ศาลสั่งปล่อยตัว "เพนกวิน" ชั่วคราว ลั่นไปร่วมชุมนุมใหญ่ 16 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จับกุมตัว นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) แกนนำกลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนท.) และแกนนำเยาวชนปลดแอก ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1172/2563 ในข้อหายุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ รวม 7 ข้อหา หลังเป็นแกนนำขึ้นปราศรัยในการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ผุ้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ สน.สำราญราษฎร์ ได้ควบคุมตัวนายพริษฐ์ไปฝากขังยังศาลอาญา โดยศาลได้อนุญาตให้ทำการปล่อยตัว นายพริษฐ์ ชั่วคราว โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ เพราะป่วยเป็นโรคหอบหืด แต่มีเงื่อนไขคือห้ามไปกระทำความผิดซ้ำในฐานความผิดเดิม
นายพริษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขอขอบคุณทีมทนายความ และคณาจารย์ มธ.ที่ช่วยประกันตัวที่ไม่ทิ้งลูกศิษย์ และขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ ซึ่งตอนแรกตนตั้งใจว่าจะไม่ประกันตัว แต่พอหารือกับครอบครัวและทนายความจึงคาดว่าหากไม่ประกันอาจเป็นปัญหาในวันพรุ่งนี้เพราะเป็นวันหยุดเข้าเยี่ยมไม่ได้จึงเกรงจะไม่ปลอดภัย โดยศาลได้ตั้งเงื่อนไขห้ามไม่ให้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาเดิมเช่นเดียวกับกรณีนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดทอง หรือไมค์ ระยอง ซึ่งทนายความได้หารือกับเจ้าหน้าที่ระบุว่าสามารถชุมนุมได้ จึงยืนยันว่าตนจะไปชุมนุมใหญ่ในวันที่ 16 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแน่นอน
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ตนไม่เข้าใจว่าตำรวจจะไปค้นบ้านพักทำไม ทราบว่าไปหาอุปกรณ์ที่ทำผิดกฎหมาย ถามว่าหาอะไร ป้ายผ้า กระดาษปากกาหรือไม่ มองว่าการค้นบ้านนั้น เป็นการใช้อำนาจคุกคามข่มขู่ประชาชน ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ทราบว่ามีตำรวจหน่วยพิเศษคอยติดตามเฝ้าดูตนอยู่ จนตอนนี้ล้มป่วยเพราะ มีตำรวจไปหาที่บ้าน ที่หอพักทุกวันจนไม่ได้หลับนอน เป็นเครื่องสะท้อนความป่วยไข้ของสังคมและรัฐบาลนี้
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาตนมีหมายจับอยู่แล้ว และไปสถานที่ราชการหลายแห่ง แต่กลับมาโดนจับเมื่อวันที่ 15 ส.ค. เชื่อว่าเหตุผลมาจากการที่ตนขึ้นปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เรื่องการปฏิรูป 10 ข้อ ตามที่ระบุในเอกสารบนเพจธรรมศาสตร์และการชุมนุมซึ่งจะเป็นประเด็นหลักของการชุมนุมครั้งนี้ มากกว่า 3 ข้อเรียกร้องแรก
“ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้เป็นการล้มล้างสถาบัน แต่เป็นการสะกิดเตือนเพื่อให้ดำรงอยู่ได้ในสังคมปัจจุบัน ตอนนี้เข้าใจว่ามีเพื่อนๆ หลายคนมีหมายจับและกำลังจะถูกจับ พวกผมยินดีที่จะช่วยเหลือ ผมไม่เสียใจที่จะถูกจับเพราะคิดมาตลอด แต่การถูกจับครั้งนี้ต้องไม่สูญเปล่า เพราะข้อเสนอดังกล่าวจะเป็นที่พูดถึงมากขึ้น สิ่งที่เราขยายเพดานไปนั้นจะไม่มีวันลดลง หากการชุมนุมในวันพรุ่งนี้จะเกิดความรุนแรง ยืนยันว่าจะไม่เกิดจากฝั่งผม คนกลุ่มเดียวที่มีอาวุธคือตำรวจและทหาร” นายพริษฐ์ กล่าว
ขณะที่นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ แกนนำเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การที่ห้ามตนกระทำผิดตามข้อกล่าวหา ซึ่งข้อกล่าวหานั้นศาลยังไม่ได้ชี้ชัดว่า เป็นความผิดหรือไม่ การออกมาแสดงสิทธิเสรีภาพของตนภายใต้รัฐธรรมนูญ การขึ้นเวทีปราศรัยของตนเป็นการแสดงออกซึ่งสิทธิและเสรีภาพตามกฎหมาย ทั้งนี้ในการไต่สวนของศาลตนไม่มีความกังวลใจ เพราะยังไม่ได้ชี้มูลความผิดเป็นเพียงแค่ข้อกล่าวหาซึ่งต้องรอเข้าสู่กระบวนการตามกฏหมายและความยุติธรรมที่ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหนก็พร้อมจะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะนักสู้ย่อมมีบาดแผลไม่ว่าจะบาดแผลเล็กหรือบาดแผลใหญ่ ยืนยันว่าในวันที่ 16 ส.ค. จะขึ้นปราศรัยใหญ่ที่เวทีอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย อย่างแน่นอน
สำหรับนายพริษฐ์ ถูกเเจ้งข้อหาใน ดังนี้ 1.ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมาย แห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน2.ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่า จะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด3.ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ในลักษณะมั่วสุมกันหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย ชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทำการดังกล่าว อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตราย หรือโรคแพร่ระบาดออกไปฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ 4.ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัย หรือความสะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของหรือโดยกระทำด้วยประการอื่นใด 5.ร่วมกันวางตั้งยื่นหรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร, ร่วมกันตั้งวางหรือกองวัตถุใด ๆ บนถนน 6.ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 7.ร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 8.ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงาน ซึ่งสั่งการตามอำนาจหน้าที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร นอกจากนี้ยังโดน ดำเนินคดีฐานละเมิดอำนาจศาลด้วย