกันแล้ว พระอังสา (บ่า) ต้องรับน้ำหนักถึง 12 กิโลกรัมเลยทีเดียว” ซูซูกิ อธิบาย
แม้จูนิฮิโตะ จะแปลว่า 12 ชั้น แต่ในความเป็นจริง ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่า สมเด็จพระจักรพรรดินีต้องทรงฉลองพระองค์กี่ชั้น ยกตัวอย่าง สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะทรงฉลองพระองค์ 9 ชั้น ในพระราชพิธีเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระสวามี
ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์กิโมโนโอเมะวิเคราะห์ว่า เจ้าหญิงมาซาโกะ จะทรงเลือกสีของกิโมโนแต่ละชั้นด้วยพระองค์เอง แต่จะคงลวดลายที่คล้ายกับฉลองพระองค์ที่สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะทรงสวมใส่ในปี 2532
ประกอบด้วยกิโมโนโทนสีแดงเข้ม ชายกิโมโนและส่วนล่างของอาภรณ์ชั้นต่าง ๆ จะมองเห็นได้จากภายนอก แล้วทรงสวมเสื้อคลุมสีครีมที่มีปกเสื้อสีม่วงอ่อนทับอีกชั้นหนึ่ง
พระเกศาจะขมวดขึ้นและแผ่บานออกด้านข้าง พร้อมด้วยพระเวณี (ผมเปีย) ยาวมาด้านหลัง และจะทรงประดับปิ่นปักผมสีทองขนาดใหญ่บริเวณพระนลาฎ (หน้าผาก)
เช่นเดียวกับชุดโซกุไต ฉลองพระองค์จูนิฮิโตะ เป็นชุดที่สมเด็จพระจักรพรรดินีไม่ทรงสวม บ่อยนัก นอกเหนือจากในพระราชพิธีสำคัญ และพระราชพิธีเสกสมรส เพราะมีน้ำหนักมาก
เครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งเทพ
สำหรับพระราชพิธีขึ้นครองราชย์นี้ จุดสำคัญจะอยู่ที่การถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์สามสิ่ง หรือเรียกว่า ไตรราชกกุธภัณฑ์ (ซันซู โนะ จิงงิ) อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นจักรพรรดิ
ตามประเพณีญี่ปุ่น พระราชพิธีนี้เป็นพระราชพิธีที่ถือตามคติทางชินโต หรือวิถีแห่งเทพ เพราะตามตำนานญี่ปุ่นเล่าว่า สุริยะเทวีอามาเทราสึ ประทานเครื่องราชกกุธภัณฑ์ 3 สิ่งนี้ ให้พระนัดดา นินิงิ โนะ มิโคโตะ เสด็จลงจากสวรรค์มาปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษิตริย์แห่งยามาโตะ พระนามว่า จักรพรรดิจิมมุ เมื่อ 711 ปีก่อนคริสตกาล
ไตรราชกกุธภัณฑ์ ได้แก่ กระจก ‘ยาตะ โนะ คากามิ’, พระขรรค์ ‘คุซานางิ โน ซุรุกิ’ และอัญมณีมางาตามะ ‘ยาซาคานิ โน มางาตามะ’ ซึ่งมีรูปทรงคล้ายหยดน้ำ
ทั้งนี้ กระจก พระขรรค์ และอัญมณีมางาตามะ ไม่เคยปรากฏในภาพถ่าย แม้แต่สมเด็จพระจักรพรรดิเองก็ไม่เคยได้ทอดพระเนตร
ดังนั้น ในพระราชพิธีเสด็จขึ้นครองราชย์ วันที่ 1 พ.ค. 62 เครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่จะถวายให้สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ จะประกอบด้วย พระขรรค์จำลอง และอัญมณีมางาตามะของจริง ส่วนกระจกจำลองนั้น ไม่ได้นำมาใช้ในพระราชพิธี โดยทั้งหมดจะห่อหุ้มด้วยผ้า และจะนำไปประดิษฐานไว้ในพระราชวังต่อไป